Story of Business • Technology • Sustainability
Share on
×

Share

เทรนด์ปี 2026: ยุค Agentic AI และโอกาสข้อมูลไทยในเวทีโลก

เมื่อปฏิทินกำลังจะเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ปี 2026 ช่วงเวลานี้เปรียบเสมือนรอยต่อสำคัญที่น่าจับตามองที่สุดครั้งหนึ่งของโลกธุรกิจ หากปีที่ผ่านมาคือช่วงเวลาแห่งการตื่นรู้และทดลองใช้งาน ปี 2026 จะเป็นปีแห่งการ “ใช้งานจริง” (Execution) ในระดับโครงสร้างที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เวทีสัมมนาล่าสุดที่รวบรวม 4 แม่ทัพวงการเทคโนโลยีไทย ได้แก่ ดร.กอบกฤตย์ วิริยะยุทธกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอแอพ เทคโนโลยี จำกัด (iApp Technology), สุกฤษฎิ์ จุลพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เทคโทนี่ จำกัด (TecTony), ดร.ทัชนันท์ กังวานตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอเซ็ม จำกัด (ISEM) และ ทัชพล ไกรสิงขร ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี (CTO) บริษัท อะมิตี้ โซลูชั่นส์ จำกัด (Amity Solutions) ต่างมองเห็นภาพอนาคตเดียวกันว่า เรากำลังก้าวเข้าสู่ยุคที่ปัญญาประดิษฐ์จะมี “ร่างกาย” และมีความเป็น “ตัวแทน” ที่คิดแทนมนุษย์ได้ พร้อมกับโจทย์ใหญ่เรื่องมาตรฐานความปลอดภัยที่จะกลายเป็นใบเบิกทางสำคัญในเวทีโลก

1. วิวัฒนาการสู่ ‘Agentic AI’ และ ‘Physical AI’: เมื่อ AI มีกายหยาบและคิดเองได้

ดร.กอบกฤตย์ วิริยะยุทธกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร iApp Technology ได้ให้มุมมองต่อทิศทางของปี 2026 ไว้อย่างน่าสนใจว่า เรากำลังจะก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมของ Generative AI ที่ทำหน้าที่เพียงสร้างเนื้อหา ไปสู่ยุคของ “ปัญญาประดิษฐ์เชิงตัวแทน” (Agentic AI) ความแตกต่างที่สำคัญคือ ระบบในยุคใหม่จะเน้นเรื่อง “การกระทำ” (Action) กล่าวคือ AI จะไม่ได้เป็นแค่แชทบอทที่รอตอบคำถาม แต่จะเป็นเหมือนผู้ช่วยเสมือนจริงที่สามารถวางแผนและลงมือทำให้งานสำเร็จได้ด้วยตนเอง

นอกจากความฉลาดในโลกดิจิทัลแล้ว ดร.กอบกฤตย์ ยังชี้ให้เห็นถึงการอุบัติขึ้นของ “Physical AI” หรือปัญญาประดิษฐ์ที่มีร่างกายในโลกความเป็นจริง โดยเฉพาะเทรนด์ของหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ (Humanoid Robots) และหุ่นยนต์ช่วยงานในบ้าน (Household Robots) ซึ่งกำลังเป็นวาระแห่งชาติของประเทศจีนที่ต้องการผลักดันให้เป็นเครื่องยนต์เศรษฐกิจใหม่ พร้อมกันนี้ ในฝั่งของซอฟต์แวร์ เราจะเห็นการเติบโตของ “Domain Specific LLMs” หรือโมเดลภาษาเฉพาะทางที่มีความแม่นยำสูงในศาสตร์นั้น ๆ เช่น โมเดลสำหรับนักกฎหมาย หรือโมเดลโหราศาสตร์ไทย ที่มีความลึกซึ้งกว่าโมเดลภาษาทั่วไป

2. พลิกวิกฤติเป็นโอกาส: ใช้ ‘ข้อมูลท้องถิ่น’ สร้างความได้เปรียบเหนือยักษ์ใหญ่

ในขณะที่ทั่วโลกกำลังแข่งขันกันพัฒนาโมเดล AI ขนาดใหญ่ สุกฤษฎิ์ จุลพันธ์ จาก TecTony กลับมองต่างมุมว่า โมเดลเหล่านั้นกำลังจะกลายเป็นของโหล (Commodity) ที่ใครก็ใช้ได้ แต่สิ่งที่ไทยมีและเลียนแบบยากคือ “ข้อมูล” (Data)

คุณสุกฤษฎิ์ขยายความว่า แม้ไทยอาจไม่ใช่เจ้าของเทคโนโลยีต้นน้ำ แต่เรามีจุดแข็งเรื่อง “ข้อมูลเฉพาะถิ่น” (Unique Data)ที่มีความหลากหลายและมีปริมาณมหาศาล ซึ่งหาไม่ได้ในประเทศพัฒนาแล้วบางแห่ง ยกตัวอย่างเช่น ข้อมูลทางการแพทย์ (Medical Data) จากโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำ หรือข้อมูลด้านการท่องเที่ยวและอาหารในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หากเปรียบเทียบกับสิงคโปร์ที่มีความพร้อมด้านเทคโนโลยีแต่มีประชากรน้อย ไทยมีความได้เปรียบเรื่องปริมาณข้อมูล (Volume) ที่มากกว่า ซึ่งสามารถใช้เป็นฐานในการพัฒนาโมเดลเพื่อส่งออกบริการไปยังประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่ม CLMV (กัมพูชา, ลาว, เมียนมา, เวียดนาม) ได้

3. มาตรฐานสากล: ‘ใบเบิกทาง’ ที่ขาดไม่ได้ในปี 2026

เมื่อ AI เริ่มเข้ามาทำงานแทนคนและตัดสินใจในเรื่องสำคัญ โจทย์ใหญ่ที่ตามมาคือ “ความเชื่อมั่น” ดร.ทัชนันท์ กังวานตระกูล จาก ISEM เน้นย้ำว่า ปี 2026 จะเป็นปีที่ภาคธุรกิจต้องให้ความสำคัญกับ “มาตรฐาน” (Standards) อย่างจริงจัง โดยเฉพาะมาตรฐาน ISO/IEC 42001 ซึ่งเป็นระบบบริหารจัดการปัญญาประดิษฐ์

ดร.ทัชนันท์ เปรียบเทียบให้เห็นภาพว่า การนำ AI มาใช้ก็เหมือนการจ้างวิชาชีพเฉพาะทางอย่างหมอหรือวิศวกร ซึ่งจำเป็นต้องมีใบประกอบวิชาชีพเพื่อยืนยันความสามารถและความปลอดภัย การมีมาตรฐานรับรองไม่ได้เป็นเพียงการทำตามกฎระเบียบ แต่เป็นกลยุทธ์สำคัญที่จะช่วย “การันตี” ให้กับคู่ค้าและนักลงทุนเห็นว่า ระบบ AI ของเรามีความโปร่งใส (Transparency) มีจริยธรรม และมีการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม ซึ่งจะเป็นเกราะป้องกันตัวผู้พัฒนาและสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้งานว่าข้อมูลจะไม่ถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด

4. ก้าวข้ามกับดัก ‘ซอฟต์แวร์ไทย’ สู่ ‘ผลลัพธ์ระดับโลก’

ปิดท้ายด้วยมุมมองจากสนามจริง คุณทัชพล ไกรสิงขร จาก Amity Solutions ซึ่งบริหารบริษัทซอฟต์แวร์ที่มีรายได้กว่า 5 พันล้านบาท ให้ข้อคิดสำหรับปี 2026 ว่า ยุคของการขายงานด้วยความรู้สึกชาตินิยมว่า “ช่วยอุดหนุนซอฟต์แวร์คนไทย” นั้นจบลงแล้ว ในตลาดโลก ลูกค้าไม่ได้สนใจสัญชาติของผู้ผลิต แต่สนใจว่าเทคโนโลยีนั้น “สร้างผลลัพธ์” (Results) ได้จริงหรือไม่

คุณทัชพลแนะนำว่า ธุรกิจไทยต้องเปลี่ยนวิธีคิดจากการรับจ้างพัฒนาโครงการ (Project-based) มาเป็นการสร้างผลิตภัณฑ์ (Product-based) ที่วัดผลความคุ้มค่าได้ชัดเจน เช่น สามารถลดเวลาการทำงานได้กี่ชั่วโมง หรือประหยัดต้นทุนได้กี่เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ ยังชี้เป้าโอกาสใหม่ในตลาดโลก คือบริการ AI Red Teaming หรือการทดสอบเจาะระบบความปลอดภัยของ AI เพื่อหาจุดอ่อน ซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการอย่างมากในองค์กรชั้นนำทั่วโลกที่ต้องการความมั่นใจก่อนนำ AI ไปใช้งานจริง

ปี 2026 จึงไม่ใช่ปีของการตื่นตระหนกไปกับกระแสเทคโนโลยี แต่เป็นปีแห่งโอกาสสำหรับผู้ที่พร้อมปรับตัว ธุรกิจไทยมีศักยภาพที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นสำคัญในภูมิภาคได้ หากสามารถผสานพลังของเทคโนโลยี Agentic AI เข้ากับขุมทรัพย์ข้อมูลท้องถิ่น และยกระดับตัวเองด้วยมาตรฐานสากล เพื่อเปลี่ยนจากผู้ตามเทคโนโลยี สู่การเป็นผู้สร้างมูลค่าในยุคเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างแท้จริง

×

Share

ผู้เขียน