กรุงเทพมหานคร (กทม.) เดินหน้าตามนโยบาย “เรียนดี” มุ่งเน้นให้เด็กนักเรียนได้รับการพัฒนาทักษะความรู้รอบด้าน โดยร่วมมือกับ Edsy สตาร์ตอัพด้านเทคโนโลยีการศึกษาของไทย และ บริษัท เอสวีโอเอ จำกัด (มหาชน) (SVOA) เปิดตัวโครงการ นำ Edsy AI Coach แอปพลิเคชันครูผู้ช่วยปัญญาประดิษฐ์ เข้าสู่การเรียนการสอนวิชาภาษาอังกฤษในโรงเรียนสังกัด กทม. 136 แห่ง ครอบคลุมนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 กว่า 14,000 คน
ชี้จุดอ่อน Speaking & Writing: ผ่านเกณฑ์ A1 แค่ 3%
ภาษาอังกฤษเป็นทักษะสำคัญที่จะช่วยเปิดโลกทัศน์การเรียนรู้ กทม. จึงมีแผนพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษให้กับนักเรียนผ่าน 3 องค์ประกอบ ได้แก่ การพัฒนาเด็ก การพัฒนาครู และการนำเทคโนโลยีเข้ามาร่วมบูรณาการการเรียนการสอนในทุกมิติ ซึ่งทั้ง 3 ส่วนนี้จะช่วยให้นักเรียนโรงเรียนสังกัด กทม. มีศักยภาพในการแข่งขันระดับสากล
ศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กทม.ต้องการให้นักเรียนในสังกัดมีโอกาสเข้าถึงการเรียนการสอนภาษาอังกฤษที่มีคุณภาพ “ผมคิดว่านี่เป็นนโยบายที่สำคัญมากที่จะทำให้เด็กของเราได้พูดและได้เขียนมากขึ้น ทุกวันนี้ ห้องเรียนที่มีนักเรียน 30-40 คน แต่ครูแค่ 1 คน ทำให้มีเด็กที่ได้พูดมีไม่เกิน 10 คน ซึ่งก็เป็นเด็กคนเดิม ๆ ฉะนั้น เราจะทำยังไงให้เด็กทุกคนในห้องเรียนได้พูด”
รองผู้ว่าฯ ศานนท์เสริมว่า “เด็กไทย (ชั้นประถมศึกษาตอนปลาย) ควรจะมีทักษะภาษาอังกฤษ 4 ด้านอยู่ที่ระดับ A1 ตามมาตรฐานสากลยุโรป…แต่ในปีที่แล้ว เด็ก กทม. แค่ 3% เท่านั้นที่ผ่านระดับ A1 ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าตกใจมาก…ทักษะที่เด็กเราแทบจะตกเป็น 0 เลยคือทักษะ speaking และ writing”
Edsy AI Coach: ครูผู้ช่วยส่วนตัว
พริษฐ์ เที่ยงธรรม ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Edsy กล่าวว่า Edsy ก่อตั้งโดยทีมนักวิจัยจากสถาบัน Human-Computer Interaction ที่ มหาวิทยาลัย Carnegie Mellon ซึ่งเป็นแล็บด้าน EdTech อันดับต้น ๆ ของโลก
จุดเด่นของแอปพลิเคชัน Edsy AI Coach คือการสร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ภาษาอังกฤษแบบ รายบุคคล (Personalized Learning) โดยให้ผู้เรียนได้ฝึกแต่งประโยคและพูดโต้ตอบด้วยตนเอง ซึ่ง AI Coach จะให้ข้อเสนอแนะ (Feedback) ทันที เพื่อแก้ไขหลักไวยากรณ์ ปรับรูปประโยคให้เป็นธรรมชาติ และปรับสำเนียงการออกเสียงให้ถูกต้องแม่นยำ
ปัจจุบัน Edsy AI Coach ถูกนำไปใช้แล้วในโรงเรียนและมหาวิทยาลัยกว่า 650 แห่งทั่วประเทศไทย และกำลังขยายสู่ตลาดต่างประเทศ
ขยายผลสำเร็จจาก Pilot Test นักเรียนพัฒนาขึ้น 10-14%
โครงการนี้เดินหน้าสู่เฟสใหญ่หลังประสบความสำเร็จจากการนำร่องในโรงเรียนสังกัด กทม. 6 แห่งเมื่อปีที่ผ่านมา โดยผลการประเมินพบว่า ภายในระยะเวลาเพียง 2 เดือน นักเรียนมีพัฒนาการอย่างชัดเจน:
- ทักษะการพูดคล่อง (Fluency) เพิ่มขึ้น 10%
- ความถูกต้องตามหลักภาษา (Accuracy) เพิ่มขึ้น 14%
- การออกเสียง (Pronunciation) ถูกต้องมากขึ้น 12%
ดร.อติพร นิลขำ ผู้อำนวยการโรงเรียนพระยามนธาตุราชศรีพิจิตร์ กล่าวว่า “เด็ก ๆ มีความสุขและสนุกสนานกับการเรียนเมื่อมี AI เป็นตัวช่วยให้เด็กได้เรียนรู้ จากที่ไม่รู้ ไม่กล้า ทำให้เรียนรู้และกล้ามากขึ้น ได้ Enjoy Learning”
คุณครูนฤมล กุลวงษ์น้อย จากโรงเรียนบ้านบางกะปิ กล่าวเสริมว่า “พอให้เด็กได้ใช้ เด็กสนุกและมีความสุขในการเรียน…การเรียนกับ AI ทำให้เด็กมีความสุข รู้สึกว่าได้มีอิสระทางความคิด และกล้าที่จะพูดและโต้ตอบมากขึ้น”
โครงการนี้ถือเป็นเฟสแรกของความร่วมมือ โดย กทม. วางแผนต่อยอดในเฟสสอง เพื่อขยายผลเพิ่มอีกกว่าเท่าตัวในปีการศึกษาหน้า และเป้าหมายสูงสุดคือการนำ AI Coach ไปใช้ในโรงเรียนสังกัด กทม. ทั้ง 437 แห่ง ตามวิสัยทัศน์ของผู้ว่าฯ ที่อยากให้เด็ก กทม. ทุกคน “ได้ภาษา” อย่างแท้จริง
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
True Digital Academy เปิดตัว ‘Career Spark’ แพลตฟอร์มปั้นทักษะคน สู่งานยุค AI
ดีป้าแก้เกมขาดคนดิจิทัล อัดฉีดมาตรการภาษี 250% กระตุ้นธุรกิจเร่งอัปสกิล
