ท่ามกลางความเงียบเหงาของตลาดไอทีที่ดูเหมือนจะซบเซาจากปัจจัยเศรษฐกิจรุมเร้า บริษัท บราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล (ประเทศไทย) จำกัด กลับเลือกที่จะสวนกระแสด้วยการเดินเกมรุกที่ “กล้าหาญ” และ “ท้าทาย” ที่สุดในรอบทศวรรษ ด้วยการทุ่มงบการตลาดกว่า 30 ล้านบาท
การเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการกระตุ้นยอดขายปลายปีตามปกติ แต่เป็นการประกาศชัยชนะหลังจากบราเดอร์สามารถไต่ระดับขึ้นมาครอง ส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 2 ในกลุ่มผลิตภัณฑ์อิงก์แทงก์ ได้สำเร็จเมื่อสิ้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา พร้อมส่งสัญญาณเปลี่ยนสถานะจาก “ผู้ตาม” สู่ “ผู้ท้าชิง” บัลลังก์เบอร์ 1 อย่างเต็มตัว
กลยุทธ์ ‘สวนหมัด’ เศรษฐกิจ: เบื้องหลังความสำเร็จสู่เบอร์ 2
ความสำเร็จของบราเดอร์ในปีนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เกิดจากการวางแผนแก้เกมที่แม่นยำ แม้ภาพรวมตลาดจะดูชะลอตัว แต่บราเดอร์สร้าง “จุดเปลี่ยน” ด้วยผลิตภัณฑ์ซีรีส์ “Yes Tank” (รุ่น DCP-T230, DCP-T430W และ DCP-530DW)
กลยุทธ์นี้ส่งผลให้ยอดขายกลุ่มอิงก์แทงก์ของบริษัทฯ พุ่งทะยานขึ้นถึง 40% (เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส) โดยสินค้าทั้ง 3 รุ่นนี้กลายเป็นหัวหอกสำคัญที่เจาะกลุ่มผู้ใช้งานตามบ้าน (Home User) ซึ่งกินสัดส่วนยอดขายสูงสุดถึง 70% ของพอร์ตสินค้า และเมื่อผลประกอบการเติบโตสวนกระแส ผู้บริหารจึงตัดสินใจคืนกำไรครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา
เจาะลึกแคมเปญ: “12 ปีมีครั้งเดียว” กับเทคนิคลุ้นรางวัลที่ผู้ซื้อต้องรู้
ธีรวุธ ศุภพันธุ์ภิญโญ กรรมการผู้จัดการ บราเดอร์ ประเทศไทย เปรียบเปรยแคมเปญนี้ว่าเป็นปรากฏการณ์ที่ดาวราหู ดาวศุกร์ และดาวเสาร์ โคจรมาเรียงตัวกัน ซึ่งอาจต้องรออีกถึง 12 ปี หรือหนึ่งรอบนักษัตรถึงจะเกิดขึ้นอีกครั้ง ภายใต้ชื่อแคมเปญ “บราเดอร์ อิงก์แทงก์ เล่นใหญ่ แจกเบนซ์ ฟินยกกำลัง 3”
สำหรับผู้บริโภคที่กำลังมองหาเครื่องพิมพ์ใหม่ นี่คือจังหวะที่ดีที่สุด โดย กิตติพงศ์ กนกวีไลรัตน์ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขายและการตลาด ได้เผยไฮไลต์และเทคนิคการร่วมสนุกที่น่าสนใจ ดังนี้:
- ระยะเวลาแคมเปญ: 1 ธันวาคม 2568 – 28 กุมภาพันธ์ 2569
- สินค้าที่ร่วมรายการ: เครื่องพิมพ์ Ink Tank รุ่นที่กำหนด (โดยเฉพาะ 3 รุ่นฮิต DCP-T230, DCP-T430W, DCP-530DW)
- ความคุ้มค่า 3 ต่อ (ฟินยกกำลัง 3):
- ส่วนลด: สูงสุด 10%
- รับทันที: เก้าอี้แคมปิ้ง มูลค่า 990 บาท (ไม่ต้องลุ้น)
- ลุ้นรางวัลใหญ่: มูลค่ารวมกว่า 4 ล้านบาท นำทัพโดยรถยนต์ Mercedes-Benz EQE300 Saloon, ทองคำ และ iPhone Air
Insight สำหรับนักล่ารางวัล: ระบบการจับรางวัลเป็นแบบ “สะสมสิทธิ์” หมายความว่า หากคุณซื้อและส่งใบกำกับภาษีผ่าน LINE Official Account: Brother Thailand ตั้งแต่เนิ่น ๆ รายชื่อที่ไม่ถูกรางวัลในรอบแรก จะถูกนำไปสมทบจับรางวัลในรอบถัดไปจนครบทั้ง 3 รอบ (ม.ค., ก.พ., มี.ค. 2569) ทำให้ยิ่งซื้อเร็วยิ่งมีโอกาสลุ้นรถเบนซ์มากที่สุด
นัยทางการตลาด: เจาะฐานลูกค้าใหม่ด้วย “Brand Switching”
สิ่งที่น่าจับตามองในเชิงลึกคือ “Data” ที่บราเดอร์ใช้ขับเคลื่อนแคมเปญ ข้อมูลระบุว่าตลาดอิงก์แทงก์ไทยมียอดขายราว 380,000 เครื่องต่อปี และผู้บริโภคมีรอบการเปลี่ยนเครื่องทุก 3-4 ปี
แต่ตัวเลขที่น่าสนใจที่สุดมาจากโครงการ Trade-in (แลกเครื่องเก่า) ซึ่งพบว่า ลูกค้ากว่า 87% ที่นำเครื่องมาแลก คือคนที่ย้ายค่ายมาจากแบรนด์อื่น ตัวเลขนี้สะท้อนว่าผู้บริโภคพร้อมจะเปลี่ยนแบรนด์ (Brand Switching) หากมีแรงจูงใจที่มากพอ การทุ่มงบ 30 ล้านบาทเพื่อแจกรางวัลใหญ่ จึงทำหน้าที่เป็น “ตัวเร่งปฏิกิริยา” (Catalyst) เพื่อกวาดต้อนลูกค้าจากคู่แข่งในช่วงโค้งสุดท้ายของปี โดยตั้งเป้ายอดขายเติบโตถึง 30%
Brother at your side ในทุกสถานการณ์
แม้จะเดินเกมรุกทางการตลาดอย่างหนักหน่วง แต่บราเดอร์ยังคงยึดมั่นในปรัชญา “Brother at your side” โดยไม่ละเลยสถานการณ์น้ำท่วมในภาคใต้ บริษัทฯ ได้ออกมาตรการช่วยเหลือเร่งด่วน ทั้งบริการซ่อมฟรี ลดค่าอะไหล่ และมอบเงินบริจาคให้แก่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เพื่อช่วยเหลือชุมชน สะท้อนสมดุลระหว่างการเป็น “นักรบการตลาด” และ “พลเมืองดีของสังคม”
การเดิมพันด้วยงบ 30 ล้านบาทในครั้งนี้ จึงเป็นมากกว่าแค่โปรโมชั่น แต่เป็นการประกาศศักดาในหน้าประวัติศาสตร์วงการไอทีไทยว่า บราเดอร์พร้อมแล้วที่จะท้าชิงความเป็นหนึ่ง และนี่คือโอกาสทองของผู้บริโภคที่จะได้รับความคุ้มค่าที่สุดในรอบ 12 ปี




