Share on
×

Share

พลิกโฉม Creator Economy ไทย: ปั้น ‘คนทำสื่อ’ สู่ ‘นักรบเศรษฐกิจ’ ที่ยั่งยืน

พลิกโฉม Creator Economy ไทย: ปั้น 'คนทำสื่อ' สู่ 'นักรบเศรษฐกิจ' ที่ยั่งยืน

ภาพจำของคำว่า “ครีเอเตอร์” (Creator) มักถูกสังคมจำกัดกรอบอยู่เพียงมิติของความบันเทิง หรือกิจกรรมยามว่างของคนรุ่นใหม่ที่แสวงหายอดการมีส่วนร่วมผ่านหน้าจอ แต่เมื่อพิจารณาถึงโครงสร้างรายได้และมูลค่าการตลาดที่เกิดขึ้นจริงอย่างถ่องแท้ จะพบว่าเบื้องหลังเนื้อหาที่หลั่งไหลอยู่บนโลกออนไลน์ คือระบบเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่กำลังก่อตัวและขยายวงกว้างจนกลายเป็นกลไกขับเคลื่อนจีดีพีที่สำคัญ สิ่งนี้ไม่ใช่เพียงกระแสความนิยมชั่วคราว แต่เป็นคลื่นเศรษฐกิจลูกใหม่ที่กำลังเผชิญความท้าทายเนื่องจากขาดแคลน “โครงสร้างพื้นฐาน” มารองรับอย่างเป็นระบบ ซึ่งหากภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่เร่งวางรากฐานเพื่อคว้าโอกาสนี้ไว้ ประเทศไทยอาจสูญเสียความได้เปรียบในการแข่งขันไปอย่างน่าเสียดาย

ประเด็นสำคัญนี้ได้รับการหยิบยกขึ้นมาขยายความโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สกุลศรี ศรีสารคาม รองคณบดีคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และหัวหน้าโครงการวิจัยฯ ผ่านการนำเสนอข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อยกระดับ “เศรษฐกิจครีเอเตอร์” (Creator Economy) ของไทย ข้อมูลจากงานวิจัยชุดนี้สะท้อนให้เห็นความจริงที่ชวนให้ฉุกคิด ทั้งในแง่ของอุปสรรคที่ขัดขวางการเติบโตและช่องว่างทางธุรกิจมหาศาลที่ยังไม่ถูกเติมเต็ม

ข้อเสนอดังกล่าวชี้ให้เห็นว่า ประเทศไทยกำลังยืนอยู่บนจุดตัดสำคัญที่ต้องตัดสินใจเลือกระหว่างการปล่อยให้เหล่าครีเอเตอร์ต้องดิ้นรนเติบโตแบบ “โตเดี่ยวแล้วล้มหาย” ตามกลไกธรรมชาติ หรือจะหันมาจับมือกันถักทอ “โครงสร้างเศรษฐกิจ”ที่มีความมั่นคง เพื่อรองรับและผลักดันให้กลุ่มคนสร้างสรรค์เหล่านี้กลายเป็นฐานรากที่แข็งแกร่งของระบบเศรษฐกิจประเทศในระยะยาว

Creator Economy 2025: คนสร้าง Trust + AI สร้าง Scale สูตร 5 พันล้าน

วิกฤติกลางน้ำของวงการสื่อ : เมื่อแรงงานสร้างสรรค์ติดหล่มและไปไม่ถึงฝั่งฝัน

จากการลงพื้นที่สำรวจและเก็บข้อมูลเชิงลึกจากกลุ่มตัวอย่างผู้สร้างสรรค์เนื้อหา (Content Creator) กว่า 130 คน รวมถึงองค์กรที่เกี่ยวข้องในระบบนิเวศสื่อ งานวิจัยชิ้นนี้ได้ถอดรหัสเส้นทางอาชีพ (Career Path) ของครีเอเตอร์ไทยออกมาจนเห็นภาพชัดเจน โดยแบ่งพัฒนาการออกเป็น 5 ระยะสำคัญ ซึ่งสะท้อนให้เห็นรอยรั่วและปัญหาเชิงโครงสร้างที่ซ่อนอยู่ใต้พรมของวงการสื่อสร้างสรรค์ไทย

วิกฤติกลางน้ำของวงการสื่อ : เมื่อ "แรงงานสร้างสรรค์" ติดหล่มและไปไม่ถึงฝั่งฝัน

จุดเริ่มต้นของเส้นทางสายนี้มักเริ่มจากการเป็นมือใหม่ (Newbie) ที่อยู่ในช่วงของการค้นหาตัวตน ลองผิดลองถูกเพื่อหาแนวทางที่ใช่ เมื่อผ่านพ้นช่วงแรกมาได้ก็จะเข้าสู่ระยะที่เริ่มมีตัวตน (Identity Found) ซึ่งเป็นช่วงที่ครีเอเตอร์เริ่มจับทิศทางคอนเทนต์ของตนเองได้ชัดเจนขึ้น พร้อมกับเรียนรู้มาตรฐานวิชาชีพไปในตัว หากสามารถพัฒนาต่อยอดได้ก็จะก้าวเข้าสู่กลุ่มแรงงานสร้างสรรค์ (High Potential) ซึ่งถือเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพสูง เริ่มยึดถือการทำคอนเทนต์เป็นอาชีพจริงจังและมีฐานผู้ติดตามที่เหนียวแน่น

อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนที่จะก้าวไปถึงจุดสูงสุดในกลุ่มผู้ประสบความสำเร็จสูงสุด (Top Tier) ซึ่งเปรียบเสมือนยอดภูเขาน้ำแข็งที่เรามักมองเห็นตามสื่อต่าง ๆ เพราะในความเป็นจริง ยังมีครีเอเตอร์จำนวนมากที่ต้องเผชิญกับภาวะทางตัน (Stuck) หรือภาวะหมดไฟ (Burnout) ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีผู้ติดตามแล้วแต่กลับไปต่อไม่ได้ ไม่รู้โมเดลในการหารายได้ที่ยั่งยืน หรือประสบภาวะหมดไฟในการทำงาน

ประเด็นที่น่ากังวลที่สุดจากการค้นพบครั้งนี้ ตามที่ผศ.ดร.สกุลศรี ระบุไว้ คือจุดวิกฤตอที่เกิดขึ้นในระยะที่ 3 และ 4 ซึ่งถือเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดของประเทศไทยในขณะนี้ สถานการณ์ที่เกิดขึ้นคือเรามีกลุ่มแรงงานสร้างสรรค์ (High Potential) จำนวนมากในระยะที่ 3 ที่พร้อมจะเติบโตเป็นกำลังหลักของเศรษฐกิจสร้างสรรค์ แต่พวกเขากลับไม่สามารถก้าวข้ามกำแพงอุปสรรคไปสู่ความสำเร็จได้ จนในที่สุดต้องกลายสภาพเป็นกลุ่มที่ติดหล่มอยู่ในระยะที่ 4 หรือกลุ่มผู้ประสบภาวะทางตัน (Stuck)

พวกเขาต้องเผชิญกับกำแพงขนาดใหญ่ ทั้งความซับซ้อนเรื่องการจัดการภาษี ความยุ่งยากในการจดทะเบียนธุรกิจ (Business Registration) การขาดโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุน (Funding) หรือแม้แต่ความรู้สึกโดดเดี่ยวในการทำงานเพียงลำพัง ปัจจัยลบเหล่านี้บั่นทอนกำลังใจจนทำให้หลายคนตัดสินใจถอดใจและล้มเลิกไป ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว คนกลุ่มนี้คือแรงงานสร้างสรรค์คุณภาพที่ระบบเศรษฐกิจของประเทศกำลังต้องการอย่างยิ่ง

นิยามใหม่สู่ทางรอด : พลิกมุมมองคนทำสื่อให้เป็นผู้ประกอบการ

เพื่อไขกุญแจปลดล็อกวิกฤติคอขวดดังกล่าว ผศ.ดร.สกุลศรี ได้นำเสนอแนวคิดในการปรับเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อคนในวงการสื่อใหม่ โดยเสนอให้มีการจัดแบ่งกลุ่มเป้าหมายของเหล่าครีเอเตอร์ออกเป็น 2 ประเภทอย่างชัดเจน เพื่อให้ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถออกแบบมาตรการสนับสนุนได้อย่างตรงจุดและมีประสิทธิภาพสูงสุด

กลุ่มแรกคือ ผู้สร้างสรรค์เนื้อหา (Content Creator) ซึ่งหมายถึงกลุ่มคนที่มีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษในศิลปะการเล่าเรื่อง โดยมุ่งเน้นการผลิตและสร้างสรรค์ผลงานเพื่อการสื่อสารเป็นหลัก มีเป้าหมายสำคัญคือการสร้างแรงกระเพื่อมหรือผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมผ่านเนื้อหาที่พวกเขานำเสนอ

iCreator Report 2025: พลิกโฉมภูมิทัศน์ครีเอเตอร์ไทย

ในขณะที่กลุ่มที่สองคือ ผู้ประกอบการสร้างสรรค์ (Creator-preneur) ซึ่งเกิดจากการผสมผสานระหว่างคำว่า Creator และ Entrepreneur เข้าด้วยกัน คนกลุ่มนี้คือผู้ที่มองข้ามช็อตไปอีกขั้นด้วยการใช้คอนเทนต์เป็นเครื่องมือเชิงกลยุทธ์ในการขับเคลื่อนธุรกิจ พวกเขาไม่ได้หยุดอยู่แค่การรับจ้างรีวิวสินค้า แต่ผันตัวมาเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์หรือบริการด้วยตนเอง หรืออาจเป็นผู้ประกอบการเดิมที่หันมาเติมเต็มทักษะความเป็นครีเอเตอร์เพื่อติดอาวุธให้ธุรกิจของตนเองแข็งแกร่งขึ้น

นัยสำคัญของการปรับเปลี่ยนนิยามครั้งนี้เปรียบเสมือนจุดเปลี่ยนครั้งประวัติศาสตร์ของวงการ เพราะการยกระดับสถานะของครีเอเตอร์ให้กลายเป็น วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) หรือ ผู้ประกอบการรายย่อย (Micro-Entrepreneur) จะช่วยฉายภาพให้ภาครัฐและภาคเอกชนมองเห็นช่องทางในการเข้ามาสนับสนุนได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ทำให้โจทย์ของการพัฒนาครีเอเตอร์ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่เพียงแค่มิติทางนิเทศศาสตร์อีกต่อไป แต่ได้ขยายขอบเขตครอบคลุมไปถึงมิติทางเศรษฐศาสตร์และการบริหารจัดการธุรกิจ ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของความยั่งยืน

5 ปฏิบัติการ “Quick Wins” : ทางด่วนสู่ความอยู่รอดโดยไม่ต้องรอระบบที่สมบูรณ์

5 ปฏิบัติการ "Quick Wins" : ทางด่วนสู่ความอยู่รอดโดยไม่ต้องรอระบบที่สมบูรณ์

ผศ.ดร.สกุลศรี ได้เน้นย้ำถึงจุดยืนสำคัญว่า ประเทศไทยไม่จำเป็นต้องรอให้โครงสร้างพื้นฐานหรือระบบนิเวศทางเศรษฐกิจสมบูรณ์พร้อมร้อยเปอร์เซ็นต์จึงจะเริ่มลงมือทำ แต่เราสามารถใช้วิธีคิดแบบ “ชัยชนะระยะสั้น” (Quick Wins) ห้าประการ เพื่อต่อลมหายใจและติดปีกให้เหล่าครีเอเตอร์ไทยได้ทันที โดยเริ่มจากการสร้างกลไก การจับคู่ทางธุรกิจในระดับท้องถิ่น (Business Local Matching) ซึ่งเป็นการเชื่อมโยงพลังสร้างสรรค์ของครีเอเตอร์เข้ากับผู้ประกอบการในพื้นที่ เพื่อให้พวกเขาทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงสำคัญในการเล่าเรื่องราวของดีประจำถิ่นและขับเคลื่อน Soft Power ระดับภูมิภาค ซึ่งจะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าชุมชนได้อย่างเป็นรูปธรรม

การดำเนินการดังกล่าวจะต้องทำควบคู่ไปกับ การกระจายศูนย์กลางการเรียนรู้และการสนับสนุน (Regional Nodes) ออกสู่ภูมิภาค เพื่อลดการกระจุกตัวของทรัพยากรที่มักกองรวมกันอยู่เพียงแค่ในกรุงเทพมหานคร และสร้างเครือข่ายที่พร้อมรองรับครีเอเตอร์ท้องถิ่น (Local Creator) ให้สามารถเติบโตและสร้างสรรค์ผลงานได้ในพื้นที่บ้านเกิดของตนเอง โดยไม่ต้องดิ้นรนเข้าสู่เมืองหลวง

ในมิติของการพัฒนาศักยภาพ จำเป็นต้องมีการยกระดับพื้นที่การเรียนรู้ให้กลายเป็น ศูนย์บ่มเพาะและเร่งการเติบโตของผู้ประกอบการ (Incubator & Accelerator) โดยเปลี่ยนจากห้องเรียนนิเทศศาสตร์แบบเดิมให้เป็นพื้นที่เติมเต็มทักษะทางธุรกิจที่ขาดหาย ทั้งเรื่องการบริหารจัดการ การเงิน ภาษี และกฎหมาย นอกจากนี้ ยังต้องให้ความสำคัญกับ การยกระดับทักษะความรู้เฉพาะทาง (Upskill Domain Knowledge) ให้แก่ครีเอเตอร์ เพื่อก้าวข้ามจากการสอนเพียงเทคนิคการผลิตสื่อ ไปสู่การสร้างความรู้ความเข้าใจที่ลึกซึ้งในศาสตร์ต่าง ๆ เช่น วิทยาศาสตร์ สุขภาพ หรือการเงิน อันจะส่งผลให้เนื้อหาที่ถูกผลิตออกมานั้นมีความน่าเชื่อถือ มีคุณค่า และสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้จริง

ประการสุดท้ายคือการดึงครีเอเตอร์เข้ามาเป็น พันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Partner) ในการขับเคลื่อนนโยบายระดับประเทศ โดยภาครัฐสามารถใช้ความเชี่ยวชาญในการเล่าเรื่องของพวกเขามาช่วยสื่อสารวาระแห่งชาติ ไม่ว่าจะเป็นด้านสาธารณสุข การส่งเสริมการท่องเที่ยว หรือการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) เพื่อให้การสื่อสารนโยบายสาธารณะสามารถเข้าถึงและจับใจประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

สร้างรากฐานระบบนิเวศสื่อแห่งอนาคต : สู่ความมั่นคงทางวิชาชีพที่จับต้องได้

นอกเหนือจากมาตรการเร่งด่วนที่ต้องเร่งลงมือทำแล้ว สิ่งที่ผศ.ดร.สกุลศรี ให้ความสำคัญสูงสุดในฐานะวิสัยทัศน์ระยะยาว คือการวางรากฐานโครงสร้างที่แข็งแกร่งผ่านโมเดล ระบบนิเวศสื่อ (Media Ecosystem) ซึ่งเปรียบเสมือนกระดูกสันหลังที่จะค้ำจุนอุตสาหกรรมนี้ให้ยั่งยืน โดยระบบนิเวศดังกล่าวประกอบไปด้วย 7 มิติสำคัญที่ต้องขับเคลื่อนไปพร้อมกัน เริ่มต้นจากการกำหนด องค์กรเจ้าภาพ ที่มีความชัดเจนในการรับผิดชอบดูแล ควบคู่ไปกับการปรับปรุง กฎหมาย ให้ทันสมัยเพื่อรองรับและกำกับดูแลแพลตฟอร์มจากต่างประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในขณะเดียวกัน ปัจจัยด้านทรัพยากรก็เป็นสิ่งขาดไม่ได้ ทั้งการจัดตั้ง กองทุนสร้างสรรค์ (Creative Fund) เพื่อเป็นน้ำหล่อเลี้ยงคนทำงาน และการลงทุนใน โครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยี ให้ครอบคลุมทั่วถึง นอกจากนี้ ระบบนิเวศจะสมบูรณ์ได้ต้องอาศัยกลไก ตลาดที่วัดผลได้จริง เพื่อสร้างมาตรฐานราคาและความเชื่อมั่น รวมถึงการปฏิรูป ระบบการศึกษา ให้ทันสมัยสอดรับกับโลกยุคใหม่ และมี งานวิจัย รองรับเพื่อใช้ข้อมูลในการกำหนดทิศทางอุตสาหกรรมอย่างแม่นยำ

ผนึกกำลังความร่วมมือสู่การสร้างนักรบเศรษฐกิจใหม่

ถ้อยคำที่เปรียบเสมือนหัวใจสำคัญที่สุดจากการนำเสนอวิสัยทัศน์ของผศ.ดร.สกุลศรี ในครั้งนี้ คือคำว่า “ความร่วมมือ” (Collaboration) ซึ่งสะท้อนความจริงที่ว่า ระบบเศรษฐกิจครีเอเตอร์ของประเทศไทยไม่อาจอยู่รอดและเติบโตได้อย่างยั่งยืน หากยังคงดำเนินไปในลักษณะต่างคนต่างทำ ถึงเวลาแล้วที่เหล่าครีเอเตอร์จะต้องปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์จากการทำงานแบบศิลปินเดี่ยวที่โดดเดี่ยว มาสู่การมองหาพันธมิตรทางธุรกิจ (Partner) เพื่อสร้างสรรค์ผลงานและโมเดลธุรกิจที่แข็งแกร่งร่วมกัน

การเปลี่ยนแปลงนี้จำเป็นต้องเกิดขึ้นในทุกภาคส่วน โดยเฉพาะภาคการศึกษาที่ต้องก้าวข้ามกรอบการเรียนการสอนแบบเดิมที่มุ่งเน้นเพียงทฤษฎีการสื่อสาร มาสู่การเติมเต็มทักษะความเป็นผู้ประกอบการอย่างเข้มข้น เพื่อผลิตบุคลากรที่พร้อมสำหรับโลกธุรกิจจริง ในขณะเดียวกัน ภาครัฐจำต้องปรับเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อกลุ่มคนเหล่านี้ จากภาพจำเดิมที่มองเป็นเพียงผู้เล่นสนุกบนพื้นที่โซเชียลมีเดีย ให้กลายเป็น “ทรัพยากรมนุษย์” ที่ทรงคุณค่าและเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของชาติ

ในวันนี้ ประเทศไทยถือว่ามีต้นทุนที่พร้อมสรรพอย่างเหลือเชื่อ ทั้งมรดกทางวัฒนธรรมที่โดดเด่นและทรัพยากรบุคคลที่มีศักยภาพสูง สิ่งเดียวที่เป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายที่ขาดหายไปคือ “การเชื่อมต่อ” (Connection) อย่างเป็นระบบ หากทุกฝ่ายสามารถผนึกกำลังนำมาตรการเร่งด่วนหรือ Quick Wins เหล่านี้ไปปฏิบัติให้เกิดผลสัมฤทธิ์ได้จริง ผลลัพธ์ที่จะได้จะไม่ใช่เพียงแค่การสร้าง “คนดัง” หรือเน็ตไอดอลมาประดับวงการเพียงชั่วครั้งชั่วคราว แต่เรากำลังจะสร้างกองทัพ “นักรบเศรษฐกิจพันธุ์ใหม่” ที่พร้อมจะนำพาประเทศไทยก้าวออกไปยืนตระหง่านอยู่บนเวทีโลกได้อย่างเต็มภาคภูมิ

ดังนั้น คำตอบสุดท้ายที่จะเป็นทางรอดเดียวในสมรภูมิเศรษฐกิจดิจิทัลนี้ จึงไม่ใช่การรอคอย แต่คือการลงมือ “ทำได้เลย… และทำทันที”

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

มาม่า OK – Onetouch – Pramy กล้า ‘Unlearn พลิกเกมธุรกิจ

ดร.พลัง x Buffalo Gags: วิธีคิด ‘ครีเอเตอร์’ ให้รอดและยั่งยืนในยุคดิจิทัล

×

Share

ผู้เขียน