MR. D.I.Y. ประเทศไทย กำลังสร้างความคึกคักและเป็นที่จับตามองในตลาดทุน ด้วยการเสนอขายหุ้น IPO ที่มีมูลค่าระดมทุนสูงสุดในรอบ 3 ปี ถึง 5,600 ล้านบาท สะท้อนความเชื่อมั่นและศักยภาพการเติบโตที่ไม่ธรรมดา ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ท้าทาย การเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงการระดมทุน แต่คือการประกาศวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนในการปักธงผู้นำตลาดค้าปลีกอุปกรณ์ตกแต่งบ้านและสินค้าไลฟ์สไตล์อย่างถาวร พร้อมกางแผนขยายสาขาสู่ 1,500 แห่งภายในปี 2027 ตอกย้ำว่านี่เป็นเพียง “จุดเริ่มต้น” ของเรื่องราวการเติบโตที่น่าจับตา
แก่นความสำเร็จ: ถอดรหัสโมเดลธุรกิจที่เติบโตสวนกระแส
อะไรคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้ MR. D.I.Y. เติบโตอย่างก้าวกระโดดจากสาขาแรกในปี 2559 สู่กว่า 1,000 สาขาใน 77 จังหวัดทั่วประเทศในเวลาไม่ถึง 10 ปี? คำตอบไม่ได้อยู่ที่กลยุทธ์ใดกลยุทธ์หนึ่ง แต่เป็นการผสมผสานอย่างลงตัวของปรัชญาและโมเดลธุรกิจที่แข็งแกร่ง
แอนดี้ชินกวานกุ้ยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า 50% ของสาขาทั้งหมดถูกเปิดขึ้นในช่วงการระบาดของโควิด-19 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่หลายธุรกิจชะงักงัน แต่สำหรับ MR. D.I.Y. มันคือโอกาส
“เราพบอินไซต์ที่น่าสนใจจากการทำ Consumer Research ว่าในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัว กลุ่มลูกค้าที่มีรายได้สูง (Higher Income) หันมาซื้อสินค้าของเรามากขึ้นถึง 3% สิ่งนี้แสดงให้เห็นพฤติกรรมการ Trading Down ของผู้บริโภคที่มองหาสินค้าคุณภาพในราคาที่คุ้มค่ามากขึ้น ซึ่งโมเดลธุรกิจของเราตอบโจทย์คนทุกกลุ่ม”
–MR. D.I.Y. ยื่นไฟลิ่ง ก.ล.ต. เตรียม IPO เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ
นี่คือหัวใจที่ขับเคลื่อนการเติบโตสวนกระแส โดยมีเสาหลัก 3 ประการค้ำจุนอยู่ คือ
ราคาที่ถูกคุ้มเสมอ (Always Low Prices) ปรัชญานี้คือแม่เหล็กดึงดูดลูกค้าที่ทรงพลังที่สุด MR. D.I.Y. สามารถจำหน่ายสินค้าได้ในราคาที่ ถูกกว่าคู่แข่งโดยเฉลี่ยถึง 27% แต่ยังคงรักษาอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ได้สูงถึง 51% ตามข้อมูลจาก อรอุมาไชยรัตนตรัย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชีและการเงิน ความสำเร็จนี้มาจากพลังของ “Economy of Scale” จากการจัดซื้อสินค้าร่วมกับเครือข่ายกว่า 5,000 สาขาทั่วโลก ทำให้มีอำนาจต่อรองสูงและได้ต้นทุนที่ต่ำกว่าใคร
ความหลากหลายครบจบในที่เดียว ด้วยสินค้ากว่า 16,000 รายการ ครอบคลุมทุกความต้องการในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่เครื่องมือช่าง อุปกรณ์ในครัวเรือน, เครื่องเขียน, ของเล่น ไปจนถึงอุปกรณ์เสริมความงาม ทำให้ MR. D.I.Y. ไม่ใช่แค่ร้านค้า แต่เป็นจุดหมายปลายทางสำหรับทุกคนในครอบครัว ดังที่ เอเดรียนออง ประธานกรรมการ บริษัท มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เล่าภาพอย่างเห็นได้ชัดว่า “ในวันหยุดสุดสัปดาห์ ผมให้เงินลูกสาวคนละ 100 บาท พวกเขาสามารถซื้อของได้ 3-4 ชิ้นอย่างมีความสุข ภรรยาผมได้ของใช้ในบ้าน ส่วนผมก็ได้ไขควงชุดใหม่ นี่คือสถานที่สำหรับทุกคนจริง ๆ”
ความสะดวกสบายและเข้าถึงง่าย กลยุทธ์การขยายสาขาที่มุ่งเน้น Standalone Store ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนกว่า 70% ทำให้บริษัทสามารถเจาะลึกเข้าไปในพื้นที่ชุมชนและพื้นที่ห่างไกล (Rural and Underserved Area) ที่ความต้องการสินค้าโมเดิร์นเทรดกำลังเติบโตได้อย่างรวดเร็วและคล่องตัว
คุณแอนดี้ กล่าวว่า “การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ด้วยชื่อย่อ ‘MRDIYT’ จึงเป็นก้าวที่สำคัญอย่างยิ่ง ไม่ใช่แค่เพื่อการเติบโต แต่ยังเป็นการยกระดับธรรมาภิบาล และเสริมสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักและเชื่อมั่นในวงกว้างยิ่งขึ้น”ลจิสติกส์ได้ดีเยี่ยมผ่านการบริหารจัดการคลังสินค้าและระบบขนส่งด้วยตนเอง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้สามารถส่งต่อราคาสินค้าที่ถูกกว่าให้กับผู้บริโภคได้
–MR. D.I.Y. เดินหน้า ESG เปิดตัวรถบรรทุกขนส่งสินค้าระบบไฟฟ้า
ก้าวต่อไป: จาก 1,000 สู่ 1,500 สาขาและการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานแห่งอนาคต
แม้จะเป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่งเกือบ 9% แต่ผู้บริหารยังมองว่าตลาดยังมีช่องว่างให้เติบโตอีกมหาศาล (Underpenetrated) การระดมทุนผ่าน IPO ครั้งนี้จึงมีเป้าหมายที่ชัดเจนเพื่อเร่งสปีดการเติบโตในอนาคต
คุณแอนดี้ กล่าวว่า โอกาสการเติบโตในตลาดค้าปลีกอุปกรณ์ตกแต่งบ้านของไทยโดยรวมคาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย 5.4% ต่อปี แต่ที่น่าสนใจคือกลุ่มผู้ค้าปลีกสมัยใหม่ (Chain Retailer) แบบ MR. D.I.Y. กำลังเติบโตเร็วกว่าตลาดถึง 3 เท่า ที่อัตราเฉลี่ย 15.3% ต่อปี
“ปัจจุบันเราเป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่ง 9% ซึ่งแม้จะเป็นอันดับหนึ่ง แต่ก็แสดงให้เห็นว่าเรายังอยู่ในช่วงเริ่มต้นและมีโอกาสเติบโตได้อีกมหาศาล”
ความเชื่อมั่นนี้สะท้อนจากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง โดยในปี 2567 บริษัทมีรายได้รวม 16.2 พันล้านบาท เติบโตเฉลี่ย 28% ต่อปี และมีกำไรสุทธิ 1.7 พันล้านบาท ซึ่งเติบโตเฉลี่ยถึง 30% ต่อปีในช่วงเวลาเดียวกัน
“ดังนั้น การระดมทุนครั้งนี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการเสริมศักยภาพเพื่อขยายสาขาและพัฒนาระบบคลังสินค้า เพื่อสนับสนุนแผนการขยายเครือข่ายให้ครบ 1,500 แห่งทั่วประเทศภายในปี 2570 บริษัทวางแผนขยายสาขาอย่างน้อย ปีละ 200 แห่ง โดยเน้นโมเดล Standalone ที่มีความยืดหยุ่นและค่าเช่าที่ควบคุมได้” คุณแอนดี้ กล่าว
หนึ่งในแผนการลงทุนที่สำคัญที่สุดคือ โครงการมูลค่า 4.5 พันล้านบาท สำหรับการสร้างคลังสินค้าอัตโนมัติแห่งใหม่ บนที่ดินขนาด 159 ไร่ ซึ่งเมื่อดำเนินการเต็มรูปแบบในปี 2031 จะสามารถรองรับการขยายสาขาได้ถึง 3,000 แห่งทั่วประเทศ เป็นการวางรากฐานเพื่อการเติบโตในระยะยาว
ดังนั้น จึงไม่เพียงแต่จะยกระดับประสิทธิภาพด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชนทั้งหมด แต่ยังเป็นการวางรากฐานเพื่อรองรับการขยายสาขาในระยะยาวที่มากกว่า 1,500 แห่งหลังปี 2570 และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านต้นทุน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของโมเดลธุรกิจ ‘ถูกคุ้มเสมอ’ ของบริษัท
สร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุน: IPO ครั้งประวัติศาสตร์และธรรมาภิบาลที่เข้มแข็ง
การเสนอขายหุ้น IPO ของ MR. D.I.Y. ในช่วงราคา 8.30 – 8.60 บาทต่อหุ้น คาดว่าจะทำให้บริษัทมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap) สูงถึง 50,000 ล้านบาท โดยมีทีมที่ปรึกษาทางการเงินจาก บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) และ ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน)
กนต์ธีร์ประเสริฐวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน ให้รายละเอียดว่า บริษัทจะเสนอขายหุ้น IPO ทั้งสิ้นไม่เกิน 655 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 10.9% ของหุ้นทั้งหมดหลังการระดมทุน โดยแบ่งเป็นหุ้นเพิ่มทุนใหม่ 420 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเดิม 235 ล้านหุ้น สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนจะถูกนำไปใช้ต่อยอดการเติบโต ทั้งการขยายสาขา, พัฒนาระบบคลังสินค้าอัตโนมัติ, ชำระคืนเงินกู้ยืม และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อสร้างความแข็งแกร่งในระยะยาว
เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนพิเชษฐสิทธิอำนวยกรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายฯ ได้ย้ำถึงประเด็นสำคัญว่า หุ้นของบริษัท กว่า 84% จะถูกติด Lock-up ซึ่งเป็นสัดส่วนที่สูงมาก เพื่อยืนยันถึงความมุ่งมั่นของผู้ถือหุ้นเดิมที่จะเติบโตไปพร้อมกับบริษัท
เอเดรียน ออง กล่าวปิดท้ายถึงความตั้งใจในการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในไทยว่า “เราดำเนินธุรกิจในประเทศไทย รายได้ทั้งหมดมาจากที่นี่ เราจึงต้องการเติบโตไปพร้อมกับคนไทย การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มการรับรู้ของแบรนด์ แต่ยังเป็นการเปิดโอกาสให้พนักงานและนักลงทุนชาวไทยได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางครั้งนี้ เรามีความมุ่งมั่นที่จะเป็นหนึ่งในบริษัทจดทะเบียนชั้นนำของตลาดฯ โดยยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาลสูงสุด”
การเดินทางของ MR. D.I.Y. ประเทศไทย พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าโมเดลธุรกิจที่เข้าใจความต้องการของผู้บริโภคอย่างแท้จริง สามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งแม้ในสภาวะที่ไม่เอื้ออำนวย และการเข้าสู่ตลาดทุนในครั้งนี้ คือการติดปีกเพื่อทะยานสู่การเติบโตบทใหม่ที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
อิมแพ็ค ประกาศวิสัยทัศน์ใหม่ มุ่งสู่ศูนย์กลางระดับโลกด้านธุรกิจ การประชุม และความบันเทิง
ไมโครชิพ ขยายการลงทุนในไทย ดันไทยสู่ศูนย์กลางทดสอบชิปที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค




