Share on
×

Share

เจาะเทรนด์งาน 2026 เมื่อ AI ปฏิวัติการจ้างงาน เปิดทักษะ ‘รอด-ร่วง’

เจาะเทรนด์งาน 2026 เมื่อ AI ปฏิวัติการจ้างงาน เปิดทักษะ "รอด-ร่วง"

ในขณะที่ปี 2026 กำลังจะมาถึง ประเทศไทยยังคงครองตำแหน่งหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการว่างงานต่ำที่สุดในโลก แต่ภายใต้ตัวเลขที่ดูสวยหรูนั้น กลับซ่อน “ระเบิดเวลา” ของตลาดแรงงานเอาไว้ เมื่อนายจ้างกว่า 67% ระบุตรงกันว่า ปัญหาใหญ่ที่สุดไม่ใช่การหา “คน” แต่คือการหา “คนที่มีทักษะตรงกับงาน” 

Robert Walters (โรเบิร์ต วอลเทอร์ส) บริษัทที่ปรึกษาด้านการหางานระดับโลก ได้เปิดเผยผลสำรวจเงินเดือนปี 2026 (Salary Survey 2026) เผยภาพความท้าทายครั้งสำคัญที่กำลังเปลี่ยนกติกาโลกการทำงาน จากที่เคยดู “ใบปริญญา” มาสู่ยุคแห่ง “ทักษะ” อย่างเต็มรูปแบบ 

หมดยุคสอนงาน: นาทีทองของมนุษย์ “Plug-and-Play”

เทรนด์ที่มาแรงที่สุดในปี 2026 คือ “Skills-based hiring” หรือการจ้างงานโดยดูที่ทักษะเป็นหลัก องค์กรต่างต้องการคนที่เข้ามาแล้วทำงานได้ทันที (Immediate value) โดยไม่สนใจวุฒิการศึกษามากเท่าในอดีต 

ปุณยนุช ศิริสวัสดิ์วัฒนา ผู้จัดการประจำประเทศไทยของ Robert Walters ระบุว่า ผู้สมัครย้ายงานที่มีทักษะพร้อมใช้แบบ “Plug-and-play” หรือเข้ามาแล้วเสียบปลั๊กทำงานได้เลย มีโอกาสเรียกเงินเดือนเพิ่มขึ้นได้สูงถึง 15–20% ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าในสมรภูมิแย่งชิงคนเก่ง องค์กรยอมจ่าย “ค่าพรีเมียม” เพื่อแลกกับความเชี่ยวชาญที่จับต้องได้ 

เงินเดือนยังสะพัด นายจ้าง 97% พร้อมเปย์

แม้เศรษฐกิจจะมีความผันผวน แต่สงครามแย่งคน (Talent War) ทำให้เรื่องค่าตอบแทนยังคงดุเดือด

  • นายจ้างสู้ไม่ถอย: 97% ของธุรกิจมีแผนที่จะปรับขึ้นเงินเดือนให้พนักงานในปี 2026 
  • ความคาดหวังสูง: สอดคล้องกับฝั่งคนทำงานที่ 93% คาดหวังว่าจะได้ขึ้นเงินเดือน 
  • อัตราการขึ้นเงินเดือน: สำหรับพนักงานเดิม (Retention) นายจ้างส่วนใหญ่ (74%) จะปรับขึ้นเฉลี่ย 2-4% ในขณะที่พนักงานเข้าใหม่ (New hires) มีโอกาสปรับฐานเงินเดือนขึ้น 1-5% และในบางกลุ่มที่เป็นที่ต้องการสูงอาจพุ่งไปถึง 11-15% 

สเปกผู้นำยุคใหม่: เก่งงานไม่พอ ต้อง “เก่งคน”

ในปี 2026 ตำแหน่งระดับผู้บริหาร (C-suite) จะเป็นที่ต้องการสูงเพื่อเข้ามานำองค์กรฝ่าคลื่นความเปลี่ยนแปลง แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ “สเปก” ที่เปลี่ยนไป นอกจากความเก่งเชิงกลยุทธ์แล้ว องค์กรให้ความสำคัญกับ Soft Skills อย่างมาก โดยทักษะที่นายจ้างมองหามากที่สุดในระดับผู้นำคือ:

  1. การแก้ปัญหาและการคิดเชิงวิพากษ์ (58%)
  2. ทักษะความร่วมมือและการสื่อสาร (57%)
  3. ความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) และความเห็นอกเห็นใจ (Empathy) (52%)

นั่นหมายความว่า ผู้นำที่สั่งการแบบเดิมๆ อาจจะอยู่ยาก เพราะองค์กรต้องการผู้นำที่ “สร้างแรงบันดาลใจ” และ “ยืดหยุ่น” ต่อสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน 

AI และทักษะแห่งอนาคต: ใครไม่ปรับ…เสี่ยงตกขบวน

AI เข้ามามีบทบาทชัดเจนในกระบวนการจ้างงาน โดยเฉพาะในบริษัทใหญ่ที่ใช้ AI ช่วยคัดกรองผู้สมัคร แต่นั่นก็มาพร้อมกับความเสี่ยง โดยเฉพาะสายงานธุรการ บัญชี การเงิน และไอที ที่ถูกระบุว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงสูงสุด 

แล้วทักษะอะไรที่จะทำให้คนทำงาน “รอด”? ผลสำรวจชี้ชัดว่า การวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analysis) คือทักษะที่สำคัญที่สุดในยุค AI (72%) ตามมาด้วยการคิดเชิงวิพากษ์ (52%) และความสามารถในการปรับตัว (34%) 

Reskill คือทางรอดเดียว

ปี 2026 ไม่ใช่ปีของการทำงานแบบเดิม ๆ อีกต่อไป องค์กรกว่าครึ่งคาดว่าพนักงาน 25-50% จำเป็นต้องได้รับการ Reskill หรือ Upskill ภายใน 5 ปีข้างหน้า ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นองค์กรหรือคนทำงาน “การเรียนรู้” จะไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่คือ “ทางรอด” ในการรักษาความสามารถในการแข่งขันในตลาดงานยุคใหม่นี้

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

ยกระดับ ‘อุตสาหกรรมอาหารไทย’ สู่ ‘ขุมทรัพย์ล้านล้าน’

ทีดีอาร์ไอ ชูโมเดล 2041 ปลุก ‘เครื่องจักรใหม่’ พาไทยสู่ประเทศรายได้สูง

×

Share

ผู้เขียน