ท่ามกลางผลิตภัณฑ์สิ่งทอหลายรูปแบบ ตั้งแต่เสื้อผ้าแฟชั่น เสื้อผ้าใส่ทำงานยันเสื้อสูทหรู ตัวอย่างเส้นด้ายและผ้าหลากสี ยังมีผลิตภัณฑ์จากสิ่งทอชนิดอื่น ๆ กระทั่งผ้าผืนใหญ่ที่ใช้ทำผ้าม่านบังแดด และเก้าอี้ดีไซน์ทันสมัย ทุกสิ่งที่ปรากฏอยู่บนชั้น 3 ของโชว์รูมแบรนด์ CIRCULAR ณ สยามสแควร์ ซอย 2 ล้วนเป็นที่มาเรื่องราวของนักธุรกิจหนุ่มผู้สร้างสรรค์ธุรกิจสิ่งทอยุคใหม่ที่เรียกว่า “สิ่งทอยั่งยืน ” (Sustainable Textile) ที่ถูกถ่ายทอดผ่านบทสนทนากว่า 1 ชั่วโมง
“วัธ-จิรโรจน์ พจนาวราพันธุ์” กรรมการผู้จัดการ บริษัท แสงเจริญแกรนด์ จำกัด หรือ SC Grand ผู้ต่อยอดธุรกิจครอบครัวจากโรงงานปั่นเศษฝ้ายที่เป็นมรดกตกทอดจากคุณยาย สู่โรงงานผลิตผ้ารีไซเคิลรายแรกของประเทศไทย เปิดใจกับ The Story Thailand ว่า “โรงงานที่ผมเห็นตอนเด็ก ๆ มันไม่มีเสน่ห์เท่าไร เพราะมีแต่เศษด้ายเศษผ้า คนในวงการจะเรียกว่าโรงงานขยะ”
แต่ในช่วงชีวิตตั้งแต่วัยเด็กที่เติบโตมากับสภาพแวดล้อมของโรงงาน เขาได้ฟังคุณยายพูดอยู่เสมอว่า “ธุรกิจของเราทำของที่ไม่มีมูลค่าให้มีมูลค่าสูงขึ้น” หรือบางทีพูดแบบติดตลกว่า “ทำอุจจาระให้เป็นทอง”
ประโยคทองในคำพูดของคุณยาย ผู้ริเริ่มธุรกิจของครอบครัว สะท้อนคุณค่าหลักของธุรกิจให้เขานำมาต่อยอดสร้าง business model ใหม่ที่อาศัยทักษะความชำนาญเก่าเพื่อตอบรับกับกระแสการดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสร้างการเติบโตอย่างสมดุลระหว่างกำไรสูงสุดกับความรับผิดชอบต่อสังคม
สานต่อธุรกิจครอบครัวเป็นรุ่นที่ 3
จิรโรจน์ เล่าเส้นทางธุรกิจของครอบครัวว่าสืบทอดมา 3 รุ่น รุ่นแรกคือคุณยาย ทำธุรกิจแบบซื้อมาขายไป เริ่มต้นจากเป็นโรงงานขนาดเล็กที่ซื้อขยะสิ่งทอ (waste) จากโรงงานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น โรงงานทอผ้า โรงงานปั่นด้าย หรือโรงงานตัดเย็บ เอามาขายต่อ ในนามบริษัท แสงเจริญการฝ้าย จำกัด ที่ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2508

พอมาถึงรุ่นสองคือคุณแม่ มองเห็นว่าลูกค้าต่างประเทศมีการนำเศษด้ายมาปั่นเป็นเส้นด้าย จึงเปิดโรงงานปั่นด้ายโดยนำเศษด้ายที่รับซื้อมาผลิตเป็นเส้นด้าย ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ซื้อไปผลิตเป็นไม้ถูพื้น สายสิญจน์ และผ้าทอในต่างจังหวัด
“สมัยเด็กเวลาปิดเทอมคุณแม่จะพาไปที่โรงงานทำให้ได้เห็นมาตลอด ว่าโรงงานเป็นอย่างไร เวลากลับบ้านผมจะมีเศษฝ้ายเศษฝุ่นติดตัวมาตลอด คุณแม่กับคุณยายเคยบอกว่าโรงงานของเรามีฝุ่นเยอะ ในอนาคตถ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องมาทำก็ได้”
การเติบโตในครอบครัวที่ทำธุรกิจมายาวนานทำให้เขาได้มองเห็นว่าที่ผ่านมาทางบ้านทำธุรกิจกันอย่างไร และรับรู้กับหลายวิกฤตที่ผ่านมา เนื่องจากธุรกิจที่ทำอยู่มีสินค้าเพียงไม่กี่อย่าง ขายให้ลูกค้าไม่กี่ราย มีกำไรน้อยมาก
“ผมเห็นว่าถ้าไม่ทำอะไรสักอย่าง คุณแม่และคุณยายจะต้องเหนื่อยต่อไปแน่นอน จึงเข้ามาช่วยดำเนินการสร้างแบรนด์สินค้าม็อบถูพื้นในชื่อ SUPERCAT จนทุกวันนี้กลายเป็นธุรกิจหลักที่สร้างรายได้ให้กับครอบครัว พูดได้ว่าตอนนั้นถ้าไม่มีสินค้าแบรนด์ SUPERCAT กิจการแสงเจริญการฝ้ายคงปิดตัวไปนานแล้ว”
ผู้บริหารหนุ่มดีกรีปริญญาตรีวิชาการตลาดจากมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เล่าเบื้องหลังให้ฟังว่าเกือบ 10 ปีก่อนมีบริษัทใหญ่สนใจนำสินค้าม็อบถูพื้นที่ผลิตโดย บริษัท คลองสวนอุตสาหกรรมฝ้าย จำกัด อีกหนึ่งกิจการของครอบครัวไปจำหน่าย
“ลูกค้าต้องการสินค้าแบบ OEM โดยมีเงื่อนไขไม่ให้เราทำแบรนด์ของตัวเอง ตอนนั้นผมกำลังคิดเรื่องการสร้างแบรนด์ให้ทางบ้านอยู่พอดี ก็ยิ่งชัดเจนว่าเราต้องมีแบรนด์ ก็เดินหน้าเลย ปรากฏว่ายอดขายสินค้าไปได้ดี โดยเฉพาะในตลาดต่างจังหวัด”
เขายอมรับว่าก่อนหน้านี้เคยอยากจะช่วยปรับเปลี่ยนธุรกิจของครอบครัว แต่ด้วยความใจร้อนและขาดวิธีสื่อสารที่ดีพอ จึงไม่ได้เข้ามาช่วยงานเต็มตัว แม้ว่าในเวลานั้นแบรนด์ SUPERCAT จะยังคงเป็นธุรกิจหลักที่สร้างรายได้ให้ครอบครัว แต่ปัญหาเชิงโครงสร้างที่สั่งสมมานานก็มาถึงจุดวิกฤติ จนถึงปี 2563 เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญเมื่อธุรกิจเผชิญวิกฤตจากหลายปัจจัยรุมเร้า ทั้งปัญหาที่เกิดจากระบบบริหารเดิมที่ขาดประสิทธิภาพ การมีคู่แข่งขันจากต่างประเทศที่ต้นทุนต่ำกว่า และสุดท้ายเกิดปัญหาโควิด-19 ทำให้มีความคิดจะปิดกิจการที่ดำเนินมานานกว่า 50 ปี ในฐานะที่เขามีส่วนเข้ามาช่วยเคลียร์ปัญหาก่อนหน้านี้ จึงมีข้อเสนอให้เขาตัดสินใจว่าจะรับช่วงทำธุรกิจนี้ต่อหรือปล่อยให้เลิกกิจการไป
“ผมเลือกทำต่อเพราะอยากให้กิจการที่คุณยายรักอยู่ต่อได้ และจากการเห็นโอกาสที่อยู่ข้างหน้าจึงตัดสินใจกู้เงินมาดำเนินการโดยบอกแผนให้คุณยายและคุณแม่เห็นว่าจะคืนทุนภายในกี่ปี จะสามารถเคลียร์เงินกู้ยืมจากธนาคารภายในเมื่อไร และมีโอกาสจะนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ปีไหน”
เล่นบท Recycle Partner ของอุตสาหกรรมสิ่งทอ
การตัดสินใจครั้งสำคัญนี้เกิดจากได้เรียนรู้และมองเห็นแนวโน้มว่า Sustainable Textile หรือสิ่งทอที่พัฒนาจากกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน กำลังเติบโตจากกระแสเรื่อง Circular Economy และ Sustainable Development โดยธุรกิจฟาสต์แฟชั่นมีแนวโน้ม มุ่งสู่แฟชั่นที่ยั่งยืน (Sustainable Fashion) ขณะที่แบรนด์ชั้นนำของโลกหลายรายวางเป้าหมายใช้วัตถุดิบที่ส่งเสริมความยั่งยืนทั้งหมดภายในปี พ.ศ. 2573
เมื่อมองจุดแข็งของธุรกิจครอบครัว ที่มีความเชี่ยวชาญการรวบรวมของเสียจากอุตสาหกรรมสิ่งทอ นำมาผ่านกระบวนการรีไซเคิลผลิตเป็นเส้นด้ายมานานหลายสิบปี เขามั่นใจว่าสามารถต่อยอดธุรกิจไปเป็น recycle partner โดยรับ textile waste มาผลิตเส้นด้ายและผ้ารีไซเคิลสนองความต้องการของตลาดที่เริ่มมีความต้องการทั้งฝั่ง fashion brand และ corporate ในชื่อแบรนด์ว่า SC Grand และนำผ้านั้นมาทำเป็นเสื้อผ้าในชื่อ CIRCULAR

“core value ของเราคือการเอา waste มา recycle เป็น new textile ส่วนแบรนด์ SC Grand หรือ CIRCULAR เป็นช่องทางในการผลักดันให้สินค้าของเราออกไปสู่ตลาด” จิรโรจน์ กล่าวสรุปให้ชัดเจน
ปี 2563 เขาลงทุนในการปรับโฉมธุรกิจครั้งใหญ่ มีการลงทุนเครื่องจักรและนวัตกรรม โดยมี “สรรพัชญ์ พจนาวราพันธุ์” น้องชาย เข้ามาช่วยดูแลเรื่องเทคโนโลยีและการผลิต ทีมบุคลากร และเริ่มสร้างแบรนด์ SC Grand ปี 2564 ในฐานะผู้ผลิตผ้ารีไซเคิลรายแรกของไทย ตั้งเป้าเป็นพันธมิตรในการผลิตสิ่งทอสีเขียวให้กับอุตสาหกรรมสิ่งทอยุคใหม่ที่ใส่ใจต่อผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม
นอกจากการนำเศษด้ายเศษผ้ามารีไซเคิลเป็นเส้นด้ายแบบเดียวกับที่เคยทำ เขาได้ลงทุนเครื่องทอผ้าและสร้างแบรนด์ผ้ารีไซเคิล ด้วยกลยุทธ์สร้าง Ingredient Brand เหมือนกับที่ Intel Processor มีการสร้างแบรนด์ด้วยการบอกว่าภายในคอมพิวเตอร์เครื่องนี้ใช้ชิปของ Intel
“อย่างคอมพิวเตอร์จะมีสติกเกอร์สีฟ้า เขียนว่า Intel inside เป็นกลยุทธ์สร้างแบรนด์ไมโครโพรเซสเซอร์ แต่ของเราเป็นการสร้างแบรนด์ผ้ารีไซเคิล เพื่อช่วยให้พาร์ทเนอร์ของเรา ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์แฟชั่นหรือเฟอร์นิเจอร์ สามารถสื่อสารเรื่องความยั่งยืนไปยังลูกค้าของพวกเขาได้ง่ายขึ้น โดยมี SC Grand เป็นเครื่องหมายการันตีคุณภาพ”
หลังจากนั้นต่อยอดเป็นเสื้อผ้าด้วยแบรนด์ CIRCULAR ที่เน้นผลิตจากผ้ารีไซเคิล 100 เปอร์เซ็นต์ และไม่ผ่านการฟอกย้อม เพื่อสร้างความตระหนักรู้ให้กับแบรนด์และผู้บริโภคได้เห็นศักยภาพของแฟชั่นที่ยั่งยืน
ต่อมามีบริการที่เรียกว่า Circular Solution นำเสื้อผ้าเก่าจากองค์กรต่าง ๆ ที่ใส่ใจในเรื่องความยั่งยืนมารีไซเคิลเป็นเสื้อผ้าใหม่แบบ Close Loop อาทิ ร่วมมือเป็นพันธมิตรกับองค์กรในตลาดหลักทรัพย์ที่มีการทำ ESG Report นำเครื่องแบบเก่าของพนักงานที่ไม่ใช้แล้วมารีไซเคิลเป็นเสื้อผ้าใหม่ตามที่ลูกค้าต้องการ เช่น นำชุดเก่าของพนักงาน บมจ.การบินไทย มาผ่านกระบวนการรีไซเคิลแล้วตัดเย็บเป็นชุดใหม่
ทุ่มสุดตัวทั้งเงินทั้งแรงเพื่อการเปลี่ยนแปลง
ผู้บริหาร-SC Grand ให้ข้อมูลว่า ตอนลงมือปรับโครงสร้างธุรกิจเพื่อมุ่งไปสู่เส้นทาง Sustainable Textile เขาทุ่มทุนก้อนใหญ่จากเงินกู้เบิกเกินบัญชี หรือ OD ที่คุณยายสร้างเครดิตไว้อย่างยาวนาน
“ผมอัดเงิน OD เต็มที่เลย เราลงทุนค่อนข้างมากเพราะมองเห็นว่าถ้าจะทำให้เกิดการเปลี่ยนต้องปรับเทคโนโลยี ปรับเปลี่ยนเครื่องจักร ใส่นวัตกรรม สร้างทีมและสร้างแบรนด์ ซึ่งล้วนเป็นเรื่องที่ต้องลงทุน ผมเลือกแนวทางนี้มากกว่าการค่อย ๆ เติบโตด้วยเห็นว่าเป็นหนทางที่เหมาะกับศักยภาพที่โรงงานของเราจะไปได้”
หัวใจสำคัญของการเปลี่ยนโครงสร้างการผลิตอยู่ที่การเปลี่ยนความสามารถของการผลิต จากเคยผลิตได้แบบเดียว สู่การผลิตที่หลากหลายตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะของลูกค้าแต่ละรายได้อย่างมีประสิทธิภาพในแบบ made-to-order
“เดิมเครื่องจักรในโรงงานของเราเซิร์ฟได้แบบเดียว แต่ตอนนี้สามารถผลิตได้หลายแบบตามความต้องการของลูกค้า โดยมีการแบ่งกระบวบการผลิตออกเป็นหลาย ๆ ส่วนให้เหมาะกับงานของลูกค้าหลายอย่าง”
“นี่คือสิ่งที่ SC Grand และ CIRCULAR ฉีกโมเดลออกมาจากโรงงานสิ่งทอ กลายเป็น service provider หรือ business solution ซึ่งเราเรียกสั้นว่า “recycle partner” ในการรีไซเคิลเป็นสินค้าอะไรก็ได้ที่ลูกค้าต้องการ”
ทั้งนี้ ในอดีตเวลาที่รับซื้อขยะจากโรงงานสิ่งทอจะไม่สามารถเลือกได้ แต่ความถนัดของทีมงานคือ ไม่ว่าวัตถุดิบดั้งเดิมจะมาในรูปแบบไหนก็สามารถทำเป็นไฟเบอร์ที่เหมาะสมในการปั่นเป็นเส้นด้ายได้
“ตรงนี้เป็นโนฮาวน์เดิมที่เรามีอยู่ เมื่อบวกเข้ากับเทคโนโลยีที่เราไปพาร์ตเนอร์เพิ่ม และไอเดียที่เราปรับเครื่องจักรใหม่ ๆ เมื่อเติมส่วนผสมเรื่องแบรนดิ้งและสตอรี่เข้าไป ทำให้เราสามารถสร้างความแตกต่างและก้าวมาสู่จุดนี้ได้”
ผู้บริหารหนุ่มจึงยืนยันกับ The Story Thailand บ่อยครั้งว่า เขาไม่ใช่คนเก่ง เพียงแต่มาต่อยอดจากรากฐานที่คุณยายกับคุณแม่สร้างไว้
ส่วนตัวเขาในฐานะผู้นำองค์กรก็ทุ่มเทแรงกายแรงใจโดยวางมือจากงานอื่น ๆ ที่เคยทำมาโฟกัสกับงานปั้นธุรกิจ “สิ่งทอยั่งยืน” เพียงอย่างเดียว เนื่องจากก่อนหน้านี้เขามีธุรกิจของตัวเอง ทั้งทำรองเท้าหนังแบรนด์ Mango Mojito และสร้างแพลตฟอร์ม VT Thai (วิถีไทย) รวบรวมงานหัตถกรรมของไทยขายไปทั่วโลกผ่านออนไลน์
“ความจริงแพลตฟอร์มวิถีไทยเป็นงานที่ผมชอบมากและเริ่มไปได้หลังจากทำมานานหลายปี แต่มีผู้ใหญ่ให้คำแนะนำว่าควรจะโฟกัสอยู่กับงานใดงานหนึ่งอย่างจริงจัง ซึ่งผมเห็นด้วยเพราะที่ผ่านมาไม่ประสบความสำเร็จในธุรกิจจากการไม่โฟกัส ใครบอกอะไรดีก็ไปทำ”
เน้นเรื่องเทคโนโลยีและการสร้างแบรนด์
จิรโรจน์บอกว่า เขาเริ่มต้นจากวางโรดแมป 5 ปีว่าจะทำอะไร ที่ผ่านมาก้าวเดินทีละก้าวไปตามขั้นตอน โดยทั้งหมดเน้นที่ 2 เรื่องสำคัญคือ เทคโนโลยีและการสร้างแบรนด์
การเปิดตัวแบรนด์ SC Grand ในช่วงเกิดโควิค-19 เป็นความท้าทายอย่างยิ่งเนื่องจากคนส่วนใหญ่อยู่ในสภาพที่ยังห่วงเรื่องการเอาตัวรอด ขณะที่ผ้ารีไซเคิลก็มีข้อจำกัดหลายอย่าง จะทำอย่างไรให้คนยอมรับ
“ผ้ารีไซเคิลที่ไม่ผ่านกระบวนการฟอกย้อมจะมีปัญหาสีผ้าไม่สม่ำเสมอและมีความแตกต่างกันในแต่ละชิ้นเนื่องจากสีของผ้ามาจากวัตถุดิบตั้งต้น ทั้งมีที่มาจากผ้าเหลือใช้หรือเสื้อผ้าเก่า แต่มีราคาสูงกว่าผ้าทอทั่วไป ในการทำสิ่งที่ไม่มีใครเคยทำมาก่อน ความท้าทายที่สุดคือการสื่อสารสร้างความเข้าใจแก่ตลาด”
“ในช่วง 3 ปีแรก ค่อนข้างลำบากเพราะไม่มียอดขาย เพิ่งจะมียอดขายในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานี้เอง ทั้ง SC Grand และ CIRCULAR จึงขาดทุนต่อเนื่องกันหลายปี”
อย่างไรก็ดี ช่วงที่ยังไม่มียอดขายเขาและทีมงานทุ่มเทกับการพัฒนาสินค้าโดยมี “สรรพัชญ์ พจนาวราพันธุ์” น้องชายเป็นผู้ดูเรื่องเทคโนโลยีและนวัตกรรมการผลิตให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีมาตรฐานสากล โดยร่วมกับพาร์ตเนอร์จากประเทศแคนาดาทำกระบวนการวิเคราะห์และประเมินค่าผลกระทบของผลิตภัณฑ์ที่มีต่อสิ่งแวดล้อมแบบครบวงจร จนได้รับการรับรองคุณภาพของโรงงานและผลิตภัณฑ์จาก Global Recycled Standard (GRS) และรับรองความปลอดภัยจากสารเคมีอันตรายตามมาตรฐาน OEKO-TEX จากสถาบันทดสอบสิ่งทอ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

ส่วนเรื่องการสร้างแบรนด์ (branding) หลายปีที่ผ่านมามีโอกาสได้ทำงานร่วมกับแบรนด์ดังหลายราย ทำให้แบรนด์ SC Grand เป็นที่รู้จักและยอมรับกว้างขึ้น โดยเฉพาะจากวงการเสื้อผ้าแฟชั่นและวงการเฟอร์นิเจอร์
“เราสร้างแบรนด์จากโรงงานขยะจนได้ไปปรากฏในวิดีโอบนเครื่องบินสายการบินไทยสมายล์เกือบปี ทั้งที่ก่อนหน้านี้เป็นได้แค่เส้นด้ายสำหรับม็อบถูพื้น หรือได้ไป collab กับแบรนด์ Carnival นับเป็นสิ่งที่ท้าทายมาก”
จิรโรจน์ ย้อนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับการสร้างแบรนด์ผ่านการร่วมมือกับแบรนด์ดังต่าง ๆ เช่น ร่วมมือกับแบรนด์สตรีทแฟชั่นอย่าง Carnival ส่งผลให้มีอีกหลายแบรนด์มาร่วมทำงานแฟชั่นเพิ่มขึ้น เช่น จับมือกับ Vogue Thailand และ KLOSET แบรนด์ดังเสื้อผ้าผู้หญิง นำเสนอคอลเล็กชันว่าด้วยเรื่องแฟชั่นที่ยั่งยืน เพื่อส่งสัญญาณว่าแบรนด์กำลังก้าวเข้าสู่โลกยั่งยืน
หรือการผนึกกำลังจาก 3 แบรนด์ PT x CIRCULAR x Yuedpao (ยืดเปล่า) สร้างคอลเล็กชันรักษ์โลก ReWear ReCare ทั้งเสื้อยืดและหมวกจากผ้ารีไซเคิลที่ผลิตจากเสื้อผ้าใช้แล้ว ซึ่งสมาชิกแมกซ์ การ์ด นำมาบริจาคแลกเป็นแต้มสะสมที่สถานีบริการน้ำมันพีที เพื่อรณรงค์ให้เกิดความตระหนักถึงคุณค่าสิ่งของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันที่สามารถนำมาแปรรูปเป็นผลิตใหม่ช่วยลดขยะและทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด
รวมทั้งได้ร่วมมือกับแบรนด์โยธกา ผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์ที่มีชื่อเสียง ในการออกแบบคอลเล็กชันผ้ารีไซเคิลพิเศษสำหรับงานตกแต่งบ้าน ทำให้ผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์อีกหลายแบรนด์ให้โอกาสในการทำงานสร้างสรรค์ร่วมกันในลักษณะ collaboration อาทิ PDM และ VERTIER
สำหรับแบรนด์ CIRCULAR เดิมเขาไม่มีความคิดจะทำธุรกิจผลิตสินค้า แต่จำเป็นต้องทำเพื่อพิสูจน์ให้ตลาดเห็นว่าเสื้อผ้าหรือสิ่งทอรีไซเคิลสามารถทำงานดีไซน์ต่าง ๆ ที่ใช้ในชีวิตประจำวันได้ โดยที่ชั้น 3 ของโชวร์รูม CIRCULAR เป็นที่แสดงตัวอย่างผลงานให้ลูกค้าได้สัมผัสอย่างเป็นรูปธรรม
“เป็นการพิสูจน์ให้ลูกค้าเห็นว่าผ้ารีไซเคิลนำมาทำเป็น fashion brand ได้ จากตรงนั้นเราก็เริ่มมีลูกค้าเอาไปทำเป็นเสื้อยืด เสื้อโปโล หรือเสื้อเชิ้ต”
วางหมุดหมายเป็น Recycle Hub ของภูมิภาค
“ทุกอย่างที่เราทำในวันนี้ยังเป็นเพียงก้าวแรก การที่เราทำงานร่วมกับพันธมิตรต่าง ๆ เป็นการจิ๊กซอว์เพื่อไปสู่เป้าหมายเป็น recycle hub ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภายใน 3-5 ปีข้างหน้า”
ผู้บริหาร SC Grand บอกว่าการเป็น recycle hub ในอนาคตหมายถึงการเป็นหนึ่งในบริษัทแถวหน้าของภูมิภาคที่นำขยะสิ่งทอมารีไซเคิลเป็นผ้าใหม่ เนื่องจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีโรงงานตัดเย็บจำนวนมาก ส่วนมากผลิตเพื่อส่งออกทำให้มีเศษผ้าที่เหลือจากกระบวนการตัดเย็บจำนวนมาก ซึ่งนอกเหนือจากประเทศไทยก็มีประเทศเวียดนามประเทศเดียวที่มีความพร้อมในระดับเดียวกัน แต่เทียบในด้านความแข่งแกร่งและการยอมรับจากแบรนด์ระดับโลก ประเทศไทยยังมีความได้เปรียบอยู่มาก
“ในเมืองไทยมีโรงงานที่ผลิตผ้าให้กับแบรนด์ดังอย่าง Adidas, Nike ผลิตเสื้อผ้าแฟชั่นให้แบรนด์ Patagonia และลักชัวรีแบรนด์ต่าง ๆ แม้แต่เสื้อวิ่งบางแบรนด์ก็สั่งตัดกับประเทศไทยเท่านั้น เนื่องจากประเทศไทยมีซัพพลายเชนค่อนข้างครบ มีโรงงานที่มีฝีมือดี แต่ยังขาดโอกาสบางอย่าง ดังนั้นถ้าเราสามารถทำ recycle hub ได้สำเร็จ เราก็สามารถเป็นซัพพลายเชนให้กับเพื่อน ๆ และช่วยให้อุตสาหกรรมสิ่งทอแฟชั่นของไทยยืนหยัดอยู่ต่อไปได้”
ในอีกด้านหนึ่งการเป็น recycle hub จะช่วยส่งเสริมให้สามารถขยายธุรกิจไปเชื่อมโยงกับระดับโลกได้ง่ายขึ้น ใครที่อยู่ต่างประเทศ ถ้าต้องการจะเข้าถึงซัพพลายเชนหรือลูกค้าในภูมิภาคนี้ recycle hub ก็สามารถเป็นตัวกลางเชื่อมต่อให้ได้ง่ายขึ้น หรือโรงงานในภูมิภาคนี้อยากจะเข้าถึงโกลเบิลแบรนด์ก็ช่วยเป็นตัวกลางได้เช่นกัน
“การเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์จะเป็นจิ๊กซอว์หนึ่งที่ช่วยให้เรามีกำลังในการขยายการเติบโตด้วยวิธีการพาร์ตเนอร์รูปแบบต่าง ๆ กับบริษัททั้งในประเทศและต่างประเทศได้ง่าย”
จิรโรจน์ เผยว่าอนาคตของการเป็น recycle hub เป็นเพียงก้าวแรกเท่านั้น แต่ก้าวต่อไปหลังจากนี้อีก 10 ปี เขาตั้งเป้าอยากเป็น sustainable textile ecosystem ซึ่งเปรียบได้กับใยแมงมุมที่เชื่อมโยงกับผู้ประกอบการต่าง ๆ ในระบบนิเวศของอุตสาหกรรมสิ่งทอ ไม่ว่าจะเป็น โรงงานปั่นฝ้าย โรงงานทอผ้า โรงงานตัดเย็บ แบรนด์แฟชั่น ตลอดจนองค์กรต่าง ๆ
อศินา พรวศิน – สัมภาษณ์
สมชัย อักษรารักษ์ – เรียบเรียง
บทสัมภาษณ์อื่น ๆ ที่น่าสนใจ
เจาะลึกอาชีพ ‘นักภาษาโบราณ’ ผู้ไขรหัสอดีตอันล้ำค่าของชาติ
จากแผนที่ ‘ขนมชั้น’ สู่ GeoAI: วิสัยทัศน์ ‘แพร พันธุมวนิช’ พลิกเกมธุรกิจด้วย Location Intelligence
แคทลียา ท้วมประถมผู้สร้างสรรค์ “อาลัย Link” บริการงานศพยุคออนไลน์




