NEC ประกาศความพร้อมในการเป็นผู้นำโซลูชันเทคโนโลยีสารสนเทศยุคใหม่ ชู 3 กลุ่มเทคโนโลยีหลัก ได้แก่ Healthcare, Cyber Security และ Disaster Management ที่ผสานพลังปัญญาประดิษฐ์ (AI) มุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทยและขับเคลื่อนการใช้ชีวิตแห่งอนาคตในเมืองอัจฉริยะ พร้อมจัดแสดงสุดยอดนวัตกรรมเหล่านี้ในงาน Thailand Smart City Expo 2025 ระหว่างวันที่ 5-7 พฤศจิกายนนี้
วิสัยทัศน์ ‘Digital’ และ ‘Sustainability’
อิชิโร คูริฮาระ ประธานบริษัท เอ็นอีซี คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า NEC ยังคงเดินหน้าตามแผนการปรับแนวทางการทำธุรกิจที่มุ่งเน้น Digital และ Sustainability เป็นแกนกลาง โดยอาศัยเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) และ AI ผนวกเข้ากับโซลูชันต่าง ๆ เพื่อตอบโจทย์องค์กรธุรกิจในประเทศไทย
“ในปีนี้บริษัทยังคงเชื่อมั่นในสองสิ่งก็คือ Digital และ Sustainability ที่เป็นแกนกลาง” อิชิโร กล่าว “เรามุ่งเน้นนำเสนอสุดยอดเทคโนโลยีที่มาพร้อมกับโซลูชันที่เหมาะสมกับภาคธุรกิจต่างๆ โดยเฉพาะใน 3 กลุ่มเป้าหมายหลัก”
3 กลุ่มโซลูชันไฮไลต์ในงาน Smart City Expo
ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของโลกที่ไม่อยู่นิ่ง NEC เล็งเห็นถึงความต้องการโซลูชันเฉพาะด้านเพื่อความต่อเนื่องทางธุรกิจ โดยในงาน Thailand Smart City Expo 2025 ครั้งนี้ NEC จะมุ่งเน้นนำเสนอ 3 กลุ่มอุตสาหกรรมหลัก ได้แก่
1. Healthcare: เจาะตลาด Wellness เชิงรุก
ตลาดเฮลท์แคร์ โดยเฉพาะกลุ่ม Wellness ของไทย มีมูลค่าสูงเกือบ 4.1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ (ตามรายงาน GWI) และยังคงเติบโตต่อเนื่อง NEC มองเห็นโอกาสในธุรกิจ Wellness ซึ่งเป็นการดูแลเชิงรุก (ทำให้คนไม่ป่วย) ซึ่งแตกต่างจากโรงพยาบาลแบบเดิม (รักษาคนป่วย)
FonesVisuas: NEC ได้นำเทคโนโลยีนี้ ซึ่งใช้ AI วิเคราะห์โปรตีนเพื่อบ่งชี้ความเสี่ยงของโรคภัยต่าง ๆ ในแบบส่วนบุคคล ให้กับศูนย์สุขภาพในเครือโรงพยาบาล BDMS ทั่วประเทศแล้ว
CrossCare: แพลตฟอร์มใหม่ที่ผสานฟังก์ชั่นการดูแลผู้สูงอายุเป็นหนึ่งเดียว สามารถติดตามความผิดปกติผ่านอุปกรณ์ IoT โทรศัพท์มือถือ หรือ Call Center และแชร์ข้อมูลไปยังผู้ดูแลและแพทย์ได้อย่างทันท่วงที
2. Cybersecurity: เปลี่ยนจาก “ตั้งรับ” เป็น “ป้องกันเชิงรุก”
ในยุคที่ดิจิทัลเป็นหัวใจของธุรกิจ ภัยคุกคามทางไซเบอร์ก็เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว NEC พร้อมนำเสนอ Solution Threat Intelligence ที่จะเปลี่ยนการรับมือด้านความปลอดภัยไซเบอร์ขององค์กรจาก “การตั้งรับ” ไปสู่ “การป้องกันเชิงรุก”
โซลูชันนี้ให้ข้อมูลเชิงลึกที่แม่นยำ ทันเวลา และนำไปปฏิบัติได้จริง ช่วยให้ทีม Cybersecurity สามารถคาดการณ์ ป้องกัน และลดความเสี่ยงจากภัยคุกคามที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาได้อย่างทันท่วงที
3. Disaster Management: ใช้ LLM รับมือภัยพิบัติ
ภัยพิบัติ โดยเฉพาะ “น้ำท่วม” ถือเป็นความเสี่ยงสำคัญในโลกของ Smart City ที่จะทำให้ธุรกิจหยุดชะงัก NEC ได้นำเทคโนโลยีขั้นสูงที่ใช้ โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) ร่วมกับการวิเคราะห์ภาพ เพื่อประเมินความเสียหาย
เทคโนโลยีนี้สามารถระบุขอบเขตและตำแหน่งของความเสียหายจากภาพถ่ายที่หลากหลายในช่วงเกิดภัยพิบัติได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งในการเร่งกระบวนการตอบสนองต่อเหตุการณ์ได้อย่างทันท่วงที
อิชิโร คูริฮาระ กล่าวทิ้งท้ายว่า องค์กรหรือหน่วยงานที่กำลังมองหาโซลูชันเพื่อการเติบโตอย่างมั่นคงในยุคดิจิทัล สามารถเข้ามาปรึกษาและขอคำแนะนำได้ที่บูธ NEC ในงาน Thailand Smart City Forum 2025 (ซึ่งระบุในข่าวว่าคืองาน Thailand Smart City Expo 2025) ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 5-7 พฤศจิกายนนี้ ณ บูธ E01 Hall 3 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
ดีอี จับมือ Google แจก Google AI Pro ฟรี 1 ปี ให้นักศึกษา 18 ปีขึ้นไป
กางแผน 3 ยักษ์ใหญ่ กปท.-NT-กสทช. ปั้นโดรนขนส่งไทย คาดชัดใน 1 ปี




