การปรับเปลี่ยนยูนิฟอร์มของโรงพยาบาลที่เกิดขึ้นทุก 5 ปี อาจเป็นเพียงวงรอบปกติ แต่สำหรับโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์การเผยโฉมยูนิฟอร์มใหม่ล่าสุดคือการประกาศจุดยืนครั้งสำคัญ เป็นมากกว่าแค่การเปลี่ยนเครื่องแบบ แต่คือ สัญลักษณ์ของการปรับเปลี่ยนตนเอง (Re-invention) เพื่อตอกย้ำวิสัยทัศน์การเป็นผู้นำในโลกของบริการสุขภาพที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
นี่คือบทสรุปของการเดินทางกว่า 1 ปี ด้วยเม็ดเงินลงทุนหลักสิบล้านบาท ซึ่งขับเคลื่อนโดยทีมผู้บริหาร นำโดย นภัส เปาโรหิตย์ Chief Marketing Officer ผู้ดูแลเรื่องการตลาดและภาพลักษณ์ของแบรนด์ และ ภัทรพงศ์ กาฬภักดี Chief Administrative Officer of Ancillary Services, Cancer Center, HIM & HR ผู้ดูแลด้านบุคลากรและฝ่ายสนับสนุน โดยทั้งหมดผ่านกระบวนการ สร้างสรรค์ร่วมกัน (Co-creation) กับดีไซเนอร์ระดับประเทศอย่าง FN (Flynow) เพื่อให้ยูนิฟอร์มทุกชิ้นเป็น “สาร” ที่สื่อถึงตัวตนและเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ของบำรุงราษฎร์
ไม่ใช่แค่ยูนิฟอร์ม แต่คือ “ปรัชญา” ของการไม่หยุดนิ่ง
คุณนภัส มองยูนิฟอร์มว่าเป็นหนึ่งในเครื่องมือสะท้อนปรัชญาขององค์กรที่เชื่อว่า “ธุรกิจโรงพยาบาลไม่มีวันหยุดนิ่ง” ท่ามกลางเทคโนโลยีใหม่ ๆ และทัศนคติของผู้ป่วยที่เปลี่ยนไป โรงพยาบาลไม่ใช่แค่สถานที่สำหรับความเจ็บป่วยอีกต่อไป แต่เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางสุขภาพแบบองค์รวม
–รพ.บำรุงราษฎร์ ชูความสำเร็จ ‘สถาบันโรคหัวใจ’ ขึ้นแท่นเบอร์ 1 เอเชีย
“เราไม่ได้ทำแค่เรื่องยูนิฟอร์ม แต่เราทำในทุก ๆ เรื่อง เราพยายามปรับเปลี่ยนและ Re-invent ตัวเองเพื่อก้าวไปข้างหน้า ให้ทันเทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลงใหม่ ๆ ยูนิฟอร์มก็เป็นหนึ่งในกระบวนการนั้น” คุณนภัส กล่าว
ยูนิฟอร์มใหม่จึงถูกออกแบบมาเพื่อทลายภาพจำเดิม ๆ สู่ภาพลักษณ์ที่ทันสมัย ร่วมสมัย (Contemporary) และมีความเป็นสากลมากขึ้น เพื่อสะท้อนว่าบำรุงราษฎร์พร้อมที่จะเป็นผู้กำหนดทิศทาง (Pace the Way) และสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับการส่งมอบการบริบาล
When Function Meets Fashion: ดีไซน์ที่ตอบโจทย์ทุกคน
หัวใจสำคัญของการออกแบบในครั้งนี้ตั้งอยู่บนแนวคิด ‘When Function Meets Fashion’ ที่ต้องการผสานความสวยงามเข้ากับการใช้งานจริงได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยมีโจทย์หลักคือการสร้างสรรค์ชุดที่ดูเรียบง่าย (Simplicity) แต่ในขณะเดียวกันก็แฝงไปด้วยนวัตกรรมและรายละเอียดที่ลึกซึ้งในทุกมิติ
หนึ่งในนวัตกรรมที่โดดเด่นที่สุด คือการที่ FN ได้สร้างความแตกต่างด้วยการนำ ‘ผ้าพลีท’ มาประยุกต์ใช้กับยูนิฟอร์มโรงพยาบาล ซึ่งถือเป็น ครั้งแรกของวงการ Healthcare ในไทย การออกแบบนี้ไม่เพียงแต่เพิ่มมิติความสวยงามที่แตกต่าง แต่ยังช่วยเสริมความมั่นใจให้พนักงานหญิงเมื่อต้องก้มตัวให้บริการอีกด้วย
นอกเหนือจากดีไซน์แล้ว ในด้านนวัตกรรมวัสดุ เนื้อผ้ายังถูกคัดเลือกมาเป็นพิเศษให้มีเทคโนโลยี Anti-bacteria จึงไม่สะสมเชื้อโรค แห้งเร็ว และไม่ต้องรีด ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดเรื่องสุขอนามัยและความยั่งยืน (Sustainability) ไปพร้อมกัน
ยิ่งไปกว่านั้น ความใส่ใจในรายละเอียดไม่ได้หยุดอยู่แค่ตัวชุด แต่ยังครอบคลุมไปถึงรองเท้า โดยแม้จะไม่ได้ผลิตรองเท้าเอง แต่โรงพยาบาลได้จัดทำเป็น ‘Code of Conduct’ เพื่อแนะนำแบรนด์และรุ่นที่เหมาะสม ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้พนักงานสามารถเลือกคู่ที่เข้ากับสรีระของตนเองได้มากที่สุด
นอกจากนี้ เบื้องหลังการเลือกใช้สีสันในแต่ละแผนก ไม่ได้มาจากเพียงเหตุผลด้านความสวยงาม แต่ผ่านกระบวนการวิจัยและคิดวิเคราะห์อย่างลึกซึ้ง โดยคำนึงถึงผลกระทบทางจิตวิทยาที่มีต่อผู้ป่วยเป็นสำคัญ
ตัวอย่างเช่น สีขาว ซึ่งเป็นภาพจำสากลของพยาบาล ยังคงถูกใช้เป็นสีหลัก เพื่อสร้างความคุ้นเคยและความไว้วางใจให้แก่ผู้ป่วย โดยเฉพาะกลุ่มผู้ป่วยชาวต่างชาติที่หลากหลาย ในขณะที่แผนกผู้ป่วยวิกฤติ (ICU) จะเปลี่ยนมาใช้ สีฟ้า ซึ่งเป็นสีที่ให้ความรู้สึกสงบ เพื่อช่วยลดภาวะ ‘White Coat Syndrome’ หรือความวิตกกังวลที่อาจทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นเมื่อเห็นชุดสีขาว ส่วน สีเขียวและสีเหลือง ที่ใช้ในแผนกบริการลูกค้า ได้รับแรงบันดาลใจโดยตรงมาจาก Brand Identity ของโรงพยาบาลที่เป็นรูปต้นไม้และใบไม้ เพื่อสื่อถึงการเติบโต การเยียวยา และสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายต้อนรับผู้มาเยือน
–เปิดวิสัยทัศน์ บำรุงราษฎร์-กสิกรไทย ใช้นวัตกรรมสร้างอนาคตประเทศไทย
พลังของคนทำงาน: เมื่อ “ความเท่าเทียม” คือสารตั้งต้นของบริการที่เป็นเลิศ
ในมุมมองของ คุณภัทรพงศ์ หัวใจสำคัญของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้คือการลงทุนกับคนทำงาน ซึ่งเป็นฟันเฟืองที่สำคัญที่สุดในการส่งมอบบริการที่เป็นเลิศ โครงการยูนิฟอร์มใหม่จึงเป็นมากกว่าแค่สวัสดิการ แต่เป็นเครื่องมือเชิงกลยุทธ์ในการบริหารทรัพยากรบุคคล
“เรามองว่ายูนิฟอร์มคือสัญลักษณ์ที่จะช่วยให้พนักงานของเรารู้สึกภาคภูมิใจและมั่นใจ พนักงานที่มีความสุขคือสารตั้งต้นที่ดีที่สุด พวกเขาจะส่งต่อพลังบวกนั้นไปสู่การดูแลผู้ป่วยโดยตรง” คุณภัทรพงศ์ กล่าว
ปรัชญาที่ให้ความสำคัญกับคนทำงานนี้ ถูกถ่ายทอดออกมาเป็นการปฏิบัติจริงผ่านหลักการสำคัญหลายประการ
ประการแรกคือ การออกแบบที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นพนักงานส่วนใหญ่ถึง 85% ของโรงพยาบาล โดยยูนิฟอร์มใหม่ได้สะท้อนถึงความทันสมัยและส่งเสริมตัวตนของพวกเขา เพื่อสร้างความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งกับองค์กรอย่างแท้จริง หลักการนี้เชื่อมโยงไปสู่การทลายลำดับชั้นเพื่อสร้างความเท่าเทียมอย่างเป็นรูปธรรม คุณภาพของยูนิฟอร์มจึงไม่ได้ขึ้นอยู่กับตำแหน่ง แต่ถูกกำหนดโดย ‘ฟังก์ชันการใช้งาน’ เป็นหลัก เพื่อให้มั่นใจว่าพนักงานทุกคนจะได้รับเครื่องแบบที่ดีที่สุดและเหมาะสมกับหน้าที่ความรับผิดชอบของตนเอง ซึ่งถือเป็นการแสดงความเคารพในทุกบทบาท
ประการต่อมาคือ การปลูกฝังวัฒนธรรมแห่งภารกิจร่วมกัน โดยบำรุงราษฎร์ต้องการให้พนักงานทุกคนรู้สึกว่าตนเองเป็นส่วนสำคัญในการดูแลผู้ป่วย ไม่ต่างจากเรื่องเล่าของภารโรงในองค์การ NASA ที่ตอบอย่างภาคภูมิใจว่าหน้าที่ของเขาคือ ‘การช่วยส่งคนไปดวงจันทร์’ ซึ่งวัฒนธรรมนี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อองค์กรรับฟังและพร้อมปรับปรุงอยู่เสมอ ดังนั้นโรงพยาบาลจึงได้สร้างช่องทางการสื่อสารอย่างต่อเนื่อง เช่น ‘Talk to CEO’ และ ‘Talk to HR’ เพื่อนำความคิดเห็นของพนักงานไปพัฒนาต่อยอด ซึ่งสะท้อนถึงความจริงใจในการดูแลบุคลากรอย่างแท้จริง
เบื้องหลังความสำเร็จ: การเดินทางกว่า 1 ปี และการเลือกพันธมิตรที่ “ใช่”
ความสำเร็จของโครงการนี้ไม่ได้เกิดขึ้นชั่วข้ามคืน แต่เป็นผลลัพธ์ของกระบวนการที่วางแผนอย่างรัดกุมและใส่ใจในทุกขั้นตอนตลอดระยะเวลากว่า 1 ปีเต็ม ซึ่งถือเป็นโครงการด้านการบริหารการเปลี่ยนแปลง (Change Management) ที่สำคัญขององค์กร
คุณนภัสและคุณภัทรพงศ์เล่าว่า จุดเริ่มต้นมาจากการพิจารณาข้อเสนอจากบริษัทดีไซน์ชั้นนำ โดยมีหลักการคัดเลือกที่ชัดเจนว่า ปัจจัยด้านราคาไม่ใช่ตัวแปรสำคัญที่สุด แต่คือการค้นหา ‘พันธมิตรที่ใช่’ ผู้ซึ่งเข้าใจวิสัยทัศน์และกล้าที่จะคิดต่าง ซึ่ง FN (Flynow) ได้พิสูจน์ตัวเองในฐานะ ‘คนที่ใช่’ ผ่านคุณสมบัติที่โดดเด่นหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาข้อมูลเชิงลึกถึง Mayo Clinic ความคิดสร้างสรรค์ที่ฉีกกรอบเดิม ๆ ของวงการแพทย์ด้วยการนำผ้าพลีทมาใช้ และวิสัยทัศน์ด้านความยั่งยืนที่ตรงกัน
กระบวนการทำงานจึงเป็นเหมือน “การเดินทางร่วมกัน” (Co-creation Journey) ในรูปแบบ Turnkey Project ที่ FN ดูแลครบวงจรตั้งแต่การออกแบบจนถึงการผลิตจริง ทำให้มั่นใจได้ว่าผลลัพธ์สุดท้ายจะตรงตามวิสัยทัศน์ที่วางไว้ทุกประการ และด้วยความสำคัญของโครงการนี้ ทีมงานจึงได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากผู้บริหารระดับสูง เพราะทุกคนเล็งเห็นว่านี่คือการลงทุนที่คุ้มค่าเพื่อพนักงานและภาพลักษณ์ขององค์กรในระยะยาว
สู่ภูเก็ตและอนาคตที่ไกลกว่า: มาตรฐานเดียวภายใต้วิสัยทัศน์ที่ใหญ่ขึ้น
ยูนิฟอร์มใหม่ไม่ได้เป็นเพียงสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนแปลงที่กรุงเทพฯ เท่านั้น แต่ยังเป็นคำมั่นสัญญาถึงมาตรฐานเดียวกันในการขยายตัวสู่อนาคต โดยเฉพาะแผนการเปิดโรงพยาบาลแห่งใหม่ที่จังหวัดภูเก็ต ในอีก 2 ปีข้างหน้า ซึ่งถือเป็นการขยายกลยุทธ์เพื่อตอบรับนโยบาย Medical Hub ของประเทศ และรองรับกลุ่มผู้ป่วยจากนานาชาติที่เปลี่ยนแปลงเส้นทางการเดินทาง
แม้จะขยายสาขา แต่บำรุงราษฎร์ยังคงยึดมั่นในโมเดล “Mayo Clinic” ที่ให้ศูนย์กรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลางความเป็นเลิศทางการแพทย์สำหรับเคสที่ซับซ้อน แต่การมีโรงพยาบาลที่ภูเก็ตจะช่วยขยายการเข้าถึงบริการทางการแพทย์คุณภาพสูงได้กว้างขวางขึ้น และยูนิฟอร์มโฉมใหม่นี้จะเป็นภาพสะท้อนแรกที่ผู้ป่วยจะได้เห็นถึง “มาตรฐานบำรุงราษฎร์” ที่ไม่ว่าไปที่ไหนก็ยังคงเหมือนเดิม
ยิ่งไปกว่านั้น วิสัยทัศน์ของบำรุงราษฎร์มองไปไกลกว่าการรักษา แต่คือเป้าหมายเรื่อง Longevity หรือการมีอายุยืนยาวอย่างมีสุขภาพดี (Healthspan) ซึ่งต้องอาศัยการผสานองค์ความรู้ตั้งแต่การป้องกัน การวินิจฉัยที่แม่นยำด้วยเทคโนโลยีอย่าง AI ไปจนถึงการฟื้นฟู เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีในทุกช่วงวัยอย่างแท้จริง
จากเส้นใยสู่ศรัทธา: บทสรุปของคำว่า ‘บำรุงราษฎร์’
ท้ายที่สุดแล้ว เรื่องราวของยูนิฟอร์มใหม่ที่ดูเหมือนเป็นเพียงรายละเอียดปลีกย่อย กลับสะท้อนภาพใหญ่ของปรัชญาที่ขับเคลื่อนโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ได้อย่างครบถ้วน มันคือบทพิสูจน์ว่าองค์กรแห่งนี้ให้ความสำคัญกับทุกมิติ ตั้งแต่การเลือก “เส้นใย” ที่ดีที่สุด เพื่อถักทอเป็นเครื่องแบบที่สร้างความภาคภูมิใจให้แก่พนักงาน
เพราะพวกเขาเชื่อว่า ความภูมิใจของคนทำงาน คือจุดเริ่มต้นของคุณภาพบริการ และคุณภาพบริการที่ยอดเยี่ยม เมื่อผนวกรวมกับความเป็นเลิศทางการแพทย์และนวัตกรรมที่ไม่หยุดนิ่ง คือสิ่งที่สร้าง “ศรัทธา” ให้เกิดขึ้นในใจของผู้ป่วย
ยูนิฟอร์มจึงไม่ใช่แค่เสื้อผ้า แต่เป็นคำมั่นสัญญาที่มองเห็นได้ในทุกวัน เป็นสัญลักษณ์ของการดูแลเอาใจใส่ที่เริ่มต้นจากภายในสู่ภายนอก และตอกย้ำภารกิจในการเป็น “The Most Trusted Healthcare” อย่างสมบูรณ์
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
ถอดรหัสความสุขวัย 40+ ด้วยพลังมหัศจรรย์ของคำว่า ‘ขอบคุณ’
KAsset x J.P. Morgan Asset Management ชูกลยุทธ์ “Multi-Asset 2.0” สร้างพอร์ตหลักให้แกร่ง
