Share on
×

Share

ม.หอการค้าไทย ชี้ ‘Digital Paradox’ ฉุดขีดการแข่งขันไทยร่วง 5 อันดับ

ม.หอการค้าไทย ชี้ ‘Digital Paradox’ ฉุดขีดการแข่งขันไทยร่วง 5 อันดับ

ศูนย์ศึกษาการพัฒนาขีดความสามารถเพื่อความยั่งยืน มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย (UTCC) เผยบทวิเคราะห์สถานการณ์เศรษฐกิจแพลตฟอร์มไทย ชี้สัญญาณอันตราย แม้เศรษฐกิจดิจิทัลไทยจะเติบโตแบบก้าวกระโดด แต่กลับซ่อนปัญหาร้ายแรงที่เรียกว่า “Thailand Digital Paradox” หรือปรากฏการณ์ที่การเติบโตเชิงปริมาณสวนทางกับคุณภาพ สะท้อนชัดผ่านอันดับความสามารถในการแข่งขันของไทยโดยสถาบัน IMD ที่ร่วงลงถึง 5 อันดับในปีเดียว

ม.หอการค้าไทยชี้ว่า ปรากฏการณ์นี้ตอกย้ำว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจดิจิทัลโตเร็วกว่าความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยไทยเติบโตจากการ “ใช้” เทคโนโลยี แต่ไม่ได้โตจาก “ความสามารถ” ในการใช้เทคโนโลยี และยังคงติดกับดักการเป็น “ผู้บริโภค” มากกว่า “ผู้ผลิต”

รายงานวิเคราะห์ฉบับนี้ ซึ่งอ้างอิงกรอบคิด “การทำลายเชิงสร้างสรรค์” (Creative Destruction) ที่ได้รับรางวัลโนเบลเศรษฐศาสตร์ปี 2025 ได้เสนอทางออกเร่งด่วน โดยเรียกร้องให้ผู้ประกอบการสร้าง 4 สมรรถนะ หรือ “PACE Framework”ควบคู่ไปกับการที่ภาครัฐต้องพลิกบทบาทจาก “ผู้กำกับดูแล” ไปสู่ “ผู้ออกแบบระบบนิเวศร่วม” ผ่านกรอบนโยบาย “LEAD Framework” เพื่อมุ่งสู่การเติบโตร่วมกันอย่างเป็นระบบ (Co-evolutionary Growth)

ถอดรหัส ‘Thailand Digital Paradox’ โตเร็ว แต่ไม่แข็งแรง

แม้ประเทศไทยจะมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตที่ซื้อขายผ่านแพลตฟอร์มสูงถึง 91% หรือราว 44 ล้านคน และมูลค่าเศรษฐกิจดิจิทัลสูงถึง 1.2 ล้านล้านบาท แต่ ดร.ศุภสัณห์ ปรีดาวิภาต คณบดี คณะการสร้างเจ้าของธุรกิจสร้างสรรค์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ชี้ว่าการเติบโตนี้ “ขาดคุณภาพ”

หัวใจสำคัญคือการเปลี่ยนจากการผลักดันคนเข้าสู่ระบบ ไปสู่การทำให้คนบนระบบมีความแข็งแรง โดยต้องอุด “ช่องว่างเชิงโครงสร้าง 3 ด้าน” (3 Gaps) ที่กำลังฉุดรั้งประเทศ:

  1. Data Gap (ช่องว่างด้านข้อมูล): ข้อมูลจากรัฐ เอกชน และแพลตฟอร์ม ยังกระจัดกระจาย ไม่เชื่อมโยง ทำให้เห็นเศรษฐกิจเป็นชิ้นส่วน
  2. Competence Gap (ช่องว่างด้านความสามารถ): มีผู้ใช้ดิจิทัลจำนวนมาก แต่มีคนที่ “เข้าใจ” เทคโนโลยีน้อยเกินไป ขาดทักษะขั้นสูงอย่าง AI และ Data Analytics
  3. Trust Gap (ช่องว่างด้านความไว้ใจ): ระบบความไว้ใจยังไม่ถูกกระจายตัว ขาดการตรวจสอบร่วม และการคุ้มครองความโปร่งใส

ยุค ‘Creative Destruction’ และเครื่องยนต์คู่สู่ความยั่งยืน

ดร.ธีรข์กรณ์ อุดมรัตนะมณี รองคณบดีฝ่ายบริหารฯ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
ดร.ธีรข์กรณ์ อุดมรัตนะมณี รองคณบดีฝ่ายบริหารฯ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

ดร.ธีรข์กรณ์ อุดมรัตนะมณี รองคณบดีฝ่ายบริหารฯ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้เชื่อมโยงสถานการณ์นี้เข้ากับทฤษฎี “การทำลายเชิงสร้างสรรค์” (Creative Destruction) โดยระบุว่าโลกกำลังอยู่ในยุคของคลื่นปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่จะมาทำลายโครงสร้างการลงทุนและทักษะเดิม ๆ

กรอบคิดรางวัลโนเบลล่าสุดชี้ว่า การเติบโตที่ยั่งยืนต้องมาจาก “เครื่องยนต์คู่” (Engaging engines) คือ การสร้างสิ่งใหม่ที่สั่งสมจากความรู้ และ การทำลายรากฐานสิ่งเดิม

ในบริบทนี้ การที่แพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น อีคอมเมิร์ซ หรือบริการเรียกรถ ปรับเพิ่มค่าธรรมเนียม (GP) จึงไม่ใช่การเอาเปรียบ แต่เป็นกระบวนการเปลี่ยนผ่านตามธรรมชาติ แพลตฟอร์มเหล่านี้ได้ผ่าน “ระยะสร้างตลาด” ที่เน้นการลงทุนมหาศาลเพื่อดึงดูดผู้ใช้ และกำลังเข้าสู่ “ระยะสร้างมูลค่า” ที่ต้องทำกำไรเพื่อความยั่งยืนทางธุรกิจ

ดังนั้น อนาคตของประเทศจึงไม่ได้ขึ้นอยู่กับความเร็วในการพัฒนานวัตกรรม แต่อยู่ที่สังคมนั้นสามารถ “เรียนรู้ในการจัดการและปรับตัว” เข้าหาสิ่งใหม่ได้มากน้อยเพียงใด

ทางออก: 4 สมรรถนะ ‘PACE’ สำหรับผู้ประกอบการ

ดร.ศุภสัณห์ ได้เสนอ “P4 Framework” หรือ 4 สมรรถนะ (PACE) ที่ผู้ประกอบการไทยต้องสร้างเพื่อแข่งขันและเติบโตอย่างยั่งยืน

  • P – Platform Literacy & Digital Operations: ความเข้าใจเชิงลึกในระบบแพลตฟอร์ม การใช้เครื่องมือดิจิทัล และการใช้ข้อมูลตัดสินใจเชิงกลยุทธ์
  • A – Added-Value Innovation & Service Excellence: การสร้างความแตกต่างผ่านนวัตกรรมและบริการที่เป็นเลิศ เพื่อครอง “ส่วนแบ่งความสนใจ” ไม่ใช่แค่ส่วนแบ่งตลาด
  • C – Collaborative Brand Trust with Smart Data Use: การสร้างแบรนด์และฐานข้อมูลลูกค้าของตนเอง สร้างสมดุลระหว่างการพึ่งพาแพลตฟอร์มกับการรักษาฐานลูกค้าของตนเองอย่างชาญฉลาด
  • E – Expansion Readiness & Regional Integration: ความพร้อมในการขยายตลาดข้ามพรมแดนภายใต้ข้อตกลงเศรษฐกิจดิจิทัลอาเซียน (DEFA) โดยต้องสร้าง “คู่มือเข้าสู่ตลาดรายประเทศ” (Country Playbook) เพื่อปรับกลยุทธ์ให้เข้ากับแต่ละพื้นที่

พลิกบทบาทรัฐ: 4 นโยบาย ‘LEAD’ สู่การออกแบบระบบนิเวศร่วม

ในขณะที่เอกชนต้องปรับตัว ภาครัฐก็มีบทบาทสำคัญในการสร้าง “โครงสร้างเศรษฐกิจรูปแบบใหม่” โดย UTCC เรียกร้องให้ปรับบทบาทจาก “ผู้กำกับดูแล” (Regulator) ไปสู่ “ผู้ออกแบบระบบนิเวศร่วม” (Co-creator) ผ่านกรอบนโยบาย “LEAD Framework”

  • L – Linkage Creation (การเชื่อมโยงเพื่อความร่วมมือ): ลงทุนเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างรัฐ ธุรกิจ และแพลตฟอร์ม และสร้างความเป็นธรรม เช่น กำหนดให้แพลตฟอร์มแจ้งผู้ขายล่วงหน้าเมื่อเปลี่ยนนโยบาย
  • E – Empowerment through Competence (การเสริมพลังให้ผู้ประกอบการ): พัฒนาทักษะดิจิทัล บูรณาการการอบรม และใช้แรงจูงใจทางภาษีอย่างเป็นระบบ เพื่อช่วยให้แบรนด์ไทยแข่งขันได้ เช่น การสร้างมาตรฐาน Thailand Trusted Source
  • A – Adaptive Governance (การกำกับดูแลที่ยืดหยุ่น): สร้างกติกาที่ยืดหยุ่น ยกระดับจากการ “เปิดทางให้ขายได้” เป็น “ช่วยให้ผู้ประกอบการยืนได้ในฐานะแบรนด์ของภูมิภาค”
  • D – Distributed Trust (ความไว้วางใจแบบกระจาย): สร้างความเชื่อมั่นด้วยกลไกที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ เช่น ร่วมมือกับแพลตฟอร์มตรวจจับสินค้าปลอมแบบเรียลไทม์

‘จิ๊กซอว์ที่หายไป’ และการเติบโตร่วมกัน (Co-evolutionary Growth)

ดร.กิตติพงษ์ สาครเสถียร ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการพัฒนาขีดความสามารถเพื่อความยั่งยืน มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า การพัฒนาที่ผ่านมามักเป็นการสื่อสารระหว่างรัฐกับผู้ประกอบการ แต่ “จิ๊กซอว์ที่หายไป” คือบทบาทของ “แพลตฟอร์ม”

อนาคตจึงต้องอาศัยความร่วมมือแบบ “ไตรภาคี” (ภาครัฐ-แพลตฟอร์ม-ผู้ประกอบการ) เช่น ภาครัฐควรเปิดข้อมูลให้แพลตฟอร์มดึงข้อมูลการตรวจสอบ (Verify) ผู้ประกอบการที่ผ่านเกณฑ์ ไปแสดงผลบนแพลตฟอร์ม (Authorized) เพื่อเปิดโอกาสการส่งออกมหาศาล

บทสรุปของม.หอการค้าไทย คือ เศรษฐกิจไทยจะก้าวข้ามกับดักนี้ได้ ต้องอาศัย “การเติบโตร่วมกันอย่างเป็นระบบ” (Co-evolutionary Growth) โดยทุกฝ่ายต้องรู้บทบาทของตน เอกชนพัฒนาคน แพลตฟอร์มเปิดเครื่องมือและสนับสนุน และรัฐสร้างกรอบนโยบายที่ชัดเจนแต่ยืดหยุ่น

หากทำได้ ประเทศไทยจะเปลี่ยนจาก “รัฐผู้อุดหนุน” ไปสู่ “รัฐผู้สร้างสนามการเรียนรู้” และการเป็นที่หนึ่งในอาเซียนจะไม่ใช่สิ่งที่เกินจริงอีกต่อไป

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

บางกอกแอร์เวย์ส กำไร Q3/68 พุ่ง 55.5% แตะ 1,046 ล้านบาท อานิสงส์คุมต้นทุน

Active Earner : ทางรอดคนทำงาน ยุค ‘ยิ่งขยัน ยิ่งไม่มั่นคง’

PDPA – พ.ร.บ.คอมฯ : กฎหมายหรืออาวุธฟ้องปิดปากสื่อ?

×

Share

ผู้เขียน