เมื่อเข็มวินาทีเดินไปข้างหน้า บริบทของการดำเนินธุรกิจกลับหมุนเร็วยิ่งกว่า การรอคอยรายงานสรุปผลประกอบการรายเดือนหรือรายสัปดาห์เพื่อใช้ตัดสินใจทางธุรกิจ กลายเป็นวิธีการที่อาจไม่ทันการณ์อีกต่อไป ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือแพลตฟอร์มอย่าง TikTok ที่อัลกอริทึมสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานได้ทันทีภายในเสี้ยววินาทีเพียงแค่กดถูกใจ ปรากฏการณ์นี้สะท้อนให้เห็นว่า นิยามของ “ความเร็ว” และการเข้าถึงข้อมูลแบบเรียลไทม์ (Real-time) ได้กลายเป็นมาตรฐานใหม่ของการทำธุรกิจ
ธีรเดช ดำรงค์พลาสิทธิ์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกลุ่มธุรกิจองค์กร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้ถ่ายทอดมุมมองเชิงลึกในหัวข้อ “จากวิสัยทัศน์สู่ความเร็ว” บรเวที DigitTech ASEAN Thailand โดยเน้นย้ำว่า การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นไฟบังคับที่องค์กรต้องเร่งปรับตัว โดยมี Data และ AI เป็นหัวใจสำคัญ
–กลุ่มทรู ประกาศตั้ง 3 ผู้บริหารรุ่นใหม่ เป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม)
เปลี่ยนเกมธุรกิจ: เลิก “แก้ปัญหาเก่า” มุ่งหน้า “ดักทางอนาคต”
หัวใจสำคัญของการปฏิรูปองค์กรที่คุณธีรเดชเน้นย้ำ คือการเปลี่ยนกระบวนทัศน์จากการตั้งรับ (Reactive) ไปสู่ การคาดการณ์ล่วงหน้า (Predictive)
ในอดีต ผู้บริหารมักคุ้นเคยกับการอ่านรายงานสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ว (Monthly/Weekly Reporting) แต่ในปัจจุบัน ผู้บริหารต้องการข้อมูลที่ใกล้เคียงคำว่า “สด” มากที่สุด (Near Real-time) เพื่อตอบคำถามสำคัญว่า “แล้วจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป” (So what?) การมีข้อมูลแบบ Predictive ช่วยให้องค์กรสามารถจำลองสถานการณ์ (Scenario Planning) ได้ล่วงหน้า เปรียบเสมือนการเตรียมแผนรับมือไว้ทั้งกรณีเลวร้ายที่สุด (Worst Case) และกรณีที่ดีที่สุด (Best Case) ทำให้เมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นจริง องค์กรสามารถจัดสรรทรัพยากรและบริหารความเสี่ยงได้อย่างทันท่วงที
นอกจากนี้ การนำ AI เข้ามาประยุกต์ใช้ยังช่วยให้กระบวนการพยากรณ์เหล่านี้มีต้นทุนที่ต่ำลงและแม่นยำขึ้น ส่งเสริมแนวคิด Fail Forward คือเมื่อเจอปัญหา ให้เรียนรู้และแก้ไขไปข้างหน้าเพื่อไม่ให้เกิดซ้ำ แทนที่จะจมอยู่กับการแก้ปัญหาเดิมๆ
ถอดบทเรียนจาก“ทรูคอร์ปอเรชั่น”: เปลี่ยนข้อมูลให้เป็นมูลค่า
คุณธีรเดชได้ยกตัวอย่างการใช้งานจริง (Use Case) ภายในองค์กรทรูฯ ที่แสดงให้เห็นถึงพลานุภาพของการใช้ Data ขับเคลื่อนการตัดสินใจ
- โครงข่ายอัจฉริยะ (Network Fabric): ทรูเปลี่ยนข้อมูลมหาศาลให้กลายเป็นโครงข่ายข้อมูลเสมือนผืนผ้าที่ครอบคลุมทั้งระบบ ทำให้สามารถตรวจจับความผิดปกติ (Early Detection) ได้ล่วงหน้า ทีมงานสามารถรับรู้ว่าลูกค้าคนไหนกำลังได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ไม่ดีและแก้ไขได้ทันที ก่อนที่ลูกค้าจะร้องเรียน
- การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain Optimization): การใช้ข้อมูลเพื่อการพยากรณ์ (Predictive Data) มีบทบาทสำคัญในธุรกิจค้าปลีกและร้านอาหาร ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถคาดการณ์ยอดขายและการสั่งซื้อวัตถุดิบได้อย่างแม่นยำ ลดปัญหาของเสีย (Waste) และลดต้นทุนการดำเนินงาน หรือแม้แต่การตัดสินใจเข้าร่วมงานอีเวนต์ ก็สามารถใช้ข้อมูลเรียลไทม์วิเคราะห์ความคุ้มค่าและจำนวนผู้เข้าชมงานเพื่อวางแผนสต็อกสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3 เสาหลักและวัฒนธรรมองค์กร: กุญแจสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืน
สำหรับองค์กรที่ต้องการปรับตัวสู่ความเร็วระดับ Real-time คุณธีรเดชระบุว่า ไม่จำเป็นต้องเป็นองค์กรขนาดใหญ่ แต่ต้องมีรากฐาน 3 ประการที่แข็งแกร่ง คือ
- Data (ข้อมูล): เป็นพื้นฐานสำคัญที่สุดในการตัดสินใจ
- Connectivity (การเชื่อมต่อ): โครงสร้างพื้นฐานที่ทำให้การไหลเวียนของข้อมูลรวดเร็วและเสถียร
- Mindset & Culture (กรอบความคิดและวัฒนธรรม): เป็นปัจจัยชี้ขาดความสำเร็จ
คุณธีรเดชให้ความสำคัญกับ “คน” (Peopleware) มากกว่าเทคโนโลยี โดยย้ำว่าการเปลี่ยนแปลงต้องเริ่มที่การปรับ Mindset และสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่พร้อมรับมือกับความขัดแย้ง (Conflict) เพื่อนำไปสู่ความร่วมมือ (Collaboration) ภายใต้หลักการบริหาร 4 ด้านคือ คน (People) กระบวนการ (Process) ระบบ (System) และการเงิน (Financial)
นอกจากนี้ องค์กรยุคใหม่ควรลดการ “ทำเองทุกอย่าง” (Make) แต่หันมาหา “พันธมิตร” (Partner) ที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้านมาช่วยเสริมศักยภาพ เพื่อให้องค์กรโฟกัสกับจุดแข็งของตนเองได้อย่างเต็มที่
ผสานพลังต่างวัย: เปลี่ยนช่องว่างให้เป็นโอกาส
ประเด็นเรื่อง Generation Gap ในที่ทำงานเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่คุณธีรเดชมองว่าเป็นโอกาสทางธุรกิจ หากองค์กรสามารถผสานจุดเด่นของคนต่างรุ่นเข้าด้วยกัน
- คนรุ่นเก๋า (Gen X / Boomer): มีจุดแข็งเรื่อง Experience (ประสบการณ์) และความเข้าใจธุรกิจ
- คนรุ่นใหม่ (Gen Y / Z): มีจุดแข็งเรื่อง Expertise (ความเชี่ยวชาญ) ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม
ทางออกคือการสร้างวัฒนธรรมแห่งความเคารพ (Respect) ในความเชี่ยวชาญที่แตกต่าง และกำหนดเป้าหมาย (Goal) เดียวกันให้ชัดเจน โดยยอมรับว่าวิธีการทำงาน (Jobs to be done) อาจแตกต่างกันได้ พร้อมทั้งปลูกฝังนิสัยการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) ให้กับพนักงานทุกระดับ
–EGG Digital พลิกเกมข้อมูล ผนึก True-CP Axtra เปิดตัวแพลตฟอร์ม ‘AI for Everyone’
เดิมพันอนาคตชาติ: ดัน AI เป็นเครื่องจักรเศรษฐกิจใหม่
ในช่วงท้าย คุณธีรเดชฝากข้อคิดที่สะท้อนถึงความเร่งด่วนของประเทศไทย โดยมองว่า AI ไม่ใช่แค่กระแสเทคโนโลยี แต่เป็น เครื่องจักรขับเคลื่อนการเติบโตของ GDP (GDP Growth Engine) ตัวใหม่ ทรู คอร์ปอเรชั่น ตั้งเป้าว่าการขับเคลื่อนเรื่อง AI จะสามารถช่วยเพิ่ม GDP ของประเทศได้อย่างน้อย 2%
“ไม่ทำตอนนี้ ไม่มีโอกาสอีกแล้ว… ถ้าเราไม่สร้าง Foundation ที่ดีในส่วนของการทำที่เป็นตัว AI เราจะตกขบวนอย่างรุนแรงมาก”
นี่คือภารกิจสำคัญที่ ทรู คอร์ปอเรชั่น มุ่งมั่นที่จะเป็นแกนนำ ทั้งในด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) และการพัฒนาทักษะคนผ่าน True Digital Academy เพื่อเตรียมความพร้อมให้คนไทยและภาคธุรกิจสามารถก้าวทันโลกดิจิทัล และเปลี่ยนผ่านจากการเป็นผู้ตาม สู่การเป็นผู้นำในสนามแข่งขันระดับสากล
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
ไมโครซอฟท์ ประกาศแผน ‘สร้างอนาคตประเทศไทยด้วย AI’ เร่งขับเคลื่อนไทยเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล
Gemini 3: จบยุค Chatbot กูเกิลส่ง ‘AI Agent’ ลงสนาม คิดเอง-ทำเอง-เสกหน้าจอได้จริง




