Databricks เผยวิสัยทัศน์แห่งอนาคตในงาน “Data Intelligence Day” ประกาศเปลี่ยนเกมการจัดการและวิเคราะห์ข้อมูลสู่ยุค “Data Intelligence” อย่างเต็มรูปแบบ โดยชูโรงด้วย Agent Framework ระบบ AI อัจฉริยะที่สามารถทำงานร่วมกัน (Multi-Agent Systems) และ AI-Powered BI ที่ให้ผู้ใช้งานทางธุรกิจสามารถ “พูดคุย” กับข้อมูลด้วยภาษาธรรมชาติ รวมถึงภาษาไทย เพื่อค้นหาคำตอบและกลยุทธ์เชิงลึกได้ทันที โดยไม่ต้องเขียนโค้ดที่ซับซ้อน
ทลายกำแพงข้อมูลสู่สถาปัตยกรรมแบบเปิด
นิคแอร์ส (Nicholas Eayrs), Vice President, Field Engineering, Asia Pacific & Japan จาก Databricks ได้ฉายภาพความท้าทายที่องค์กรส่วนใหญ่กำลังเผชิญ คือการมีระบบข้อมูลที่กระจัดกระจาย ซับซ้อน และถูกจำกัดด้วยเทคโนโลยีที่เป็นกรรมสิทธิ์ (Proprietary Lock-in) ทำให้การนำข้อมูลมาใช้ประโยชน์ทำได้ยากและล่าช้า
Databricks นำเสนอทางออกด้วยการวางรากฐานบนหลักการสำคัญสองประการเพื่อทลายกำแพงข้อมูลและสร้างระบบที่เป็นหนึ่งเดียว ประการแรก คือการสนับสนุนให้องค์กรเป็นเจ้าของข้อมูลของตนเองอย่างแท้จริงผ่าน Open Data Format เช่น Delta Lake และ Apache Iceberg™ เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นและอิสระในการเลือกใช้เครื่องมือต่าง ๆ
ประการที่สองคือการใช้ Open Data Governance ผ่าน Unity Catalog ซึ่งทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการกำกับดูแลข้อมูลทั้งหมด ตั้งแต่ข้อมูลดิบ ฟีเจอร์ โมเดล AI ไปจนถึงผลลัพธ์สุดท้าย ทำให้สามารถตรวจสอบและจัดการวงจรชีวิตของข้อมูลและ AI ได้อย่างครบวงจร
Agent Framework: เมื่อ AI ทำงานร่วมกันและเข้าใจภาษาไทย
ไฮไลต์สำคัญของงานคือการสาธิตความสามารถของ Agent Framework หรือ “Agent Bricks” ซึ่งเป็นเฟรมเวิร์กที่ช่วยให้นักพัฒนาสามารถสร้างระบบ AI ที่ประกอบด้วย “เอเจนต์” หลายตัวทำงานร่วมกันได้อย่างง่ายดาย ในการสาธิต ได้มีการสร้างระบบวิเคราะห์ปัญหาการลาออกของพนักงาน (Employee Attrition) โดยผสานเอเจนต์สองตัวเข้าด้วยกันอย่างชาญฉลาด
เอเจนต์ตัวแรกเชื่อมต่อกับข้อมูลที่มีโครงสร้างชัดเจนภายในบริษัท (Structured Data) เช่น สถิติการลาออกรายเดือน ขณะที่เอเจนต์อีกตัวเชื่อมต่อกับข้อมูลภายนอกที่ไม่มีโครงสร้าง (Unstructured Data) อย่างงานวิจัยและบทความสาธารณะเกี่ยวกับสาเหตุการลาออกในอุตสาหกรรม ผู้ใช้งานสามารถตั้งคำถามเป็นภาษาไทยว่า “ช่วยวิเคราะห์แนวโน้มการลาออกให้หน่อย”
จากนั้นระบบจะแสดงกระบวนการคิดโดยเลือกใช้เอเจนต์ที่เหมาะสมเพื่อดึงข้อมูลจากทั้งสองแหล่งมาประมวลผลร่วมกัน ก่อนจะสรุปเป็นกลยุทธ์ที่นำไปปฏิบัติได้จริง เช่น “พนักงาน 13 คนลาออกเพราะต้องการค่าตอบแทนที่ดีกว่า” ซึ่งเป็นการยกระดับจากการวิเคราะห์เชิงพรรณนาไปสู่การวิเคราะห์เชิงแนะนำได้อย่างสมบูรณ์
Databricks One: แดชบอร์ดอัจฉริยะที่ “พูดคุย” และให้คำแนะนำได้
อีกหนึ่งนวัตกรรมที่ถูกนำเสนอคือ Databricks One และความสามารถของ AI-Powered Business Intelligence (AI/BI) ที่เปลี่ยนแดชบอร์ดแบบเดิม ๆ ให้กลายเป็นผู้ช่วยอัจฉริยะ ผู้ใช้งานทางธุรกิจสามารถโต้ตอบกับแดชบอร์ดผ่าน “Genie” ผู้ช่วย AI ได้โดยตรง การสาธิตได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการถามคำถามที่ซับซ้อนเกินกว่าที่แดชบอร์ดมี เช่น การสอบถาม “อัตราการแก้ปัญหาสำเร็จในครั้งแรก (FTR)” ซึ่ง Genie สามารถเข้าใจคำย่อทางธุรกิจและสร้างกราฟคำตอบใหม่ขึ้นมาได้ทันที ยิ่งไปกว่านั้น ยังมี “Research Mode” สำหรับคำถามเชิงกลยุทธ์ เช่น “เราจะปรับปรุง FTR ให้ดีขึ้นได้อย่างไร?” ซึ่ง Genie จะทำการตั้งสมมติฐานหลายๆ แบบ, ทดสอบกับข้อมูล, และสรุปออกมาเป็นแผนปฏิบัติการที่ชัดเจน เช่น การแนะนำให้ไปปรับปรุงในประเทศที่มีอัตรา FTR ต่ำที่สุด
วิสัยทัศน์ของ Databricks นี้ แสดงให้เห็นถึงทิศทางที่ชัดเจนในการลดความซับซ้อนและ “ทำให้ข้อมูลและ AI เป็นประชาธิปไตย” (Democratizing Data & AI) ซึ่งเป็นการช่วยให้ทุกคนในองค์กรสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากข้อมูลได้อย่างเต็มศักยภาพ เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันในโลกที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์อย่างแท้จริง
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
AWS เผย AI ไทยโตพุ่ง แต่เสี่ยงโตกระจุก สกิลคนยังเป็น ‘คอขวด’
Big C ปฏิวัติข้อมูล ขับเคลื่อนองค์กรสู่ยุค AI
