Share on
×

Share

เมื่อชาวบ้านเป็นเจ้าของตลาด: 4 โมเดล ‘ท่องเที่ยวชุมชน’ พิสูจน์ความยั่งยืน ไม่ต้องพึ่งงบรัฐ

เมื่อชาวบ้านเป็นเจ้าของตลาด: 4 โมเดล 'ท่องเที่ยวชุมชน' พิสูจน์ความยั่งยืน ไม่ต้องพึ่งงบรัฐ

การท่องเที่ยวแบบ Community-Based Tourism (CBT) ในประเทศไทยกำลังก้าวข้ามจากกิจกรรมเสริม ไปสู่โมเดลธุรกิจที่พึ่งพาตนเองได้อย่างแท้จริง โดยไม่ต้องอาศัยงบประมาณจากภาครัฐ งาน Sustainability Expo 2025 (SX2025) ได้นำเสนอ 4 กรณีศึกษาความสำเร็จจากชุมชนในจังหวัดพัทลุง ปทุมธานี ราชบุรี และเพชรบุรี ซึ่งสะท้อนหัวใจสำคัญของการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนคือ “ชุมชนเป็นเจ้าของ” และการดึง “อัตลักษณ์” ที่มาจากจิตวิญญาณและวิถีชีวิตของผู้คน

ดร.ศิวศักดิ์ ปานสุขุม อาจารย์ประจำภาควิชาการจัดการการท่องเที่ยว มหาวิทยาลัยกรุงเทพ กล่าวในงานว่า “อัตลักษณ์ไม่ได้มาจากแค่ทรัพยากรอย่างเดียว แต่อาจมาจากจิตวิญญาณของคนในชุมชน ทัศนคติ หรือวิถีชีวิต นี่คือสิ่งที่ต้องดึงออกมาสื่อสารให้ได้ถ้าจะทำ CBT”

กรณีศึกษา 4 ชุมชน: จากวัชพืชสู่ Zero Waste

1. พัทลุง: คืนชีวิตหัตถกรรมสู่ตลาดโลก (Varni Craft)

  • อัตลักษณ์: งานสานกระจูด ซึ่งเคยถูกมองว่าเป็นวัชพืช
  • ความสำเร็จ: คุณมนัทพงศ์ เซ่งฮวด ผู้ก่อตั้ง Varni Craft พัฒนาเสื่อกระจูดราคาหลักร้อยให้กลายเป็นกระเป๋าแฟชั่นร่วมสมัยที่ขายได้หลักพัน และส่งออกไปฝรั่งเศส สหรัฐฯ และญี่ปุ่น ความสำเร็จนี้ต่อยอดสู่ Varni Stay โฮมสเตย์ที่ทำให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสวิถีชีวิตชาวใต้ เช่น ล่องเรือชมควายน้ำในทะเลน้อย
  • ความท้าทาย: การฟื้นฟูทักษะช่างสานรุ่นเก่าและการดึงดูดคนรุ่นใหม่ให้กลับมาทำงานฝีมือ

2. ปทุมธานี: พลังเยาวชนขับเคลื่อนชุมชนคลอง 3

  • อัตลักษณ์: เศรษฐกิจพอเพียงและการเกษตรอินทรีย์
  • ความสำเร็จ: ชุมชนคลอง 3 ใช้พลังของคนรุ่นใหม่ โดยได้รับความช่วยเหลือจากนักศึกษามหาวิทยาลัยกรุงเทพ ในการออกแบบ One Day Trip สร้าง Storytelling และพัฒนาช่องทางการตลาดออนไลน์ ทำให้ชุมชนสามารถปรับตัวหลังโควิด-19 และขยายฐานนักท่องเที่ยวได้กว้างขึ้น ชาวบ้านมีความมั่นใจในการต้อนรับแขกและพึ่งพาตนเองได้
  • ความท้าทาย: การสร้างทีมงานรุ่นใหม่ในชุมชนให้เข้มแข็งอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดการพึ่งพามหาวิทยาลัยเมื่อโครงการจบลง

3. ราชบุรี: ตลาดโอ๊ะป่อย – โมเดล Zero Waste และศรัทธา

  • อัตลักษณ์: การผสานวัฒนธรรมกะเหรี่ยง ศรัทธา (ตักบาตรพระบนแพล่องน้ำ) และสิ่งแวดล้อม
  • ความสำเร็จ: ตลาดโอ๊ะป่อย อำเภอสวนผึ้ง ยืนหยัดได้โดย ไม่พึ่งงบประมาณภาครัฐ ดำเนินการภายใต้แนวคิด Zero Waste Market ที่มีการแยกขยะและรีไซเคิลอย่างจริงจัง เจ้าของกิจการทั้งหมดเป็นคนในชุมชน ทำให้ตลาดมีเรื่องเล่าและเป็นจุดเช็กอินได้ในทุกมุม
  • ความท้าทาย: การจัดการความคาดหวังและการแข่งขันภายในชุมชน รวมถึงการจัดการขยะในช่วงเทศกาลที่มีนักท่องเที่ยวหนาแน่น

4. เพชรบุรี: ตลาดจามจุรี – ดึงลูกหลานกลับบ้าน

  • อัตลักษณ์: การรวมกลุ่มด้วยความสมัครใจของชุมชนและการให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม
  • ความสำเร็จ: ตลาดริมน้ำบ้านถ้ำเสือเริ่มต้นจากความสมัครใจ ใช้ที่ดินส่วนตัวร่วมกัน มี “วัฒนธรรมองค์กร” ที่เข้มแข็งในการแก้ไขปัญหาร่วมกันทุกสัปดาห์ และเน้นการจัดการสิ่งแวดล้อม (แปรรูปขยะเปียกเป็นปุ๋ย) ที่สำคัญคือรายได้จากตลาดช่วย ดึงเยาวชนกลับบ้าน ให้มาช่วยดูแลร้านค้าในช่วงวันหยุด
  • ความท้าทาย: การสร้างแรงจูงใจให้คนรุ่นใหม่กลับมาอย่างต่อเนื่อง และการจัดทำธรรมนูญชุมชนที่ชัดเจนเพื่อจัดการความขัดแย้งภายใน

บทเรียนร่วมจาก CBT สู่ความยั่งยืน

ทั้งสี่กรณีศึกษาพิสูจน์ว่าความยั่งยืนไม่มีสูตรสำเร็จ แต่มีหลักการร่วมที่สำคัญ ได้แก่ ชุมชนเป็นเจ้าของ (ขับเคลื่อนด้วยคนในพื้นที่), สิ่งแวดล้อมคือฐานราก, การส่งต่อสู่รุ่นใหม่ และ การพึ่งพาตนเอง

อุปสรรคหลักที่ทุกชุมชนเผชิญ: การสืบทอดทักษะและการดึงดูดคนรุ่นใหม่ให้กลับบ้าน, ความเสี่ยงจากการพึ่งพาแหล่งสนับสนุนภายนอกมากเกินไป, การจัดการความคาดหวังและการจัดสรรผลประโยชน์ภายในชุมชน, และภาระการจัดการสิ่งแวดล้อมจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น

การท่องเที่ยวที่ยั่งยืนคือการเดินทางที่ทุกฝ่าย ทั้งนักท่องเที่ยว ชุมชน และสิ่งแวดล้อม ต่างได้รับประโยชน์และเติบโตไปพร้อมกัน

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

Green Burial: เมื่อความตายคือการให้

KBank ทุ่ม 5 แสนล้าน ปั้นพอร์ตสินเชื่อสีเขียว

Climate Tech ไทย: โอกาสและความท้าทาย บนเส้นทางสู่ความยั่งยืน

×

Share

ผู้เขียน