Share on
×

Share

อย่าให้ ‘ทุนเทา’ ซึมเข้าระบบเศรษฐกิจ

อย่าให้ 'ทุนเทา' ซึมเข้าระบบเศรษฐกิจ

หลังนายกฯ อนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.มหาดไทย ประกาศสงครามกับสแกมเมอร์ หรือแก๊งหลอกลวงออนไลน์ ไล่หลังการประกาศให้ปัญหาสแกมเมอร์เป็นวาระแห่งชาติไปก่อนหน้านี้

สัปดาห์ที่ผ่านมามีข่าวต่อเนื่องว่า ตำรวจบุกทลายก๊วนจีนเทาที่มาเช่าบ้านทั้งในกรุงเทพฯ เชียงใหม่ เชียงราย ฯลฯ ตั้งสำนักงาน หลอกลวงต้มตุ๋นทั้งจีนด้วยกันเองและคนไทยตาดำ ๆ

ข้อมูลข้างต้นยืนยัน อย่างน้อยก็ระดับหนึ่งว่าจีนเทาเริ่มย้ายฐานการหลอกลวงเข้าไทย หลังรัฐบาลเมียนมาร์เปิดฉากถล่มฐานสแกมเมอร์ เคเคพาร์ค จังหวัดเมียวดี เขตกะเหรี่ยง ตรงข้ามแม่สอด จังหวัดตากของไทย

นอกจากนี้ ยังมีรายการเช็คบิลปลาตัวใหญ่ ลียง พัด วุฒิสมาชิกผู้ทรงเกียรติของเขมร และใกล้ชิด ฮุนเซน ที่เคยถือสัญชาติไทยในนาม พัด สุภาภา ตั้งแต่ปี 2534 ก่อนถูกเพิกถอนไปเมื่อไม่กี่วันนี้ โดยตำรวจได้เปิดปฏิบัติการบุกค้นทรัพย์สินของ ลี ทั้งในกรุงเทพฯ และที่จังหวัดตราด รวม 36 จุด เมื่อวันก่อน พร้อมยึดอายัดทรัพย์สินที่มีทั้ง เงินสด อสังหาริมทรัพย์ กรมธรรม์ประกันชีวิต และอื่น ๆ รวมมูลค่าไม่น้อยกว่า 400 ล้านบาท

งานนี้ พล... สุรพล เปรมบุตร ผบช. สอน.ยืนยันว่า มีหลักฐานว่า ลี มีสัมพันธ์เกี่ยวโยงกับก๊กอาน เขมรเทา ซี้ ฮุนเซน เจ้าของสมญา ก๊อดฟาเธอร์ปอยเปต ที่เจอหมายจับพร้อมถอนสัญชาติไปแล้วก่อนหน้านี้ พร้อมกันนั้นตำรวจไทยยังได้ประสานตำรวจสากล ออกหมายแดงจับ ลี ที่ตอนนี้ไปเจื้อยแจ้วอยู่แถวพนมเปญ

อีกรายแสจิ้นเจีย ถือเป็นจีนเทาระดับตั้วเฮีย แส คือหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง เมืองชเวโก๊กโก่ ในจังหวัดเมียวดี อยู่ไม่ไกล เคเคพาร์ค จนกลายเป็นหนึ่งในศูนย์อาชญากรรมไซเบอร์ใหญ่สุดแห่งหนึ่งของโลก แส เป็นที่ต้องการของจีนมาก เพราะต้มตุ๋นเพื่อนร่วมชาติรวมทั้งประเทศอื่นๆ จนเหลือคณานับ จีนระบุว่า แส อยู่เบื้องหลังพนันออนไลน์ 239 แห่งมีเงินหมุนเวียนมากกว่า 12 ล้านล้านบาท

ปี 2565 แส ถูกตำรวจไทยรวบตัวได้โดยละม่อม ตามคำขอจากตำรวจจีน ในโรงแรมหรูระหว่างรับประทานกับคนดังในไทยหลายคน ระหว่างติดคุก แส พยายามสู้คดีไม่ให้ถูกส่งตัวกลับไปดำเนินคดีที่บ้านเกิด เพราะรู้ดีว่าชะตากรรมของจีนเทาเช่นเขาจะจบลงอย่างไร

10 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องตามศาลขั้นต้น ว่าคดีของ แส ไม่ใช่ คดีที่มีความผิดลักษณะทางการเมืองหรือเป็นความผิดทางทหารที่แสยกเป็นข้ออ้างไม่ให้ส่งเป็นผู้ร้ายข้ามแดน ศาลเห็นชอบมีคำสั่งให้ส่ง แส ในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน เวลาราว 16.00 น.

ของวันที่ 12 พฤศจิกายน ตำรวจไทยส่งมอบ แส ให้ตำรวจจีน ปานนี้ แส คงเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมจีนและเริ่มใช้กรรมแล้ว

การที่ตำรวจจริงจังปราบปรามบรรดาแก๊งอาชญากรรมไซเบอร์ รวมทั้งหน่วยงานทางเศรษฐกิจ ทั้งแบงก์ชาติ สำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) ที่ยกระดับต่อกรกับแก๊งสแกมเมอร์ ถือเป็นเรื่องดี เพราะปีหนึ่งๆ คนไทยตกเป็นเหยื่อโจรออนไลน์ไม่น้อย เฉพาะปีนี้ตัวเลขตามที่ตำรวจไซเบอร์เคยแถลงว่าสูงถึง 60,000 ล้านบาท และเหยื่อมากกว่า 50% คือผู้สูงอายุ เป็นหญิงมากกว่าชาย และ 80% เป็นการหลอกลวงออนไลน์

แต่ถ้ามองอีกด้านหนึ่ง การที่เมืองไทยกลายเป็นแหล่งทำมาหากิน หรือหลบภัยของแก๊งสแกมเมอร์ตั้งแต่ระดับเจ้าพ่อ ที่สามารถเข้าถึงแวดวงธุรกิจ และนักการเมือง ไล่ตามระดับชั้นลงไปถึงระดับท้ายแถว สะท้อนชัดว่า เศรษฐกิจบ้านเรามีความเสี่ยงที่ถูกเงินทุนสีเทาซึมเข้ามาในระบบ

หากรวมกับปัญหายาเสพติด ยาบ้าที่มีข่าวจับได้ ทั้งที่ชายแดนหรือลอบขนเข้ามาสต๊อกในเมืองรอกระจายสินค้าเข้าตลาด เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่า ตอนนี้มีทุนสีเทาจากอาชญากรรมทางเศรษฐกิจรูปแบบต่าง ๆ หมุนเวียนอยู่ในระบบเศรษฐกิจบ้านเราไม่น้อย แต่ยังไม่เคยมีการสำรวจอย่างจริงจังว่า มีสัดส่วนอยู่ที่เท่าไหร่

แอมนาสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เคยศึกษาพบ กัมพูชา มีศูนย์สแกมเมอร์มากถึง 54 แห่ง มากพอขึ้นชั้นศูนย์กลางสแกมเมอร์โลกได้เลย และกัมพูชายังชื่อเสียงว่าเป็นประเทศที่มีคาสิโนมากสุดในอาเซียน อีกด้วย โดยเฉพาะบ่อนตามชายแดน

ก่อนหน้านี้ สื่อรายงานอ้างงานวิจัยของ สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ ณ ปี 2525 ว่า อุตสาหกรรมหลอกลวงออนไลน์ มีสัดส่วนสูงถึง 60% ของจีดีพี กัมพูชา

เป็นที่รับรู้กันว่าการที่ อุตสาหกรรมหลอกลวงออนไลน์เติบโตในประเทศข้างๆ เรา เพราะเชื่อมโยงกับผู้มีอำนาจทางการเมือง ซึ่งได้ผลประโยชน์จากเศรษฐกิจสีเทา ซึ่งส่งผลให้คนเพียงหยิบมือเล็กๆ มั่งคั่ง แต่ผู้คนส่วนใหญ่ยากจน

เชียร์รัฐบาลอนุทิน ให้เร่งเผด็จศึกโจรไซเบอร์ ก่อนที่ทุนสีเทาจะมีอำนาจเหนือระบบเศรษฐกิจ เหนือการเมือง ถ้าปล่อยเลยให้ไปถึงจุดนั้น จินตนาการได้ไม่ยากว่า ประเทศไทย จะตกอยู่ในสภาพเช่นไร

บทความอื่น ๆ ของผู้เขียน

สางปัญหาอาชญากรรมสแกมเมอร์ อย่ามองข้ามหนอนบ่อนไส้

เศรษฐกิจและปากท้องชาวบ้าน กับรัฐบาล 4 เดือน

ธุรกิจหันมาจ้างงานชั่วคราว ‘ฝันร้าย’ มนุษย์เงินเดือน

×

Share