Share on
×

Share

กรมสรรพากร จับมือ บีโอไอ หนุน SME ลงทุน AI ด้วยสิทธิประโยชน์ภาษี

กรมสรรพากร จับมือ บีโอไอ หนุน SME ลงทุน AI ด้วยสิทธิประโยชน์ภาษี

รัฐบาลไทยส่งสัญญาณชัดเจนในการผลักดันวาระแห่งชาติ “AI Transformation” ประกาศมาตรการสนับสนุนทางการเงินชุดใหญ่ผ่านสองหน่วยงานหลักอย่างกรมสรรพากรและสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เสนอสิทธิประโยชน์ทางภาษีครั้งสำคัญ ทั้งการหักรายจ่ายได้ 2 เท่า และการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสูงสุด 8 ปี มุ่งเป้ากระตุ้นให้ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะกลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) นำเทคโนโลยีดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาปรับใช้เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ

ภายในงานเสวนา “AI Transformation Thailand” ธนชาต ลาภพานิช นักวิชาการส่งเสริมการลงทุน ระดับชำนาญการพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) และ นเรศ บูรณากาญจน์ นักวิชาการภาษีชำนาญการพิเศษ กรมสรรพากร ได้ร่วมกันเปิดเผยรายละเอียดของมาตรการที่เปรียบเสมือน “แพ็กเกจติดสปีด” ซึ่งเป็นผลจากการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) เพื่อให้ภาคธุรกิจไทยสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีได้อย่างเต็มศักยภาพในยุคดิจิทัล

สรรพากรชูไม้เด็ด: หักรายจ่าย 2 เท่าปลุกพลัง SME

นเรศบูรณากาญจน์นักวิชาการภาษีชำนาญการพิเศษ กรมสรรพากร กล่าวว่า มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการปรับเปลี่ยนธุรกิจสู่เศรษฐกิจดิจิทัล เปรียบเสมือนเครื่องมือสำคัญในการปลุกพลังให้กับผู้ประกอบการ SME ไทย และไม่ใช่เพียงมาตรการระยะสั้น แต่เป็นผลลัพธ์ของการพัฒนาและปรับปรุงอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2560 โดยทำงานร่วมกับ depa อย่างใกล้ชิด เพื่อให้ตอบโจทย์ภาคธุรกิจอย่างแท้จริง

หัวใจของมาตรการนี้คือ การให้สิทธิผู้ประกอบการ SME หักรายจ่ายได้ 2 เท่า (200%) ในวงเงินสูงสุดไม่เกิน 300,000 บาทต่อรอบระยะเวลาบัญชี สำหรับการลงทุนในเทคโนโลยีและบริการดิจิทัล “คำว่าหักรายจ่ายได้ 2 เท่า คือรายจ่ายปกติที่ท่านหักได้อยู่แล้ว 1 เท่า สรรพากรจะช่วยท่านอีก 1 เท่า รวมเป็น 2 เท่า

สิทธิประโยชน์ดังกล่าวครอบคลุมการลงทุนในโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ฮาร์ดแวร์และอุปกรณ์อัจฉริยะ รวมถึงค่าใช้บริการด้านดิจิทัลต่าง ๆ (Software as a Service) อย่างไรก็ตาม มาตรการนี้ได้ระบุข้อยกเว้นไว้อย่างชัดเจนว่าจะไม่รวมถึงเครื่องคอมพิวเตอร์สำนักงานทั่วไป เนื่องจากกรมสรรพากรมองว่าเป็นอุปกรณ์พื้นฐานที่ทุกองค์กรมีอยู่แล้ว สำหรับวงเงินสนับสนุนนั้นกำหนดไว้สูงสุดไม่เกิน 300,000 บาทต่อรอบระยะเวลาบัญชี โดยมุ่งเป้าช่วยเหลือผู้ประกอบการรายเล็กอย่างแท้จริง ผ่านการกำหนดคุณสมบัติที่ชัดเจน คือต้องเป็นนิติบุคคลที่มีทุนจดทะเบียนชำระแล้วไม่เกิน 5 ล้านบาท และมีรายได้จากการขายสินค้าและบริการในรอบบัญชีล่าสุดไม่เกิน 30 ล้านบาท

เงื่อนไขที่สำคัญที่สุดซึ่งผู้ประกอบการต้องให้ความใส่ใจคือ สินค้าและบริการที่นำมาใช้สิทธิ์นั้นต้องอยู่ใน “บัญชีบริการดิจิทัล” ที่รับรองโดย depa เท่านั้น ซึ่งทำหน้าที่เป็นกลไกรับรองมาตรฐานและส่งเสริมผู้ให้บริการดิจิทัลในประเทศไปพร้อมกัน โดยผู้ประกอบการสามารถใช้สิทธิ์สำหรับรายจ่ายที่เกิดขึ้นภายในกรอบเวลาที่กำหนดคือตั้งแต่วันที่ 24 มิถุนายน 2568 ถึง 31 ธันวาคม 2570 ซึ่งเป็นระยะเวลาที่กำหนดขึ้นจากประสบการณ์ในอดีต เพื่อกระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจลงทุนโดยไม่รอจนถึงช่วงท้ายของโครงการ

นเรศกล่าวทิ้งท้ายถึงเป้าหมายที่แท้จริงของมาตรการนี้ว่า “สิ่งที่เราอยากจะเห็นคือมาตรการตอบสนองความต้องการของลูกค้าจริงๆ เราไม่ได้อยากให้ผู้ประกอบการมาใช้สิทธิ์เพื่อหวังแค่ประโยชน์ทางภาษี แต่ต้องการให้ผู้ประกอบการได้ประโยชน์จากเทคโนโลยีจริง ๆ เพื่อนำไปสู่การลดต้นทุนและสร้างความแข็งแกร่งให้ธุรกิจได้อย่างยั่งยืน”

บีโอไอเสริมทัพ: ยกเว้นภาษีสูงสุด 8 ปีหนุนทั้ง “ผู้สร้าง” และ “ผู้ใช้”

ธนชาตกล่าวว่า ยุทธศาสตร์การส่งเสริมการลงทุนในยุคดิจิทัลเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหลักที่บีโอไอให้ความสำคัญ โดยวางกลยุทธ์แบบสองแกนหลักที่ครอบคลุมทั้งระบบนิเวศ คือการสนับสนุนทั้งฝั่งผู้สร้าง (Supply Side) ซึ่งเป็นผู้พัฒนาเทคโนโลยี และผู้ใช้ (Demand Side) ซึ่งเป็นภาคธุรกิจที่นำเทคโนโลยีไปปรับใช้

สำหรับฝั่งผู้พัฒนาเทคโนโลยี บีโอไอได้ออกมาตรการส่งเสริมที่แข็งแกร่งเพื่อกระตุ้นให้เกิดการสร้างสรรค์นวัตกรรมและแพลตฟอร์มดิจิทัลขึ้นในประเทศ โดยบริษัทที่ดำเนินโครงการ พัฒนาซอฟต์แวร์หรือแพลตฟอร์มที่เกี่ยวข้องกับ AI ขึ้นมาใหม่จะได้รับสิทธิประโยชน์ระดับสูงสุด คือ การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นระยะเวลา 8 ปี

สำหรับภาคธุรกิจที่ต้องการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้งาน บีโอไอมีมาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพเพื่อลดภาระการลงทุนในเทคโนโลยีที่มีมูลค่าสูง โดยเปิดกว้างสำหรับผู้ประกอบการทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นบริษัทที่ไม่เคย หรือเคยได้รับการส่งเสริมจากบีโอไอมาก่อนแล้วสิทธิประโยชน์หมดอายุไป หากมีการลงทุนนำซอฟต์แวร์หรือระบบดิจิทัลมาใช้ในองค์กรเพื่อยกระดับศักยภาพ จะได้รับสิทธิประโยชน์ ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นเวลา 3 ปี ในวงเงินตามมูลค่าการลงทุนนั้น

แต้มต่อพิเศษสำหรับ SME

นโยบายที่ปรับปรุงใหม่เมื่อกลางปี 2568 มอบสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมให้กับผู้ประกอบการ SME โดยเฉพาะ หากผู้ประกอบการที่ลงทุนในระบบดิจิทัลเข้าข่ายเป็น SME บีโอไอจะเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้ จากเดิม 3 ปี จะเพิ่มให้เป็น 5 ปี ซึ่งถือเป็นแต้มต่อสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมตัดสินใจลงทุนได้ง่ายขึ้น

“เนื่องจากการแข่งขันในปัจจุบันสูง ผู้ประกอบการอาจต้องใช้เครื่องมือด้านดิจิทัลหรือ AI มาช่วยพัฒนาศักยภาพ ซึ่งมีมูลค่าการลงทุนสูง เราจึงมองว่าควรจะมีส่วนที่ให้การส่งเสริมแต้มต่อในเรื่องการลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลด้วย” ธนชาติกล่าว

การผนึกกำลังของกรมสรรพากรและบีโอไอในครั้งนี้ ถือเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่ารัฐบาลพร้อมที่จะสนับสนุนการทำ Digital Transformation อย่างจริงจัง โดยสร้างกลไกที่เอื้อประโยชน์ทั้งผู้สร้างสรรค์เทคโนโลยีและผู้นำไปใช้งาน นับเป็นโอกาสครั้งสำคัญสำหรับผู้ประกอบการไทยที่จะใช้ประโยชน์จากมาตรการเหล่านี้ เพื่อลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในเศรษฐกิจยุค AI

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

นักวิจัยไทยใน MIT เสนอแนวคิด ‘ปัญญาไซบอร์ก’ เสริมขีดความสามารถมนุษย์

Cyber Subin เมื่อ ‘โค้ด AI’ เรียนรู้ ‘รหัสรำไทย’

×

Share

ผู้เขียน