Story of Business • Technology • Sustainability
Share on
×

Share

Dow พลิกโฉม ‘พลาสติก’ สู่ฮีโร่กู้โลก

“พลาสติก” มักถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ร้ายทำลายสิ่งแวดล้อมในสายตาของคนส่วนใหญ่ แต่ในมุมมองของนักวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญด้านวัสดุศาสตร์ ความจริงอาจกลับตาลปัตร หากเราพิจารณาด้วยข้อมูลเชิงประจักษ์และการวิเคราะห์วงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ (Life Cycle Assessment) จะพบว่าพลาสติกอาจเป็นหนึ่งในวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่สุด หากได้รับการบริหารจัดการอย่างถูกวิธี นี่คือสาระสำคัญที่ วิชาญ ตั้งเคียงศิริลิน ประธานบริหาร กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย (Dow Thailand Group) ได้นำเสนอเพื่อเปิดมุมมองใหม่และสะท้อนทิศทางการดำเนินธุรกิจที่มุ่งสู่ความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม

มายาคติและความจริง: เมื่อพลาสติกสร้างผลกระทบต่ำกว่าวัสดุอื่นถึง 4 เท่า

วิชาญ กล่าวว่า หากเปรียบเทียบผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ คือเริ่มจากกระบวนการผลิต การขนส่ง การใช้งาน ไปจนถึงการจัดการหลังใช้งาน พลาสติกสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม “น้อยกว่า” วัสดุทดแทนอื่น ๆ ที่เราคุ้นเคย เช่น แก้ว โลหะ หรือกระดาษ ถึงประมาณ 4 เท่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้พลาสติกมีความได้เปรียบคือ “ประสิทธิภาพต่อหน่วยน้ำหนัก”

ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคือกรณีศึกษาเรื่องการถนอมอาหาร (Food Preservation) การใช้ฟิล์มพลาสติกเพียง 1.5 กรัม ห่อหุ้มแตงกวาหนึ่งผล สามารถยืดอายุการเก็บรักษาจากเดิมที่อยู่ได้เพียง 3 วัน ให้ยาวนานขึ้นเป็น 14 วัน หรือเพิ่มขึ้นเกือบ 5 เท่า การยืดอายุนี้มีนัยสำคัญอย่างยิ่งในการลด “ขยะอาหาร” (Food Waste) ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดก๊าซเรือนกระจกแหล่งใหญ่ของโลก หากเราปฏิเสธการใช้พลาสติกในกรณีนี้ เราอาจต้องสูญเสียทรัพยากรอาหารจำนวนมหาศาลจากการเน่าเสีย

นอกจากนี้ ในมิติด้านการขนส่ง (Logistics) ด้วยคุณสมบัติที่เบา พลาสติกจึงช่วยประหยัดพลังงานเชื้อเพลิงในการขนส่งสินค้าได้มากกว่าวัสดุที่มีน้ำหนักมากอย่างแก้วหรือโลหะ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Footprint) และแม้กระทั่งในกระบวนการนำกลับมาใช้ใหม่ พลาสติกก็ยังใช้พลังงานและสร้างคาร์บอนน้อยกว่ากระบวนการรีไซเคิลวัสดุประเภทอื่น ๆ

ปักธงเป้าหมายระดับโลก: จากหยุดขยะ สู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน

Dow พลิกโฉม ‘พลาสติก’ สู่ฮีโร่กู้โลก

บริษัท ดาว (Dow) ในฐานะผู้นำด้านวัสดุศาสตร์ที่มีฐานการผลิต 96 แห่งใน 30 ประเทศ และมีศูนย์นวัตกรรม 16 แห่งทั่วโลก ได้ประกาศพันธกิจที่ชัดเจนในการขับเคลื่อนความยั่งยืน โดยวางเป้าหมายไว้อย่างเป็นระบบ เริ่มจากเป้าหมายระยะกลางในปี 2030 ที่มุ่งเน้นเรื่อง “Stop the Waste” หรือการหยุดขยะพลาสติก โดยตั้งเป้าที่จะเปลี่ยนขยะพลาสติกให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์หมุนเวียน หรือนำกลับมาใช้ใหม่ (Circular Product) ให้ได้

ถัดมาคือเป้าหมายสำคัญในปี 2035 หรือ “Close the Loop” ซึ่งระบุว่า ผลิตภัณฑ์แพกเกจจิ้งของ Dow ทั้งหมด 100% ที่จำหน่ายออกไปสู่ท้องตลาด จะต้องสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ หรือรีไซเคิลได้จริงในทางปฏิบัติ และท้ายที่สุดคือเป้าหมายระยะยาวในปี 2050 ที่มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) หรือ Net Zero ซึ่งครอบคลุมกระบวนการผลิตทั้งหมด

นวัตกรรมการออกแบบ: เปลี่ยน “ขยะที่รีไซเคิลไม่ได้” ให้ “หมุนเวียนได้”

เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ท้าทาย Dow ได้ทุ่มเททรัพยากรในการวิจัยและพัฒนา โดยหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญคือ การออกแบบเพื่อการรีไซเคิล (Design for Recyclability) นายวิชาญ อธิบายถึงปัญหาของบรรจุภัณฑ์ในอดีตที่มักเป็นแบบ “หลายชั้น” (Multi-layer) ซึ่งประกอบด้วยวัสดุต่างชนิดกันมาประกบติดกัน เพื่อให้ได้คุณสมบัติที่ต้องการ เช่น กันความชื้น กันแสง แต่ข้อเสียร้ายแรงคือวัสดุเหล่านี้ไม่สามารถแยกออกจากกันเพื่อรีไซเคิลได้

Dow จึงพัฒนานวัตกรรม Mono-material หรือบรรจุภัณฑ์ที่ทำจากพลาสติกชนิดเดียวทั้งหมด แต่ยังคงคุณสมบัติที่ดีเยี่ยมในการปกป้องสินค้า ตัวอย่างความสำเร็จที่เป็นรูปธรรมคือ “หลอดยาสีฟัน” ซึ่งในอดีตถือเป็นขยะกำพร้าที่รีไซเคิลไม่ได้เพราะมีชั้นอลูมิเนียมแทรกอยู่ แต่ปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีของ Dow ผู้ผลิตสามารถผลิตหลอดยาสีฟันจากพลาสติกชนิดเดียว ซึ่งสามารถทิ้งลงถังรีไซเคิลและนำกลับมาหลอมใช้ใหม่ได้ทันที เป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุอย่างแท้จริง

Advanced Recycling: เทคโนโลยีเปลี่ยนโลก เปลี่ยนขยะคืนสู่สภาพพลาสติกบริสุทธิ์

อีกหนึ่งจิ๊กซอว์สำคัญที่ นายวิชาญ เน้นย้ำคือการจัดการกับพลาสติกที่ “รีไซเคิลยาก” เช่น ฟิล์มบาง ถุงขนม หรือพลาสติกที่มีการปนเปื้อน ซึ่งการรีไซเคิลแบบดั้งเดิม (Mechanical Recycling) มักทำได้ยากหรือได้พลาสติกคุณภาพต่ำลง (Downcycling) Dow จึงมุ่งเน้นพัฒนาเทคโนโลยี Advanced Recycling หรือการรีไซเคิลเชิงเคมี

กระบวนการนี้เปรียบเสมือนการย้อนเวลาให้กับพลาสติก โดยการนำขยะพลาสติกมาผ่านกระบวนการความร้อนและเคมี เพื่อแตกตัวโครงสร้างกลับไปเป็น วัตถุดิบตั้งต้น (Circular Feedstock) ที่มีสถานะเป็นของเหลวหรือก๊าซ ซึ่งสามารถนำกลับมาผลิตเป็นเม็ดพลาสติกใหม่ที่มีคุณภาพเทียบเท่ากับพลาสติกบริสุทธิ์ (Virgin Plastic) 100% ทำให้สามารถนำไปใช้ผลิตบรรจุภัณฑ์ใส่อาหารหรือเวชภัณฑ์ที่ต้องการความสะอาดสูงได้ ซึ่งการรีไซเคิลแบบเดิมทำไม่ได้

ในประเทศไทย Dow ได้จับมือกับพันธมิตรสำคัญอย่าง เอสซีจี เคมีคอลส์ (SCG Chemicals) โดยมีการลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) เพื่อร่วมกันพัฒนาเทคโนโลยีนี้ โดยมีเป้าหมายที่จะนำขยะพลาสติกในประเทศไทยกว่า 200,000 ตันต่อปี กลับมาหมุนเวียนเป็นวัตถุดิบตั้งต้นภายในปี 2030 ซึ่งไม่เพียงช่วยลดปริมาณขยะฝังกลบ แต่ยังลดการใช้น้ำมันดิบซึ่งเป็นทรัพยากรใช้แล้วหมดไปอีกด้วย

ทางเลือกใหม่ของวัสดุ: Bio-based Plastic และบทบาทของแบรนด์ชั้นนำ

นอกเหนือจากการจัดการขยะ Dow ยังมองหาแหล่งวัตถุดิบใหม่เพื่อลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล ผ่านนวัตกรรม Bio-based Materials หรือพลาสติกชีวภาพ โดยจุดเด่นของ Dow คือการเลือกใช้วัตถุดิบที่เป็น “ของเหลือทิ้ง” จากอุตสาหกรรมอื่น เช่น ของเหลือจากกระบวนการผลิตกระดาษ (Tall Oil) มาเป็นสารตั้งต้นในการผลิตพลาสติก วิธีการนี้ช่วยหลีกเลี่ยงประเด็นจริยธรรมเรื่องการแย่งพื้นที่เพาะปลูกอาหารของมนุษย์ (Food Chain Competition) ซึ่งแตกต่างจากพลาสติกชีวภาพแบบเดิมที่มักผลิตจากพืชผลทางการเกษตร

นอกจากนี้ ในฝั่งของการสร้างตลาดรองรับพลาสติกรีไซเคิล Dow ได้ร่วมมือกับเจ้าของแบรนด์สินค้า (Brand Owners) ระดับโลก อาทิ Sanko Band และ Makita ในการนำเม็ดพลาสติกรีไซเคิล (Post-consumer Recycled Resin – PCR) ไปใช้เป็นส่วนประกอบของบรรจุภัณฑ์หรือตัวสินค้าจริง เพื่อแสดงให้เห็นว่าพลาสติกรีไซเคิลมีความแข็งแรง สวยงาม และใช้งานได้จริง สร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคและกระตุ้นให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียนที่ครบวงจร

โมเดลต้นแบบ “บ้านฉาง”: พลังชุมชนคือกุญแจความสำเร็จ

ท้ายที่สุด เทคโนโลยีเพียงอย่างเดียวไม่สามารถแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมได้ หากขาดความร่วมมือจาก “คน” ตัวอย่างความสำเร็จคือโครงการ Material Recovery Facility (MRF) ที่อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง ซึ่งเป็นโมเดลต้นแบบการจัดการขยะที่ Dow ร่วมมือกับเทศบาลและชุมชน

โครงการนี้พิสูจน์ให้เห็นว่า “ระบบนิเวศ” (Ecosystem) ที่แข็งแรงต้องเริ่มจากการคัดแยกขยะตั้งแต่ต้นทางที่ครัวเรือน เมื่อชุมชนมีความรู้และมีส่วนร่วม ขยะที่เคยไร้ค่าจะถูกส่งต่อเข้าสู่โรงคัดแยกที่มีประสิทธิภาพ และส่งต่อไปยังโรงงานรีไซเคิลเพื่อผลิตเป็นเม็ดพลาสติกใหม่ เป็นการหมุนเวียนทรัพยากรกลับมาใช้ใหม่อย่างคุ้มค่าที่สุด

วิสัยทัศน์ของ วิชาญ ตั้งเคียงศิริลิน สะท้อนให้เห็นว่า “วิกฤติ” สิ่งแวดล้อมในปัจจุบัน ไม่ได้เกิดจากตัววัสดุพลาสติกเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากการบริหารจัดการที่ไม่สมบูรณ์ การเดินหน้าสู่เป้าหมาย Net Zero ของ Dow จึงไม่ใช่การประกาศเลิกใช้พลาสติก แต่คือการปฏิวัติวงการด้วยนวัตกรรม ทั้งการออกแบบ (Mono-material) เทคโนโลยีการผลิต (Advanced Recycling) และการสร้างความร่วมมือทางสังคม เพื่อให้พลาสติกยังคงเป็นวัสดุที่อำนวยความสะดวกให้มนุษย์ แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นมิตรต่อโลกอย่างยั่งยืนและแท้จริง

×

Share

ผู้เขียน