ในยุคที่การแข่งขันทางธุรกิจไม่ได้วัดกันแค่ตัวเลขผลกำไร แต่ยังรวมถึงความสามารถในการดึงดูดและรักษา “คนเก่ง” ไว้กับองค์กร “พฤกษา โฮลดิ้ง” องค์กรที่คร่ำหวอดในวงการอสังหาริมทรัพย์มากว่า 30 ปี กำลังเผชิญความท้าทายนี้เช่นกัน การปรับตัวครั้งใหญ่ของพฤกษาไม่ได้หยุดอยู่แค่การขยายอาณาจักรธุรกิจ แต่ยังเจาะลึกไปถึงแกนกลาง นั่นคือ “คน”
ปัทมา ปิยะมณีพร Deputy Group Chief Executive Officer บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ได้อธิบายแนวคิดนี้บนเวที Work Life Festival 2025 ในหัวข้อ “The Power of Work Life Well Leave” โดยชี้ประเด็นสำคัญว่า การที่พฤกษาจะส่งมอบคำมั่นสัญญาใหม่ให้กับลูกบ้านภายใต้แนวคิด “Lifetime well living” หรือ “พฤกษา อยู่ดี ทั้งชีวิต” ได้นั้น บริษัทต้องเริ่มต้นจากการสร้าง “ชีวิตอย่างดี” ให้กับพนักงานภายในองค์กรเสียก่อน
นี่จึงเป็นที่มาของการเปิดตัว “การสร้างแบรนด์บุคลากร” (People Branding) ครั้งแรกของพฤกษา ภายใต้แนวคิดหลัก “Work Life Well Leave” หรือ “ชีวิตอย่างดีที่พฤกษา” ซึ่งเป็นการปรับแนวคิดจาก “ความสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน” (Work Life Balance) ที่อาจเป็นจริงได้ยากในปัจจุบัน สู่การสร้างความเป็นอยู่ที่ดีควบคู่ไปกับการทำงาน
จาก ‘ผู้พัฒนาบ้าน’ สู่ ‘ผู้สร้างคุณภาพชีวิต’
คุณปัทมา อธิบายว่า ภาพจำของคนทั่วไปอาจยังมองพฤกษาในฐานะผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ แต่ปัจจุบัน พฤกษาได้ก้าวสู่การเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจครบวงจร โดยในส่วนของต้นน้ำ มีโรงงานผลิตแผ่นคอนกรีตสำเร็จรูป (พรีแคส) ที่มีกำลังการผลิตใหญ่ที่สุดในประเทศ ส่วนกลางน้ำ มีธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง Inno Home Construction ที่ไม่เพียงสร้างให้โครงการของตัวเอง แต่ยังขยายไปรับงานภายนอก ทั้งอาคารชุดพักอาศัย โรงงาน และบ้านลูกค้ารายย่อย และปลายน้ำ ได้ก้าวสู่ธุรกิจบริการ ที่สร้างรายได้ประจำ นั่นคือ ธุรกิจดูแลสุขภาพ (Healthcare) โดยปัจจุบันมีโรงพยาบาลในเครือ 2 แห่ง คือ โรงพยาบาลวิมุต พหลโยธิน และโรงพยาบาลวิมุต เทพธารินทร์
การเปลี่ยนแปลงสู่โครงสร้างที่ซับซ้อนนี้ ทำให้พฤกษาไม่นิยามตัวเองว่าเป็นแค่ “ผู้ผลิตบ้านเพื่อขาย” อีกต่อไป แต่คือผู้ “ส่งมอบความเป็นอยู่ที่ดีให้กับลูกบ้านทั้งชีวิต”
เฟ้นหา 4 ขุนพลขับเคลื่อนองค์กรยุคใหม่
เมื่อเป้าหมายใหญ่ขึ้น การจะไปถึงจุดนั้นได้ย่อมต้องการทีมงานที่มีศักยภาพแตกต่างไปจากเดิม คุณปัทมา ชี้ว่า พฤกษาได้กำหนดความสามารถหลัก (Competency) 4 ด้านที่พยายามผลักดัน คัดเลือก และปิดช่องว่างของพนักงานในปัจจุบัน
ด้านแรกคือ Game Changer (ผู้พลิกเกม) ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่มีความสำคัญในการวางกลยุทธ์ มองแผนระยะยาว และเชื่อมโยงแผนระยะสั้นให้มุ่งสู่เป้าหมายที่บริษัทวางไว้ ด้านที่สองคือ Go-Getter (ผู้พิชิต) หรือ “หัวหมู่ทะลวงฟัน” ที่มีความเป็นเจ้าของ (Ownership) ในโครงการสูง พร้อมพุ่งชนและฟันฝ่าอุปสรรคเพื่อให้งานสำเร็จ
ตามมาด้วย The Connector (ผู้สร้างพันธมิตร) ที่ถือเป็นคนสำคัญมากสำหรับองค์กรที่มีหลายหน่วยธุรกิจ ทำหน้าที่เชื่อมโยงและสร้างการทำงานร่วมกัน (Synergy) ระหว่างหน่วยธุรกิจที่หลากหลาย และสุดท้ายคือ The A-Teamer (ผู้ปลุกปั้น A-Team) ทำหน้าที่เล็งเห็นผู้มีศักยภาพ (Talent) สร้างทีมใหม่ๆ ขึ้นมา และพัฒนาผู้สืบทอด (Successor) เพื่อให้องค์กรมีทีมที่แข็งแกร่งพร้อมทำงานอย่างต่อเนื่อง
5 แกนหลักสร้าง “ชีวิตอย่างดี” ที่จับต้องได้
การจะค้นหาและรักษาคนเก่งที่มีความสามารถหลักทั้ง 4 ด้านนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย พฤกษาจึงตระหนักว่าองค์กรต้อง “ให้” ก่อน แนวคิด “ชีวิตอย่างดีที่พฤกษา” (Work Life Well Leave) จึงถูกถ่ายทอดออกมาเป็น 5 แกนหลักที่มอบให้พนักงาน
“เราไม่ได้ให้ความสำคัญแค่เรื่องการทำงาน แต่เราอยากจะเป็นส่วนหนึ่งของการเติมคุณค่าให้กับชีวิตของพนักงาน”
สิ่งที่พฤกษาทำเพื่อส่งมอบคุณค่าเหล่านั้น เริ่มตั้งแต่การพัฒนาศักยภาพอย่างดี โดยมีหลักสูตรการเรียนรู้ออนไลน์ (E-learning) ให้พนักงานเลือกเรียนเพื่อยกระดับทักษะได้ตามความสนใจมากกว่า 2,500 หลักสูตร มีแผนพัฒนารายบุคคล (Individual Development Plan) ประจำปี และมีโครงการฝึกสอนและเป็นพี่เลี้ยง (Coaching and Mentoring) ในหลายระดับ ตั้งแต่ระดับผู้บริหารไปจนถึงระดับผู้จัดการ ควบคู่ไปกับการสร้างโอกาสความก้าวหน้าอย่างดี ที่เปิดกว้างเรื่องการหมุนเวียนงาน (Job Rotation) ทั้งการย้ายข้ามธุรกิจ หรือข้ามแผนก เพื่อสร้างโอกาสการเติบโต
ในด้านการดูแลชีวิตรอบด้านอย่างดี ถือเป็นจุดเด่นสำคัญ โดยเฉพาะสวัสดิการด้านสุขภาพที่พนักงานได้รับส่วนลดค่ารักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลวิมุตในเครือถึง 50% นอกจากนี้ ยังมีโครงการดูแลสุขภาพจิต (Mental Health) ที่พนักงานสามารถนัดหมายออนไลน์เพื่อปรึกษานักจิตวิทยาได้ โดยข้อมูลทั้งหมดจะเป็นความลับ ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีสวัสดิการสุดพิเศษที่พฤกษาเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์เพียงเจ้าเดียวในประเทศ ที่มีการจับสลาก “แจกบ้านและคอนโด” ให้พนักงานเป็นของขวัญปีใหม่ ทั้งยังมีรางวัลตอบแทน เช่น การมอบของขวัญเมื่อทำงานครบ 10 ปี (เช่น ทอง) 20 ปี รวมถึงของขวัญในโอกาสแต่งงาน หรือเกษียณอายุ
นอกจากนี้ บริษัทยังให้ความสำคัญกับการเคารพความหลากหลายอย่างดี โดยออกแบบสวัสดิการต่าง ๆ ให้ครอบคลุมและทั่วถึงพนักงานทุกเพศ และสุดท้ายคือการผลักดันคุณค่าแบรนด์อย่างดี ซึ่งส่งเสริมให้พนักงานช่วยกันสร้างคุณค่าให้แบรนด์ หรือสร้างแบรนด์ส่วนบุคคล (Personal branding) เพื่อสื่อสารออกไปสู่ภายนอก
คุณปัทมาสรุปว่า นี่คือกลยุทธ์แบบ “Give and Take” (การให้และการรับ) ในขณะที่บริษัทผลักดันให้พนักงานพัฒนาศักยภาพเพื่อเป้าหมายที่ยั่งยืน บริษัทเองก็ต้องทุ่มเทพัฒนาและสร้าง “ชีวิตอย่างดี” กลับคืนให้พนักงานเช่นกัน เพราะในท้ายที่สุด การที่พนักงานมีความพร้อมและมีศักยภาพตลอดเวลา คือปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ทั้งตัวพนักงานและองค์กร โดดเด่นและแข่งขันได้ในตลาดที่ท้าทายในปัจจุบัน
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
จุฬาฯ-NIA เปิด ‘Chula-NIA Grant’ ให้ทุน 1 ล้าน ปั้นสตาร์ตอัพ เริ่มได้แม้มีแค่ ‘แนวคิด’
ITD ชู ‘Scale Up Culture’ พร้อมส่งเครื่องมือฟรีปั้น SME โตยั่งยืน
Bitkub x 12 สมาคมดิจิทัล เปิดตัว Digital Night 2025 มหกรรมอัปสกิลแห่งอนาคต
