ในวาระครบรอบ 35 ปีแห่งการให้บริการ เอไอเอส (AIS) ได้ประกาศทิศทางครั้งสำคัญในการก้าวสู่การเป็น ‘Cognitive Telco’ หรือองค์กรโทรคมนาคมอัจฉริยะอย่างเต็มรูปแบบ โดยมีเป้าหมายที่จะนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาเป็นพลังขับเคลื่อนหลักไม่เพียงแต่สำหรับองค์กร แต่เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยอย่างยั่งยืน พร้อมกันนี้ ได้มีการเปิดตัวโครงสร้างผู้บริหารชุดใหม่ภายใต้การนำของ 3 รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ที่จะเข้ามาเป็นแม่ทัพในการขับเคลื่อนธุรกิจในแต่ละส่วนให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งในอนาคต
สมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AIS กล่าวในงานแถลงข่าว “35 ปี AIS – A Vison for a Sustainable Future” ว่า ตลอด 35 ปีที่ผ่านมา AIS ได้วางรากฐานดิจิทัลที่แข็งแกร่งให้กับประเทศ และในก้าวต่อไป บริษัทจะมุ่งสู่การเป็น Cognitive Telco ซึ่งเป็นการต่อยอดจากวิสัยทัศน์ Digital Service Provider เดิมให้ “ฉลาดขึ้น” ด้วยการนำ AI เข้ามาผสมผสานในทุกกระบวนการทำงาน วิสัยทัศน์นี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การสร้างผลกำไรให้บริษัท แต่มีเป้าหมายที่ใหญ่กว่านั้น คือการทำให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันและเติบโตต่อไปได้ในเวทีโลก
เปิดตัว 3 แม่ทัพใหม่และ “9 อรหันต์” ขับเคลื่อน 3 แกนหลัก
เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจและภารกิจที่ใหญ่ขึ้น สมชัยได้กล่าวย้ำอย่างชัดเจนว่าตนเองยังไม่วางมือจากตำแหน่ง แต่การขยายตัวของธุรกิจทำให้จำเป็นต้องมีทีมผู้บริหารที่แข็งแกร่งเข้ามาช่วยดูแล จึงได้ประกาศแต่งตั้งรองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (Deputy CEO) 3 ท่าน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทีมผู้บริหารระดับสูงรวม 9 คนที่=สมชัยเรียกว่าเป็น “9 อรหันต์” เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนองค์กร ประกอบด้วย
ปรัธนา ลีลพนัง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ (Deputy CEO and COO) ซึ่งเป็นผู้บริหารที่เติบโตมากับองค์กรและมีประสบการณ์ทำงานกับ AIS ยาวนานกว่า 28 ปี โดยมีเส้นทางอาชีพที่โดดเด่นจากการเป็นวิศวกรผู้วางแผนโครงข่ายยุคแรก (GSM) ก้าวสู่การเป็นผู้บริหารระดับสูงสายงานการตลาดและผลิตภัณฑ์ดิจิทัล จะเข้ามาดูแลรับผิดชอบธุรกิจหลักในปัจจุบัน (Core Business) ซึ่งสร้างรายได้กว่า 80-90% ของบริษัท ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ บรอดแบนด์ และลูกค้าองค์กร เพื่อรักษาความแข็งแกร่งและสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ธีร์ศรี อัมพรโรจน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน (Deputy CEO and CFO) ผู้มีประสบการณ์บริหารการเงินในองค์กรชั้นนำระดับประเทศและสากล อาทิ Merrill Lynch และ Thai Beverage จะเข้ามากำกับดูแลยุทธศาสตร์การเงิน การลงทุน พร้อมขับเคลื่อนธุรกิจบรอดแบนด์ และสร้างธุรกิจใหม่ ๆ ที่จะเป็น S-Curve หรือ New Growth Engine ให้กับบริษัทในอนาคต
กานติมา เลอเลิศยุติธรรม รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านธุรกิจองค์กร (Deputy Chief Executive Officer and Chief Corporate Officer) และดำรงตำแหน่งหัวหน้าคณะผู้บริหารด้านทรัพยากรบุคคล (Group Chief Human Resources Officer) กลุ่มเอไอเอส ด้วยประสบการณ์การบริหารกว่า 30 ปีในหลากหลายอุตสาหกรรม ทั้งไอที (Microsoft) การเงินการธนาคาร (EXIM Bank, AIG) และค้าปลีก (Watson, MC GROUP) จะเข้ามาดูแลงานหลังบ้านทั้งหมด (Back Office) ตั้งแต่ทรัพยากรบุคคล การจัดซื้อ และงานธุรการ เพื่อเป็นหน่วยสนับสนุนที่แข็งแกร่งให้ทัพหน้าสามารถดำเนินงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
กางแผนธุรกิจ ‘บ้าน AIS’ ต่อยอดแกนหลักสู่เครื่องยนต์สร้างการเติบโตใหม่
สมชัยได้อธิบายโครงสร้างธุรกิจของ AIS แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก คือ ลูกค้าส่วนบุคคล (Individual) ลูกค้าบ้าน (Home) และ ลูกค้าองค์กร (Enterprise) โดยตัวบ้านแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลักคือ 1. ธุรกิจแกนหลัก (Core Business) ที่มีความแข็งแกร่งอยู่แล้ว โดยมีโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล 3 เสาหลักที่แข็งแกร่งที่สุดในประเทศ คือ เครือข่ายไร้สาย 5G ที่มีคลื่นความถี่มากที่สุดและครอบคลุมที่สุด เครือข่ายบรอดแบนด์ (AIS Fibre และ 3BB) ที่ครอบคลุมมากที่สุด และ Digital Infrastructure สำหรับองค์กร ซึ่งล่าสุดได้ขยาย Data Center เพิ่มเติม
กับ 2. เครื่องยนต์สร้างการเติบโตใหม่ (New Growth Engines) เป็นกลุ่มธุรกิจแห่งอนาคตที่จะผลักดันให้มีสัดส่วนรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ประกอบด้วย Retail พัฒนาร้านค้าและช่องทางการจัดจำหน่าย
Entertainment ยกระดับ AIS PLAY ให้เป็น Entertainment Platform ของคนไทย Digital Finance ต่อยอดความร่วมมือกับพันธมิตรอย่าง PTTOR และธนาคารกรุงไทยในการเตรียมความพร้อมสำหรับ Virtual Bank โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มการเข้าถึงบริการทางการเงิน (Financial Inclusion) ให้กับประชาชนกลุ่มที่อาจยังเข้าไม่ถึงบริการธนาคารเต็มรูปแบบ ซึ่งขณะนี้ได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทยแล้วและรอใบอนุญาตที่ถูกต้องในช่วงต้นปีหน้า
35 ปีแห่งการเดินทางเคียงข้างคนไทยในทุกวิกฤติ
ตลอดระยะเวลา 35 ปี AIS ไม่เพียงแต่มุ่งพัฒนาบริการและเทคโนโลยี แต่ยังยึดมั่นในภารกิจการอยู่เคียงข้างคนไทยและสังคมไทยเสมอมา โดยกานติมาเสริมว่า DNA สำคัญของคน AIS คือการเป็น “พลเมืองที่ดี” (Good Citizen) ของสังคม ซึ่งสะท้อนผ่านการลงมือทำในทุกวิกฤตของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์แผ่นดินไหว ถนนทรุดตัวหน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล ไปจนถึงการใช้สัญญาณ AIS ผ่านฟีเจอร์ SOS ใน Apple Watch เพื่อช่วยชีวิตคน
นอกจากนี้ บริษัทยังมุ่งมั่นพัฒนาศักยภาพคนไทยผ่าน AIS Academy ซึ่งก่อตั้งโดยกานติมาเพื่อเตรียมความพร้อมบุคลากรรับยุค Digital Disruption โดยร่วมมือกับมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลกอย่าง MIT Harvard และ Stanford ก่อนจะขยายผลสู่สังคมในโครงการ “AIS Academy for Thais ภารกิจคิดเผื่อ เพื่อคนไทย” และต่อยอดสู่แพลตฟอร์ม LearnDi ที่ร่วมมือกับพันธมิตร EdTech ชั้นนำ เพื่อส่งต่อองค์ความรู้และทักษะใหม่ ๆ สู่คนไทยในวงกว้าง
ล่าสุด เพื่อรับมือสังคมสูงวัย จะมีการจัดงานใหญ่ “Life Fest 40+” ในวันที่ 17-19 ตุลาคมนี้ ที่ CentralWorld อีกด้วย ขณะเดียวกัน ภารกิจเพื่อสังคมยังครอบคลุมด้านสาธารณสุข โดยโครงการระดมทุนในวาระ 35 ปี จะนำไปช่วยเหลือโรงพยาบาล 2 แห่ง คือ โรงพยาบาลอุ้มผาง ที่ช่วยเหลือต่อเนื่อง และโรงพยาบาลเขาย้อย จ.เพชรบุรี ซึ่งเป็นโรงพยาบาลชุมชนขนาดเล็ก มีแพทย์เพียง 6 คน แต่ต้องดูแลประชากรกว่า 40,000 คน รวมถึงแรงงานข้ามชาติอีกเกือบ 50,000 คน โดยยังขาดแคลนอุปกรณ์สำหรับห้องผู้ป่วยจิตเวช และแม้กระทั่งเก้าอี้สำหรับนั่งรอของผู้ป่วยและญาติ
ตอกย้ำความเชื่อมั่นและคืนกำไรสู่ลูกค้า
ธีร์ศรีกล่าวว่า ความสำเร็จและความน่าเชื่อถือของ AIS ตลอด 35 ปี มาจากการได้รับความไว้วางใจจากทั้งลูกค้าและนักลงทุน ซึ่งเป็นผลมาจากการบริหารจัดการและการกำกับดูแลกิจการที่เข้มแข็ง โดยบริษัทมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งมาก ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับประเทศที่ AAA (โดย Fitch) และระดับสากลที่ BBB+ (โดย S&P) ซึ่งเทียบเท่ากับอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย
เพื่อเป็นการขอบคุณลูกค้าในโอกาสพิเศษนี้ AIS ได้จัดแคมเปญใหญ่ “AIS 1 Point” ภายใต้แนวคิด “12 ว้าว 12 วีค” ซึ่งปรัธนากล่าวว่า เป็นแคมเปญที่ตั้งใจ “ขออนุญาตแจก” เพื่อคืนกำไรให้ลูกค้าอย่างแท้จริง โดยลูกค้าสามารถใช้เพียง 1 คะแนน แลกรับหรือลุ้นรับของรางวัลสุดพิเศษตลอด 12 สัปดาห์เต็ม เริ่มต้นสัปดาห์แรกด้วยการแจกรถยนต์ แคมเปญนี้จะจัดขึ้นตั้งแต่วันนี้ยาวไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2568 โดยลูกค้าสามารถติดตามรายละเอียดและร่วมกิจกรรมได้ผ่านแอปพลิเคชัน myAIS
การเดินทางตลอด 35 ปีของ AIS ได้พิสูจน์ถึงการเป็นผู้นำที่ไม่ได้หยุดนิ่งอยู่กับความสำเร็จในอดีต แต่กำลังกำหนดนิยามใหม่ของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมด้วยวิสัยทัศน์ Cognitive Telco ที่จะนำพาองค์กร สังคม และประเทศไทยให้เติบโตไปข้างหน้าอย่างยั่งยืนและชาญฉลาดในยุคดิจิทัลอย่างแท้จริง
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
