งาน “Life Fest 40+ รู้ก่อน ดีกว่า” ไม่ได้เป็นเพียงพื้นที่สำหรับพูดคุยถึงการเตรียมตัวเข้าสู่วัยอิสระ แต่คือการตีแผ่ความจริงที่น่ากังวลของสังคมไทย ผ่านตัวเลขและข้อมูลที่ชวนให้หายใจสะดุด เมื่อภาครัฐชี้ชัดว่ามีคนไทยเพียง 13% เท่านั้นที่วางแผนการออมและทำได้สำเร็จ ขณะที่ประเทศไทยกำลังก้าวสู่สังคมสูงวัยระดับสุดยอด (Super-aged Society) ในอีกไม่ถึง 10 ปีข้างหน้า ซึ่งนี่คือสัญญาณเตือนของวิกฤติประชากรที่ซับซ้อนกว่าแค่เรื่องผู้สูงอายุ แต่เกี่ยวพันกับโครงสร้างของประเทศทั้งระบบ
วิกฤติประชากร: เมื่ออนาคตของไทยแขวนบนเส้นด้ายของ “The แบก”
คำว่า “สังคมสูงวัย” อาจไม่เพียงพอที่จะอธิบายภาพความท้าทายที่ประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่ ความจริงที่น่ากังวลกว่านั้นคือสภาวะ “วิกฤติประชากร” ซึ่งกำลังกัดกินโครงสร้างของประเทศอย่างเงียบ ๆ
สุนีย์ ศรีสง่าตระกูลเลิศ รองปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์กล่าวว่า วิกฤตินี้ไม่ได้มีแค่ด้านเดียว แต่เกิดขึ้นพร้อมกันในสองมิติ
มิติแรก คือจำนวนผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยคาดการณ์ว่าในอีก 10 ปีข้างหน้า ประชากรสูงวัยจะครองสัดส่วนถึง 30% ของประเทศ ขณะที่ อีกมิติหนึ่ง คืออัตราการเกิดใหม่ที่ลดต่ำลงเป็นประวัติการณ์ โดยปี 2567 ถือเป็นปีแรกที่เด็กไทยเกิดใหม่ไม่ถึง 500,000 คน ซึ่งจะส่งผลให้กำลังแรงงานในอนาคตหดหายไปอย่างน่าใจหาย
ปรากฏการณ์ “แก่เพิ่ม-เด็กเกิดน้อย” นี้ได้สร้างคนเจเนอเรชันหนึ่งที่ พม. เรียกว่า “The แบก” พวกเขาคือคนวัยกลางวันที่ต้องรับภาระดูแลทั้งพ่อแม่ที่ชราลงและลูกหลานที่ยังเติบโตไม่เต็มที่ แต่ปัญหากำลังซับซ้อนขึ้นไปอีก เมื่อคนรุ่นใหม่จำนวนมากตัดสินใจไม่มีลูก เพราะความกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายและคุณภาพชีวิต
สิ่งที่ตอกย้ำความน่าเป็นห่วงของสถานการณ์นี้คือข้อมูลเชิงสถิติที่น่าตกใจจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ ซึ่งพบว่า มีคนไทยเพียง 13% เท่านั้นที่เตรียมการออมไว้สำหรับวัยเกษียณได้สำเร็จ ซ้ำร้ายไปกว่านั้น ข้อมูลจากโรงรับจำนำของรัฐยังเผยให้เห็นว่า กลุ่มคนที่นำทรัพย์สินมาจำนำมากที่สุดคือคนในวัย 41-60 ปี ซึ่งเป็นภาพสะท้อนที่ชัดเจนว่า คนในวัยใกล้เกษียณจำนวนไม่น้อยกำลังนำสมบัติชิ้นท้าย ๆ ออกมาใช้เพื่อความอยู่รอด
ทั้งหมดนี้จึงนำมาสู่คำถามสำคัญที่คุณสุนีย์ได้ทิ้งท้ายไว้ว่า “ถ้าไม่มีการเตรียมตัว จะเกิดอะไรขึ้น? ที่เหลือคือผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง แต่คำถามคือ… คุณจะพึ่งพิงใคร”
สร้างรากฐานชีวิตวัยอิสระ: 5 เสาหลักที่ต้องวางแผนนอกเหนือจากเรื่องเงิน
แม้ความมั่นคงทางการเงินจะเป็นรากฐานสำคัญ แต่การจะมีชีวิตวัยอิสระที่เปี่ยมด้วยคุณภาพได้อย่างแท้จริงนั้น ต้องสร้างขึ้นจากเสาหลัก 5 ต้นที่เชื่อมโยงกัน การเตรียมความพร้อมในมิติเหล่านี้ตั้งแต่เนิ่น ๆ คือการลงทุนเพื่ออนาคตที่มั่นคงและมีความสุขอย่างรอบด้าน
- มิติด้านสุขภาพ: ชะลอวัย ชะลอความเสื่อม เป้าหมายสำคัญคือการยืดช่วงเวลาของการเป็นผู้สูงวัย ‘ติดสังคม’ ให้นานที่สุด กล่าวคือยังคงมีสุขภาพแข็งแรงพอที่จะออกไปทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ เพราะนั่นคือเกราะป้องกันที่ดีที่สุดจากการเข้าสู่ภาวะ ‘ติดบ้าน’ และ ‘ติดเตียง’ ในท้ายที่สุด การดูแลสุขภาพเชิงรุกตั้งแต่วันนี้จึงไม่ใช่แค่เพื่ออายุที่ยืนยาว แต่เพื่อคุณภาพชีวิตในทุก ๆ วันของบั้นปลาย
- มิติด้านที่อยู่อาศัย: ปรับบ้านให้เป็นพื้นที่ปลอดภัย บ้านที่คุ้นเคยในวันนี้อาจกลายเป็นพื้นที่เสี่ยงในวันข้างหน้า ความจริงที่หลายคนอาจมองข้ามคือ ผู้สูงอายุมีโอกาสกลายเป็นผู้พิการสูงถึง 60% การปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมในบ้าน เช่น การติดตั้งราวเกาะในห้องน้ำ หรือการเปลี่ยนมาใช้สุขภัณฑ์ที่เหมาะสม จึงไม่ใช่เรื่องฟุ่มเฟือย แต่เป็นการลงทุนเพื่อความปลอดภัยและลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุที่อาจเปลี่ยนชีวิตไปตลอดกาล ซึ่งควรทำตั้งแต่ตอนที่ยังมีกำลังและทุนทรัพย์พร้อม
- มิติด้านเศรษฐกิจ: เครื่องยนต์ขับเคลื่อนชีวิต มิตินี้เปรียบเสมือนเครื่องยนต์ที่ขับเคลื่อนอีก 4 มิติที่เหลือ การออมและการวางแผนทางการเงินที่รัดกุม คือหัวใจที่จะทำให้เราสามารถเข้าถึงบริการสุขภาพที่ดี ปรับปรุงที่อยู่อาศัยให้ปลอดภัย มีส่วนร่วมในกิจกรรมทางสังคม และใช้เทคโนโลยีเพื่ออำนวยความสะดวกได้โดยไม่ต้องกังวล
- มิติด้านสังคม: เติมเต็มคุณค่า ลดช่องว่างความโดดเดี่ยว มนุษย์เป็นสัตว์สังคม เมื่อเข้าสู่วัยเกษียณ การขาดปฏิสัมพันธ์อาจนำไปสู่ความรู้สึกโดดเดี่ยวและไร้ค่า การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อให้มีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ เช่น การทำงานจิตอาสา หรือการเข้าร่วม “ธนาคารเวลา” เพื่อแลกเปลี่ยนความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน จะช่วยเติมเต็มความรู้สึกมีคุณค่าและสร้างเครือข่ายทางสังคมที่เกื้อกูลกัน
- มิติด้านเทคโนโลยี: ทักษะจำเป็นสำหรับโลกยุคใหม่ เทคโนโลยีเปรียบเสมือนดาบสองคม ในด้านหนึ่งคือเครื่องมือที่ช่วยให้ชีวิตสะดวกสบายอย่างยิ่ง แต่ในอีกด้านหนึ่งก็เป็นช่องทางของมิจฉาชีพที่มุ่งเป้ามาที่ผู้สูงอายุ การมีทักษะความเข้าใจด้านดิจิทัล (Digital Literacy) จึงไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่เป็นทักษะการเอาตัวรอดที่จำเป็น เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีได้อย่างเต็มที่และปลอดภัย
พลังของภาคเอกชน: เปลี่ยน “ภาระ” สู่ “พลัง” ด้วยอาวุธที่เรียกว่า “ทักษะดิจิทัล”
เมื่อความท้าทายของสังคมสูงวัยมีขนาดใหญ่เกินกว่าที่ภาครัฐจะขับเคลื่อนได้โดยลำพัง พลังของภาคเอกชนจึงกลายเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่เข้ามาเติมเต็ม ในมุมมองของ กานติมา เลอเลิศยุติธรรม รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ด้านธุรกิจองค์กร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จํากัด (มหาชน) กุญแจสำคัญคือการเปลี่ยนมุมมองต่อผู้สูงวัยจาก “ภาระ” ให้กลายเป็น “พลัง” ขับเคลื่อนสังคม และอาวุธสำคัญที่จะทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้นได้จริงก็คือ ทักษะด้านดิจิทัล
AIS ได้ริเริ่มโครงการ AIS Academy for Thais เพื่อติดอาวุธทางปัญญาให้กับคนไทย เพราะเทคโนโลยีไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป คุณกานติมา กล่าวว่า “ลองนึกภาพวันที่เราไม่มีลูกหลาน แล้วเราสั่งอาหารผ่านมือถือไม่เป็น ทุกครั้งที่หิวเราต้องเดินออกไปซื้อ ในวันที่เราอาจไม่มีแรง แค่นี้ก็คือปัญหาของชีวิตแล้ว”
นี่คือภาพสะท้อนว่าหัวใจสำคัญไม่ได้อยู่ที่การต้องสร้างเทคโนโลยีเป็น แต่คือการตามให้ทันและใช้ให้เป็น เพื่อให้สามารถเข้าถึงความสะดวกสบายและใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัยในโลกยุคใหม่ แนวคิดนี้ยังถูกต่อยอดไปสู่โครงการ “ภารกิจคิดเผื่อ” ซึ่งเป็นหน่วยเคลื่อนที่เร็วที่พร้อมจะแปลงร่างเข้าไปช่วยเหลือสังคมในทุกวิกฤติ ไม่ว่าจะเป็นการระดมทีมเย็บหน้ากากอนามัยในช่วงการระบาดของโควิด-19 หรือการสร้างเกราะป้องกันภัยไซเบอร์ให้คนไทย ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนมีเป้าหมายเดียวกัน คือการสร้างสังคมที่แข็งแกร่งและเติบโตไปพร้อมกันอย่างยั่งยืน
สสส. ปักหมุดวัย 40: เมื่อร่างกายและบัญชีส่งสัญญาณเตือนให้ “คิดเผื่ออนาคต”
เหตุใดวัย 40 จึงกลายเป็น “จุดตัด” สำคัญที่ต้องเริ่มเตรียมความพร้อมสู่วัยอิสระอย่างจริงจัง? แคมเปญ “สูงวัยให้พร้อม ต้องเตรียมก่อน 40” จาก สสส. ไม่ได้เกิดขึ้นมาลอย ๆ แต่ตั้งอยู่บนความจริงที่หลายคนอาจยังไม่ตระหนัก
สุพัฒนุช สอนดําริห์ ผู้อํานวยการอาวุโส สํานักสื่อสารการตลาดเพื่อสังคม สํานักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) อธิบายว่า นี่คือช่วงวัยที่ร่างกายและสถานะทางการเงินส่งสัญญาณเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนที่สุด
“แม้เราจะยังรู้สึกแข็งแรง แต่ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ชี้ชัดว่านี่คือจุดที่มวลกล้ามเนื้อจะเริ่มถดถอยอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันหากไม่มีการวางแผนที่ดี เงินเก็บที่เคยมีก็จะเริ่มลดลงอย่างน่าใจหาย” คุณสุพัฒนุช กล่าว
ด้วยเหตุนี้ สสส. จึงไม่ได้ทำหน้าที่แค่กระตุ้นเตือน แต่ก้าวไปอีกขั้นด้วยการสร้างเครื่องมือให้ประชาชนได้สำรวจตัวเอง ทั้งในด้านทักษะสมอง สภาพกล้ามเนื้อ และความพร้อมทางการเงิน เพื่อให้แต่ละคนได้เห็นภาพอนาคตของตนเองที่ชัดเจนขึ้น และนำไปสู่การวางแผนแก้ไขได้อย่างตรงจุด โดยอาศัยความร่วมมือกับภาคีเครือข่าย เพื่อเปลี่ยนพลังเล็กๆ ของแต่ละคนให้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ในระดับสังคม
ท้ายที่สุดแล้ว การรับมือกับสังคมสูงวัยไม่ใช่ภาระของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นภารกิจที่ทุกคนต้องร่วมมือกัน แม้วัย 40 จะเป็นหมุดหมายที่ดี แต่หัวใจที่แท้จริงคือการ “รู้ก่อน ดีกว่า” การเตรียมความพร้อมให้ครบทั้ง 5 มิติ ด้วยพลังจากทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน คือหนทางเดียวที่จะนำพาคนไทยไปสู่วัยอิสระที่เปี่ยมด้วยคุณภาพ มีความสมดุล และมั่นคงอย่างแท้จริง
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
อนาคตการศึกษา: พลิกบทบาทครู สู่ Facilitator จับคู่ AI สร้างห้องเรียนยุคใหม่
‘ว่ายทวนน้ำ’ ปรัชญาพลิกชีวิตการเงินและอาชีพ จาก ดร.วิทย์ สิทธิเวคิน
กฎเหล็ก ‘ซีเค เจิง’: พลิกชีวิตมนุษย์เงินเดือน สู่มหาเศรษฐี




