ในยุคปัจจุบันที่ความชราไม่ได้ถูกมองว่าเป็นเพียงปรากฏการณ์ตามธรรมชาติที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้อีกต่อไป แต่กลับกลายเป็นโจทย์ทางวิศวกรรมที่มนุษย์สามารถแก้ไขและชะลอได้ด้วยวิทยาศาสตร์การแพทย์สมัยใหม่ บทสนทนาเรื่องสุขภาพในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้จึงไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่การรักษาโรค แต่ได้ขยายขอบเขตไปสู่สิ่งที่เรียกว่า เศรษฐกิจเพื่อความยั่งยืนของชีวิต (Longevity Economy) ซึ่งกำลังก่อตัวเป็นเครื่องยนต์ขับเคลื่อนการเติบโต (Growth Engine) ระลอกใหม่ที่สำคัญของระบบเศรษฐกิจโลกและประเทศไทย
เวทีเสวนาในหัวข้อ “เครื่องยนต์ขับเคลื่อนการเติบโตถัดไปของไทย” (Thailand Next Growth Engine) ในงาน Follow the Future 2025 จึงกลายเป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนมุมมองที่น่าจับตามอง โดยมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิระดับแนวหน้าอย่าง นายแพทย์วีรพล เขมะรังสรรค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมดีซ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MEDEZE ซึ่งเป็นธนาคารเก็บสเต็มเซลล์แห่งแรกในประเทศไทย และ พัฒน์สิณา เอี่ยวอุดมสิน ผู้จัดการธุรกิจซีมิโอ ลองจิจิวิตี้ (Semio Longevity Business Manager) จาก บิทคับ ลองจิจิวิตี้ (Bitkub Longevity) หรือ สเตย์ โกลด์ (Stay Gold) ได้ร่วมกันมองภาพอนาคตเมื่อมิติของสุขภาพ (Health) และความมั่งคั่ง (Wealth) ถูกหลอมรวมเป็นเรื่องเดียวกัน พร้อมทั้งกางแผนที่นำทางประเทศไทยให้ก้าวข้ามจากการเป็นเพียงผู้ให้บริการ สู่การเป็นผู้กำหนดทิศทางในอุตสาหกรรมการแพทย์ระดับโลก
นิยามใหม่ของความยืนยาวที่มากกว่าแค่การอยู่นาน
ภาพจำดั้งเดิมของคำว่าความยืนยาวของชีวิต (Longevity) มักถูกยึดโยงอยู่กับเพียงตัวเลขอายุที่เพิ่มมากขึ้น แต่คุณพัฒน์สิณาได้ขยายความนิยามใหม่โดยอ้างอิงมุมมองจากสภาเศรษฐกิจโลก (World Economic Forum) ว่าเศรษฐกิจเพื่อความยั่งยืนของชีวิต (Longevity Economy) นั้นครอบคลุมมิติที่กว้างกว่าเพียงแค่การมีลมหายใจต่อไปเรื่อย ๆ แต่ต้องประกอบด้วยเสาหลักสำคัญสี่ประการ ได้แก่ สุขภาพกายที่แข็งแรง (Health) สุขภาวะทางจิตที่ดี (Well-being) การเชื่อมโยงทางสังคม (Social Connection) และองค์ประกอบที่ขาดไม่ได้คือความมั่นคงทางการเงิน (Financial Stability)
สมการชีวิตรูปแบบใหม่นี้บ่งชี้ว่า การมีชีวิตอยู่จนถึงอายุ 120 ปีจะไร้ความหมายหากปราศจากทุนทรัพย์ในการดำรงชีพหรือต้องเผชิญกับสภาวะจิตใจที่ย่ำแย่ ดังนั้นแนวคิดเรื่องเศรษฐกิจเพื่อความยั่งยืนของชีวิตจึงเป็นเรื่องของการวางแผนชีวิตแบบองค์รวมที่ครอบคลุมทั้งมิติทางร่างกายและสินทรัพย์ เพื่อรองรับช่วงอายุขัยที่ยาวนานขึ้นอย่างมีคุณภาพ
ยุทธศาสตร์ชาติจากผู้ซื้อสู่ผู้สร้างนวัตกรรม
ในฟากฝั่งยุทธศาสตร์ระดับประเทศ นายแพทย์วีรพลได้วิเคราะห์สถานการณ์อุตสาหกรรมการแพทย์ไทยไว้อย่างน่าสนใจ โดยชี้ให้เห็นว่าแม้ประเทศไทยจะก้าวขึ้นสู่การเป็นอันดับ 4 ของโลกในด้านการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ (Medical Tourism) เป็นรองเพียงสหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้ และตุรกี แต่โครงสร้างรายได้ส่วนใหญ่กลับกระจุกตัวอยู่ที่ค่าบริการ (Service Fee) ซึ่งอาศัยจุดแข็งด้านจิตใจบริการและทักษะของบุคลากรทางการแพทย์เป็นหลัก ทว่าในห่วงโซ่มูลค่า (Value Chain) ส่วนสำคัญอย่างตัวยา เครื่องมือแพทย์ และเทคโนโลยีขั้นสูงเกือบทั้งหมดนั้น ประเทศไทยยังคงต้องนำเข้าจากต่างประเทศ สถานการณ์เช่นนี้ทำให้ไทยตกอยู่ในสถานะของผู้ซื้อเทคโนโลยีมาเพื่อให้บริการแก่ผู้ป่วย ส่งผลให้กำไรส่วนใหญ่ไหลออกนอกประเทศ
จุดเปลี่ยนสำคัญที่จะยกระดับเศรษฐกิจไทยจึงไม่ใช่การมุ่งเน้นสร้างโรงพยาบาลเพิ่ม แต่คือการรื้อระบบและปรับโครงสร้างพื้นฐานทางนวัตกรรม โดยเฉพาะการยกระดับมาตรฐานสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (Thai FDA) ให้มีมาตรฐานเทียบเท่ากับองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (US FDA) เพื่อเปิดทางให้นวัตกรรมยาที่คิดค้นและวิจัยโดยคนไทยได้รับการยอมรับในระดับสากล นอกจากนี้ ภาคเอกชนไทยต้องกล้าที่จะลงทุนสร้างยาและนวัตกรรมของตนเอง ดังเช่นที่ทาง MEDEZE กำลังผลักดันให้เกิดยาใหม่ที่อยู่ระหว่างการวิจัย (Investigational New Drug หรือ IND) จากสเต็มเซลล์ตัวแรกของไทย การเปลี่ยนสถานะจากผู้บริโภคมาเป็นผู้ผลิตเช่นนี้จะช่วยสร้างรายได้ที่เกิดขึ้นประจำ (Recurring Income) อย่างยั่งยืน และดึงดูดเม็ดเงินจากคนไข้ทั่วโลกที่ต้องการเข้าถึงนวัตกรรมที่เป็นทรัพย์สินทางปัญญาของไทย
7 เทรนด์เทคโนโลยี เปลี่ยนโลกเมื่อหมอที่ดีที่สุดคือข้อมูล
เมื่อมองไปถึงแนวโน้มเทคโนโลยีที่จะเข้ามาพลิกโฉมโลก คุณพัฒน์สิณา เทรนด์สำคัญเจ็ดประการที่จะเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวัน เริ่มตั้งแต่ 1.การตรวจหาสารบ่งชี้ทางชีวภาพ (Biomarkers) เพื่อพยากรณ์โรคก่อนที่จะแสดงอาการ 2. การตรวจนาฬิกาเหนือพันธุกรรม (Epigenetic Clock) เพื่อวัดอายุชีวภาพที่แท้จริงของเซลล์และวางแผนชะลอวัย รวมถึงเทรนด์ที่น่าจับตามองอย่าง 3. กระเป๋าเงินข้อมูลสุขภาพ (Health Data Wallet) ที่จะคืนอำนาจให้ผู้ป่วยเป็นเจ้าของข้อมูลสุขภาพของตนเองร้อยเปอร์เซ็นต์ ทำให้สามารถนำข้อมูลติดตัวไปรับการรักษาได้ทุกที่ทั่วโลก
เทคโนโลยียังเคลื่อนตัวเข้าใกล้ชีวิตประจำวันมากขึ้นผ่าน 4. อุปกรณ์สวมใส่ (Wearable Devices) ที่วัดค่าสุขภาพได้แบบเรียลไทม์ และ 5. อุปกรณ์การแพทย์ดูแลสุขภาพที่บ้าน (Home-use Longevity Device) ซึ่งจะย้ายฐานการดูแลจากโรงพยาบาลมาสู่ที่พักอาศัย สอดคล้องกับ 6.แนวคิดวิทยาศาสตร์ชะลอวัย (Geroscience) ที่มุ่งเน้นการกำจัดเซลล์เสื่อมสภาพ (Senolytics) เพื่อฟื้นฟูร่างกายจากระดับเซลล์ และ 7.การสร้างชุมชนดิจิทัลเพื่อคนรักสุขภาพ (Digital Longevity Community)
ปัญญาประดิษฐ์กับบทบาทสมองกลปฏิวัติการแพทย์
บทบาทของปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence หรือ AI) ที่จะเป็นกุญแจดอกสำคัญในการเปลี่ยนผ่านวงการแพทย์ จากยุคเดิมที่เป็นการผลิตแบบเน้นปริมาณ (Mass Production) ซึ่งรักษาทุกคนด้วยวิธีเดียวกัน ไปสู่ยุคการแพทย์แม่นยำเฉพาะบุคคล (Personalized Precision Medicine) โดยปัญญาประดิษฐ์จะเข้ามาทำหน้าที่เป็นมันสมองที่ช่วยวิเคราะห์พันธุกรรมและข้อมูลสุขภาพมหาศาล เพื่อออกแบบการรักษาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับแต่ละบุคคล ซึ่งแม้ในช่วงแรกจะมีต้นทุนสูง แต่ในระยะยาวเทคโนโลยีนี้จะช่วยลดความผิดพลาดและทำให้ต้นทุนการรักษามีประสิทธิภาพและเข้าถึงได้ง่ายขึ้น
สรุปสู่โอกาสมหาศาลที่เริ่มได้ทันที
แม้เทคโนโลยีระดับสูงอย่างสเต็มเซลล์หรือปัญญาประดิษฐ์จะดูเป็นเรื่องไกลตัวและมีราคาสูง แต่รากฐานสำคัญที่สุดของเศรษฐกิจเพื่อความยั่งยืนของชีวิตกลับเริ่มต้นได้ด้วยต้นทุนศูนย์บาท สุขภาพที่ดีที่สุดไม่ได้เริ่มจากยาเม็ดละแสน แต่เริ่มจากการนอนหลับที่มีคุณภาพ (Sleep Quality) การดื่มน้ำให้เพียงพอ และการมีกรอบความคิด (Mindset) ที่ถูกต้อง สิ่งเหล่านี้คือรากฐานสำคัญที่เงินไม่สามารถซื้อได้แต่ต้องสร้างขึ้นเอง
ประเทศไทยกำลังยืนอยู่บนทางแพร่งสำคัญทางเศรษฐกิจ หากภาครัฐและเอกชนสามารถร่วมมือกันปลดล็อกข้อจำกัดทางกฎหมายและมุ่งมั่นลงทุนในการวิจัยและพัฒนา (R&D) เพื่อสร้างทรัพย์สินทางปัญญาของตนเอง เศรษฐกิจเพื่อความยั่งยืนของชีวิต (Longevity Economy) จะไม่ใช่เพียงแค่กระแสความนิยมชั่วคราว แต่จะเป็นเครื่องยนต์เศรษฐกิจใหม่ที่ทรงพลัง ซึ่งจะช่วยดึงเม็ดเงินมหาศาลเข้าสู่ประเทศและเปลี่ยนโฉมหน้าประเทศไทยในเวทีโลกได้อย่างแท้จริง
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
วิกฤติเด็กไทยอ้วน! ครองแชมป์อันดับ 1 อาเซียน
กินคลีนแทบตาย… ถ้า ‘นอน’ ไม่พอก็จบ! สรุปเวทีสุขภาพ Bitkub Summit 2025




