Share on
×

Share

ยักษ์ตื่น MK ส่ง ‘โบนัสสุกี้’ ทุบตลาดหม้อไฟ 219 บาท ปูพรม 100 สาขา ท้าชนทุกค่าย

ยักษ์ตื่น MK ส่ง 'โบนัสสุกี้' ทุบตลาดหม้อไฟ 219 บาท ปูพรม 100 สาขาท้าชนทุกค่าย

ในแวดวงยุทธจักรธุรกิจร้านอาหาร เมื่อผู้เล่นระดับ “ยักษ์ใหญ่” ที่เคยครองบัลลังก์อยู่บนยอดพีระมิด ตัดสินใจขยับตัวลงมาสู่สมรภูมิพื้นราบ (Mass Market) อย่างเต็มตัว ย่อมไม่ใช่เพียงความเคลื่อนไหวตามปกติ แต่เป็นปรากฏการณ์ที่ส่งสัญญาณเตือนภัยระดับสูงสุดไปยังผู้เล่นทุกรายในตลาด

ความเคลื่อนไหวครั้งล่าสุดของ บมจ.เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป (MK Group) ภายใต้การกุมบังเหียนของทายาทเจเนอเรชันใหม่แห่งตระกูลธีระโกเมน อย่าง ธีร์ ธีระโกเมน และ ทานตะวัน ธีระโกเมน ไม่ใช่เพียงการแตกไลน์ธุรกิจเพื่อเกาะกระแสความนิยมชั่วคราว แต่เปรียบเสมือนการ “เปิดศักราชใหม่” (New Chapter) ขององค์กร ด้วยการวางเดิมพันครั้งสำคัญผ่านการเพิ่มทุนจดทะเบียนมูลค่ากว่า 500 ล้านบาท

ทานตะวัน ธีระโกเมนและ ธีร์ ธีระโกเมน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
ทานตะวัน ธีระโกเมน และ ธีร์ ธีระโกเมน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

เม็ดเงินมหาศาลนี้ถูกใช้เป็นกระสุนดินดำเพื่อปั้นแบรนด์น้องใหม่ “โบนัส สุกี้” (Bonus Suki) ให้แจ้งเกิดในตลาด Budget Buffet หรือสุกี้ราคาประหยัดอย่างสมศักดิ์ศรี นี่คือการประกาศสงครามอย่างเป็นทางการในน่านน้ำสีแดงเดือด (Red Ocean) ของตลาดสุกี้หม้อไฟที่มีมูลค่ารวมกว่า 25,000 ล้านบาท

MK เผยแผนปี 68 ชู Value Strategy เน้นตอบโจทย์ความต้องการลูกค้า

ท่ามกลางคู่แข่งรายย่อยจำนวนมาก MK Group มั่นใจว่าจะสามารถพลิกเกมจากผู้ตามให้กลายเป็นผู้ชนะ ด้วยการงัดเอา “ความได้เปรียบที่เหนือกว่า” (Unfair Advantage) ทั้งด้านเงินทุนและระบบบริหารจัดการ มาใช้เป็นอาวุธเด็ดในการยึดครองส่วนแบ่งการตลาดในครั้งนี้

Unfair Advantage: เจาะลึก “ขุมพลังหลังบ้าน” ไพ่ตายที่ทำให้ MK Group เหนือชั้นกว่าคู่แข่ง

สิ่งที่สร้างความน่าเกรงขามให้กับ “โบนัส สุกี้” ไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่กลยุทธ์ราคา 219 บาทเท่านั้น แต่คือความยิ่งใหญ่ของสิ่งที่ซ่อนอยู่หลังม่านการบริหาร นั่นคือ “โครงสร้างพื้นฐาน” (Infrastructure) ระดับชาติที่ MK Group สั่งสมประสบการณ์และวางรากฐานมากว่า 40 ปี สิ่งนี้เปรียบเสมือน “กระบองวิเศษ” ที่สร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันแบบที่ไม่เป็นธรรม (Unfair Advantage) ซึ่งเป็นกำแพงที่สูงตระหง่านเกินกว่าที่คู่แข่งรายย่อยหรือผู้เล่นหน้าใหม่จะปีนข้ามหรือเลียนแบบได้ง่าย โดยแบ่งออกเป็น 3 แกนหลักสำคัญ ดังนี้:

  1. Economy of Scale: อำนาจแห่งขนาดและการต่อรองที่เหนือกว่า ด้วยเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง MK Group มีฐานซัพพลายเออร์ในมือมากกว่า 1,000 ราย ซึ่งถือเป็นแต้มต่อสำคัญที่ทำให้แบรนด์ “โบนัส สุกี้” มีอำนาจในการเจรจาต่อรองต้นทุนวัตถุดิบให้ต่ำที่สุดได้ (Cost Control) ในขณะที่ยังคงรักษาคุณภาพมาตรฐานความสดใหม่ไว้ได้ตามแบบฉบับของ MK การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานขนาดใหญ่นี้เอง คือกุญแจสำคัญที่ทำให้แบรนด์สามารถทำราคาขายที่ดึงดูดใจผู้บริโภคได้ โดยที่ธุรกิจยังคงมีกำไรและเติบโตได้อย่างยั่งยืน
  2. Logistics Supremacy: กองทัพขนส่งที่ส่งมอบความสดใหม่ได้ “ทุกวัน” ความท้าทายที่สุดของธุรกิจร้านอาหารที่มีสาขาทั่วประเทศคือการกระจายสินค้า แต่สำหรับ MK Group เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหา เพราะพวกเขามีกองทัพรถขนส่งที่มีศักยภาพมากกว่า 500 คัน พร้อมปฏิบัติการส่งวัตถุดิบที่สดใหม่ตรงถึงหน้าสาขาได้ “ทุกวัน” ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศไทย ระบบโลจิสติกส์ที่แม่นยำนี้ช่วยขจัดปัญหาคลาสสิกที่ร้านบุฟเฟต์ขนาดเล็กมักประสบ เช่น วัตถุดิบขาดสต็อก (Out of Stock) หรือความสดใหม่ไม่สม่ำเสมอ ทำให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าจะได้รับประทานอาหารคุณภาพดีที่สุดในทุกครั้งที่มาใช้บริการ
  3. Massive Capacity: ศักยภาพการผลิตที่พร้อมรองรับการเติบโตแบบก้าวกระโดด ความพร้อมด้านการผลิตคือหัวใจของการขยายสาขาที่รวดเร็ว MK Group มีครัวกลาง (Central Kitchen) และระบบคลังสินค้าขนาดมหึมาที่มีศักยภาพพร้อมรองรับการขยายตัวของร้านอาหารได้สูงสุดถึง 1,000 สาขาในทันที นั่นหมายความว่า แผนการปูพรมขยายสาขาของ “โบนัส สุกี้” สู่เป้าหมาย 100 แห่ง ภายในปี 2570 นั้น สามารถดำเนินไปได้อย่างราบรื่นโดยไม่มีคอขวดด้านการผลิต ซึ่งถือเป็นความพร้อมทางโครงสร้างที่หาตัวจับยากในวงการธุรกิจร้านอาหารเมืองไทย

ถอดรหัส “6 Extra Bonuses”: พลิกโฉมสุกี้ราคาหลักร้อยด้วยมาตรฐานระดับ “เชนหมื่นล้าน”

 โบนัส สุกี้ (Bonus Suki)

หนึ่งในโจทย์ที่ยากที่สุดของการทำธุรกิจร้านอาหารระดับแมส (Mass Market) คือการก้าวข้าม “กับดัก” ที่ผู้บริโภคมักต้องเผชิญ นั่นคือการต้องเลือกระหว่าง “ราคาที่จ่ายไหว” กับ “คุณภาพที่ไว้ใจได้” แต่ MK Group ได้เข้ามาทลายข้อจำกัดนี้อย่างสิ้นเชิง ด้วยการนำประสบการณ์การบริหารเชนร้านอาหารระดับหมื่นล้าน มาย่อส่วนและปรับใช้ผ่านกลยุทธ์ที่ชื่อว่า “6 Extra Bonuses” ซึ่งเป็นการมอบคุณค่าส่วนเพิ่ม (Value Added) ให้กับลูกค้าในทุกมิติ ดังนี้:

  1. Product: สุกี้ที่ให้ มากกว่าแค่การต้ม โบนัส สุกี้ สร้างจุดต่างจากร้านบุฟเฟต์ทั่วไปด้วยการนำเสนอความหลากหลายของเมนูที่มีมากกว่า 100 รายการ ครอบคลุมตั้งแต่วัตถุดิบหม้อไฟคุณภาพ ไปจนถึงของทานเล่นและอาหารจานเดียว แต่สิ่งที่ถือเป็นไฮไลต์สำคัญคือการสร้างสรรค์ “เมนูซิกเนเจอร์” (Signature Menu) ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว หาไม่ได้จากที่อื่น เช่น “โบนัสโรล” (Bonus Roll) หรือเมนูของทอดอย่างไข่เค็มและเผือกทอด รวมถึงการมีบาร์อาหารและเมนูยำรสจัดจ้านที่ถูกปากคนไทย ซึ่งช่วยยกระดับมื้ออาหารให้มีความพิเศษมากกว่าแค่การกินสุกี้ธรรมดา
  2. Price & Time: คุ้มค่าด้วยเวลาที่มอบให้คืนกำไรในขณะที่ตลาดบุฟเฟต์ส่วนใหญ่มักบีบเวลาการทานเพื่อให้รอบโต๊ะหมุนเร็วที่สุด แต่โบนัส สุกี้ เลือกที่จะสวนกระแสด้วยการกำหนดราคาที่เข้าถึงง่ายเพียง 219 บาท แต่กลับมอบเวลาในการรับประทานที่ยาวนานถึง 2 ชั่วโมง 15 นาที ซึ่งถือว่ายาวนานกว่ามาตรฐานตลาดทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด เจตนาเพื่อให้ลูกค้าได้มีช่วงเวลาแห่งการผ่อนคลาย สังสรรค์ และมีความสุขกับมื้ออาหารได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องรู้สึกกดดันหรือเร่งรีบ
  3. Place: ปักหมุดทำเลทองเจาะกลุ่มนกฮูกยามวิกาล กลยุทธ์ด้านสถานที่ถือเป็น Game Changer สำคัญ โดยเน้นโมเดลร้านแบบ Stand-alone ที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่กว่า 500 ตารางเมตร ขึ้นไป เพื่อเน้นความโอ่อ่า โปร่งสบาย และรักษามาตรฐานความสะอาดสะอ้าน แต่จุดที่เหนือชั้นคือการขยายเวลาเปิดให้บริการยาวนานตั้งแต่ 11.00 น. ไปจนถึง 05.00 น. (ตี 5) ของอีกวัน เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ของกลุ่ม Night Owl หรือคนทำงานกลางคืน ซึ่งเป็นช่องว่างทางการตลาดขนาดใหญ่ที่ร้านในห้างสรรพสินค้าไม่สามารถตอบโจทย์ได้
  4. People: มาตรฐานบริการ“DNA” แบบ MK แม้จะเป็นแบรนด์ราคาประหยัด แต่หัวใจของการบริการยังคงเข้มข้นตามแบบฉบับ MK Group โดยมีการจ้างงานบุคลากรในท้องถิ่น (Local) เพื่อสร้างรายได้ให้ชุมชน แต่พนักงานทุกคนจะต้องผ่านการฝึกฝนอย่างเข้มข้นจากศูนย์ฝึกอบรม (Training Center) ของ MK Group เพื่อการันตีว่าลูกค้าจะได้รับการบริการที่ใส่ใจ รวดเร็ว และมีมารยาท ซึ่งถือเป็นจุดแข็งที่ยากจะหาใครเทียบเทียมในตลาดระดับเดียวกัน
  5. Promotion: เติมสีสันด้วยนาทีทองแห่งความสุข การทานอาหารจะไม่น่าเบื่ออีกต่อไปด้วยกิมมิคทางการตลาดอย่าง “Bonus Hour” หรือชั่วโมงโบนัส ซึ่งเป็นช่วงเวลาพิเศษที่ทางร้านจะสร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการแจกเมนูพิเศษฟรีหรือมอบของที่ระลึกให้กับทุกโต๊ะ กลยุทธ์นี้ไม่เพียงแต่สร้างความตื่นเต้น แต่ยังสร้างบรรยากาศแห่งความสนุกสนานและประสบการณ์ที่น่าจดจำให้กับลูกค้า
  6. Process: เบื้องหลังความอร่อยที่เป๊ะทุกสาขา กุญแจดอกสุดท้ายคือระบบการจัดการหลังบ้าน (Back-of-house Operation) ที่แม่นยำและเป็นระบบ ซึ่งเกิดจากการใช้เทคโนโลยีและองค์ความรู้ของ MK Group เข้ามาควบคุมคุณภาพ (Quality Control) ทำให้รสชาติอาหาร ความสดของวัตถุดิบ และความรวดเร็วในการเสิร์ฟ เป็นมาตรฐานเดียวกันในทุกสาขา ไม่ว่าจะไปทานที่จังหวัดไหนก็ตาม

ผลลัพธ์จากการผสานทั้ง 6 กลยุทธ์เข้าด้วยกัน สะท้อนออกมาเป็นตัวเลขแห่งความสำเร็จที่จับต้องได้จริง โดยในช่วง 4 เดือนแรกของการเปิดให้บริการ พบสถิติลูกค้ากลับมาใช้บริการซ้ำ (Repeat Customer) สูงถึง 25% และที่น่าประทับใจที่สุดคือการพบลูกค้าที่เป็น Super Fan เข้ามาทานซ้ำสูงสุดถึง 37 ครั้ง ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า “โบนัส สุกี้” ได้เข้าไปนั่งอยู่ในใจของผู้บริโภคเรียบร้อยแล้ว

Roadmap พันล้าน: ปฏิบัติการปูพรม “ภูธร” ยึดหัวหาดทั่วไทยอย่างเบ็ดเสร็จ

ภายใต้การนำทัพของสองผู้บริหารเลือดใหม่จากตระกูลธีระโกเมน คุณธีร์ และ คุณทานตะวัน MK Group ได้ประกาศยุทธศาสตร์เชิงรุกครั้งสำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์องค์กร ด้วยการอัดฉีดเม็ดเงินลงทุนเพิ่มทุนกว่า 500 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นกระสุนดินดำในการขับเคลื่อนแบรนด์ “โบนัส สุกี้” ให้ทะยานสู่เป้าหมาย โดยได้วางแผนงาน (Roadmap) ที่เน้นความรวดเร็วและครอบคลุม เพื่อช่วงชิงความได้เปรียบในสมรภูมิภูธรอย่างเบ็ดเสร็จ ผ่าน 3 แกนหลัก ดังนี้:

  1. Speed: เร่งสปีดความเร็วระดับ“1-2 สาขาต่อสัปดาห์” กลยุทธ์แรกคือการเน้น “ความเร็ว” ในการเข้าถึงพื้นที่เป้าหมาย โดยโบนัส สุกี้ ปรับเปลี่ยนจังหวะการขยายสาขาให้ดุดันยิ่งขึ้น ด้วยอัตราเร่งในการเปิดสาขาใหม่เฉลี่ย 1-2 แห่งในทุก ๆ สัปดาห์ การเคลื่อนที่ด้วยความเร็วระดับนี้ ไม่เพียงแต่เพื่อแย่งชิงทำเลศักยภาพ (Prime Location) ในต่างจังหวัดตัดหน้าคู่แข่งเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้าง Brand Awareness ให้เกิดขึ้นในวงกว้างอย่างรวดเร็วที่สุด
  2. Scale: ก้าวกระโดดสู่ 100 สาขาด้วยอัตราเติบโต 6 เท่าในมิติของ “ขนาด” การขยายตัวครั้งนี้ถูกวางแผนไว้อย่างเป็นขั้นเป็นตอนแต่ก้าวกระโดด โดยเริ่มต้นจากการปูพื้นฐานให้ครบ 16 สาขา ภายในสิ้นปี 2568 เพื่อสร้างรากฐานให้มั่นคง ก่อนจะเร่งเครื่องเต็มสูบในปี 2569 เพื่อขยายจำนวนสาขาให้พุ่งทะยานสู่ 70 แห่ง และมุ่งสู่เป้าหมายสูงสุดในการปักธงให้ครบ 100 สาขาทั่วประเทศ ภายในไตรมาสที่ 2 ของปี 2570 ซึ่งหากพิจารณาจากกรอบเวลาดังกล่าว จะพบว่านี่คือการเติบโตของจำนวนสาขาที่มากถึง 6 เท่าตัว ภายในระยะเวลาไม่ถึง 2 ปี
  3. Revenue: เดิมพันรายได้ 3.6 พันล้านสู่การเป็น New S-Curve เป้าหมายปลายทางของโรดแมปนี้ ไม่ใช่แค่จำนวนสาขา แต่คือผลลัพธ์ทางธุรกิจที่จับต้องได้ โดย MK Group ตั้งเป้าหมายให้ โบนัส สุกี้ เป็นเครื่องจักรสร้างรายได้ตัวใหม่ที่มีนัยสำคัญ ด้วยเป้ายอดขายแตะระดับ 3,600 ล้านบาท ภายในปี 2569 ตัวเลขนี้สะท้อนให้เห็นว่า โบนัส สุกี้ ไม่ใช่เพียงโปรเจกต์ทดลองตลาด แต่คือ เรือธงลำใหม่ (New Flagship) ที่จะเข้ามาเสริมพอร์ตรายได้ของเครือ MK Group ให้แข็งแกร่งและยั่งยืนในระยะยาว

เมื่อ ยักษ์ตื่นจากหลับใหลสัญญาณแห่งการปฏิวัติสมรภูมิสุกี้ 2.5 หมื่นล้าน

การเคลื่อนไหวทางธุรกิจครั้งสำคัญของ บมจ.เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป (MK Group) ในครั้งนี้ ถือเป็นกรณีศึกษาที่น่าจับตามองที่สุดแห่งปี สะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ขององค์กรระดับตำนานที่กล้าสลัดภาพลักษณ์เดิม เพื่อก้าวออกจากพื้นที่ปลอดภัย (Comfort Zone) ลงมาประลองกำลังในตลาดที่มีการแข่งขันดุเดือดที่สุดอย่างตลาด Budget Buffet

“โบนัส สุกี้” จึงไม่ได้ถือกำเนิดขึ้นเพียงเพื่อเป็นร้านสุกี้ทางเลือกในราคาประหยัดเท่านั้น แต่ถูกวางหมากให้เป็น “หัวหอกทะลวงฟัน” (New Strategic Flagship) ที่เปี่ยมด้วยยุทธศาสตร์สำคัญในการนำพาอาณาจักร MK บุกเข้ายึดพื้นที่หัวเมืองรองและเจาะฐานลูกค้ากลุ่มแมส (Mass Market) ทั่วประเทศให้ได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด

เมื่อ “ยักษ์ใหญ่” ที่พรั่งพร้อมไปด้วยสรรพกำลัง ทั้งเม็ดเงินลงทุนมหาศาลกว่า 500 ล้านบาท และระบบบริหารจัดการระดับเวิลด์คลาส ตัดสินใจ “วิ่ง” เต็มสปีดลงสู่สนาม ย่อมส่งผลให้สมรภูมิสุกี้หม้อไฟมูลค่า 25,000 ล้านบาท นับจากนี้ ต้องเผชิญกับแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ ซึ่งไม่เพียงแต่จะทำให้ดีกรีความดุเดือดของการแข่งขันพุ่งสูงขึ้น แต่ยังเป็นการยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรม (Standard Uplift) ให้สูงขึ้นไปอีกขั้น เพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้บริโภคอย่างแท้จริง

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

ปลดล็อกครั้งใหญ่ไรเดอร์ รย.17 รย.18 ใช้ ‘สำเนาเล่มทะเบียน’ รถติดไฟแนนซ์ได้

ดร.มัตถกา คงขาว: นวัตกรรมนำส่งยา สู่เป้าหมาย ‘เวชศาสตร์ป้องกัน’

กินคลีนแทบตาย… ถ้า ‘นอน’ ไม่พอก็จบ! สรุปเวทีสุขภาพ Bitkub Summit 2025

×

Share

ผู้เขียน