Share on
×

Share

จาก Creator สู่ Shifter: พลังอินฟลูฯขับเคลื่อนอุตสาหกรรม MICE

จาก Creator สู่ Shifter: พลังอินฟลูฯขับเคลื่อนอุตสาหกรรม MICE

ในยุคที่พลังของ “ซอฟต์พาวเวอร์” กลายเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจชาติ บทบาทของนักสื่อสารและคอนเทนต์ครีเอเตอร์ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การสร้างความบันเทิงอีกต่อไป แต่กำลังจะกลายเป็น “ขุมพลัง” สำคัญในการยกระดับอุตสาหกรรมและดึงดูดเม็ดเงินมหาศาลเข้าประเทศ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรม MICE ที่เป็นมากกว่าแค่การท่องเที่ยว แต่คือจักรวาลแห่ง “อีเวนต์ธุรกิจ” มูลค่าแสนล้านบาท

MICE คืออะไร? ขุมทรัพย์แสนล้านที่ซ่อนอยู่ในการเดินทางเชิงธุรกิจ

หลายคนอาจยังสับสนระหว่าง MICE กับการท่องเที่ยวทั่วไป ดร.จารุวรรณ สุวรรณศาสน์ Chief Information Officer (CIO) จาก สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (TCEB) ได้ไขความกระจ่างว่า MICE คืออุตสาหกรรมอีเวนต์เชิงธุรกิจ (Business Event) ซึ่งย่อมาจาก

M – Meetings: การประชุมของกลุ่มคนที่มีความสนใจร่วมกัน
I – Incentives: การเดินทางเพื่อเป็นรางวัล ซึ่งมักเป็นกลุ่มใหญ่ เช่น บริษัทประกันชีวิต ที่นำพนักงานหลายพันหลายหมื่นคนเข้ามาในประเทศ
C – Conventions/Conferences: การประชุมวิชาการขนาดใหญ่ เช่น งาน Creative Talk ที่ผู้คนในสายอาชีพเดียวกันมารวมตัวเพื่อหาความรู้และสร้างเครือข่าย
E – Exhibitions/Events: งานแสดงสินค้าในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ไปจนถึงเทศกาลและอีเวนต์ระดับโลกอย่าง Tomorrowland ที่ประเทศไทยกำลังจะเป็นเจ้าภาพ

ความสำคัญของ MICE ต่อเศรษฐกิจไทยนั้นมีนัยสำคัญอย่างยิ่ง โดยในปี 2024 สามารถดึงนักเดินทางเชิงธุรกิจเข้าประเทศได้ถึง 24 ล้านคน และสร้างรายได้กว่า 170,000 ล้านบาท ซึ่งยังมีศักยภาพที่จะเติบโตกลับไปสู่จุดสูงสุดก่อนช่วงโควิดที่เคยทำไว้ถึง 200,000 ล้านบาท

“MICE เป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวประมาณ 8-9% เวลาคนมาประชุม เขาก็ต้องพักโรงแรม ต้องเดินทาง ต้องกินอยู่” ดร.จารุวรรณกล่าว พร้อมชี้ว่านอกเหนือจากมิติทางเศรษฐกิจแล้ว MICE ยังสร้างผลกระทบเชิงสังคม (Social Impact) ผ่านการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และสร้างคอมมูนิตี้ให้แข็งแกร่งขึ้น

จากคอนเทนต์ท่องเที่ยวสู่ MICE: มองให้ลึกกว่าที่ตาเห็น

เมื่อโจทย์คือการโปรโมต MICE การสร้างสรรค์คอนเทนต์จึงต้องเปลี่ยนไป วงชกร รัศมีธนาธร (พีม) เจ้าของช่อง “peemwong” ผู้ชนะรางวัล MICE Influencer สาขา Festival by TCEB อธิบายความแตกต่างว่า คอนเทนต์ท่องเที่ยวทั่วไปอาจเน้นรีวิวจากประสบการณ์ส่วนตัว แต่คอนเทนต์ MICE “ต้องมองให้ลึกขึ้น และมีหลายมิติขึ้น”

คุณพีมยกตัวอย่างการทำคอนเทนต์ “ประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษา” ที่จังหวัดอุบลราชธานี ว่าจากมุมมองนักท่องเที่ยว จะนำเสนอความสวยงาม ความยิ่งใหญ่อลังการของต้นเทียน ในขณะที่หากเป็นมุมมอง MICE Content จะเจาะลึกไปถึงเบื้องหลังการจัดงาน เล่าถึง Soft Power ที่สอดแทรกอยู่ทั้งศิลปะ วัฒนธรรม ดนตรี อาหาร การแต่งกาย ชี้ให้เห็นความร่วมมือจากทุกภาคส่วน และการต่อยอดทางเศรษฐกิจสู่ชุมชน เช่น การทำไอศกรีมรูปเทียน

“พอเรานำเสนอคอนเทนต์ที่ลึกขึ้น คนที่เป็นนักเดินทางสาย MICE จะเห็นว่าไทยมีความพร้อมในหลายมิติที่จะเป็นเจ้าบ้านในการจัดงาน เขาอาจจะเกิดไอเดียมาจัดประชุมที่อุบลฯ แล้วพาทีมงานไปเที่ยวเทศกาลต่อก็ได้” คุณพีม กล่าว

ทลายกำแพงภาษา: กุญแจสำคัญสู่การเป็นเจ้าภาพ Global Events

ในมุมมองของการดึงดูดอีเวนต์ระดับโลก ธนทร ศิริรักษ์ (ดาร์ท) จากช่อง “yesiamdart” หนึ่งในผู้ชนะรางวัล Best How-To Creative Content Influencer Award by Thailand Influencer Awards 2025 ชี้ประเด็นว่า “ประเด็นไหนไม่สำคัญเท่าว่า เราสื่อสารให้เขาเข้าใจได้ไหม”

คุณดาร์ทมองว่าประเทศไทยมีศักยภาพรอบด้าน แต่จุดที่ต้องให้ความสำคัญคือ การสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษ แม้คอนเทนต์ภาพสวยงามจะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ แต่สำหรับอุตสาหกรรม MICE ซึ่งต้องมีการติดต่อประสานงาน การเดินทาง และการบริการต่าง ๆ ความมั่นใจว่าสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ จะทำให้ประเทศไทยกลายเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ

“คนต่างชาติรู้จักประเทศไทย แต่สิ่งหนึ่งที่เขาอาจยังไม่รู้คือคนประเทศเราพูดภาษาอังกฤษได้ ถ้าเขามั่นใจว่าการมาจัดงานจะราบรื่นเพราะสื่อสารกันได้ มันจะทำให้เราเป็นช้อยส์ที่อยู่ท็อปขึ้น” คุณดาร์ท กล่าว

พิมพ์เขียวแห่งอนาคต: เมื่อ Gen Z คือผู้ตัดสินใจและ 3 เทรนด์ที่ต้องจับตา

TCEB มองว่าในอีก 3 ปีข้างหน้า กลุ่ม Gen Z และ Millennials จะกลายเป็นผู้มีอิทธิพลและเป็นผู้ตัดสินใจหลักในอุตสาหกรรม MICE นี่คือเหตุผลที่การทำงานร่วมกับครีเอเตอร์และอินฟลูเอนเซอร์คือกลยุทธ์ที่สำคัญ เพราะเป็นกลุ่มคนที่สามารถสื่อสารกับคนรุ่นใหม่ได้ตรงจุดที่สุด

โดยมี 3 เทรนด์หลักที่ต้องให้ความสำคัญ คือ

  1. Calm & Connected: ผู้เข้าร่วมงานโหยหาประสบการณ์ที่ลึกซึ้ง เข้าถึงจิตใจ (Heart and Soul) มากกว่าแค่ความฉาบฉวย เช่น การจัดเซสชั่นนั่งสมาธิในงานประชุม เพื่อให้เกิดการเชื่อมต่ออย่างแท้จริง
  2. Green Shift: ความยั่งยืนต้องไม่ใช่แค่ “Green Washing” แต่ต้องเป็นการเปลี่ยนวิธีคิด (Mindset Shift) ตั้งแต่ต้นน้ำ คำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของงานและวางแผนลดผลกระทบอย่างเป็นรูปธรรม
  3. Placemaking: “Content is King” อีเวนต์ต้องมี DNA ที่ชัดเจนและนำเสนอความจริงแท้ (Authenticity) เพื่อสร้างประสบการณ์ที่มีเอกลักษณ์และน่าจดจำ

“ประเทศไทยมีความเซ็กซี่มาก ประชุมเสร็จ ตอนกลางคืนไปปาร์ตี้ต่อได้ สร้าง Night Time Economy ที่ไหนก็ไม่สนุกเท่าบ้านเรา” ดร.จารุวรรณ กล่าวทิ้งท้าย

วันนี้อินฟลูเอนเซอร์และคอนเทนต์ครีเอเตอร์ไม่ได้เป็นเพียงผู้สร้างคอนเทนต์ แต่กำลังจะก้าวสู่การเป็นผู้ขับเคลื่อนอุตสาหกรรม (Industry Shifter) ที่จะร่วมกันผลักดันประเทศไทยให้กลายเป็นศูนย์กลางแห่งอีเวนต์ธุรกิจระดับโลกได้อย่างแท้จริง

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

4 ซีอีโอถอดบทเรียน ‘การปรับตัว’ สู้พายุเศรษฐกิจโลก ชู ‘ความร่วมมือ-นวัตกรรม’

‘โฮม่า’ ยักษ์ตู้เย็นจีน ลงทุน 3,000 ล้าน ตั้งฐานผลิต ‘เครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะ’ ในไทย

HAAB: ปั้น ‘ขนมไข่’ ร้อยล้านจาก Data ไม่ใช่ Passion

×

Share

ผู้เขียน