Share on
×

Share

เปิดวิสัยทัศน์ บำรุงราษฎร์-กสิกรไทย ใช้นวัตกรรมสร้างอนาคตประเทศไทย

เปิดวิสัยทัศน์ บำรุงราษฎร์-กสิกรไทย ใช้นวัตกรรมสร้างอนาคตประเทศไทย

ในยุคที่โลกหมุนไปอย่างรวดเร็วด้วยเทคโนโลยี หลายองค์กรอาจมุ่งเน้นการใช้นวัตกรรมเพื่อสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจ แต่สำหรับสององค์กรยักษ์ใหญ่จากสองอุตสาหกรรมที่เป็นเสาหลักของประเทศอย่างโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์และธนาคารกสิกรไทย “นวัตกรรม” มีความหมายที่ลึกซึ้งและยิ่งใหญ่กว่านั้น มันคือเครื่องมือในการสร้างผลกระทบเชิงบวก (Impact) และขับเคลื่อนอนาคตของสังคมไทยอย่างยั่งยืน

บนเวทีเสวนาหัวข้อ “Driving Innovation for Impact” ในงาน Future Forum 2025 ซึ่งจัดโดยสมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) ดร.อาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล และ พิพิธ เอนกนิธิ ประธานกิจยั่งยืน ธนาคารกสิกรไทย ได้มาเผยวิสัยทัศน์ที่สะท้อนให้เห็นว่า แม้จะอยู่ในบริบทธุรกิจที่แตกต่างกัน แต่หัวใจของการเป็นผู้นำที่แท้จริงกลับมีจุดร่วมเดียวกัน นั่นคือการมองไกลกว่าตัวเลขผลกำไร และมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งของการยกระดับประเทศ

บำรุงราษฎร์: ขับเคลื่อนนวัตกรรมการแพทย์ ด้วยหัวใจของความเป็นมนุษย์

ดร.อาทิรัตน์กล่าวว่า ธุรกิจสุขภาพ (Healthcare) เป็นธุรกิจที่มีพลวัตสูงและเกี่ยวข้องกับชีวิตมนุษย์โดยตรง ดังนั้น การพัฒนาจึงไม่ใช่ทางเลือกแต่เป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องทำทุกวันให้ดีขึ้น (Continuous Improvement) สำหรับบำรุงราษฎร์ นวัตกรรมไม่ได้จำกัดอยู่แค่เทคโนโลยีทางการแพทย์ แต่ถูกฝังลึกอยู่ในวัฒนธรรมองค์กรผ่านแกนหลัก 3 ประการ ซึ่งประกอบด้วย

  1. Inclusion (การยอมรับความแตกต่าง) คือนวัตกรรมด้านการบริหารคนที่สำคัญอย่างยิ่งในองค์กรที่ต้องดูแลผู้ป่วยจาก 190 ประเทศทั่วโลก ซึ่งทำให้พยาบาลต้องรับมือกับภาษาที่หลากหลาย ทั้งอารบิก พม่า เอธิโอเปีย และบังคลาเทศ การสร้างวัฒนธรรมที่เปิดกว้าง คือกุญแจสำคัญในการรักษาบุคลากรคุณภาพรุ่นใหม่และมอบบริการที่เป็นเลิศ
  2. Agility (ความคล่องตัว) ความคล่องตัวได้พิสูจน์คุณค่าอย่างชัดเจนในช่วงวิกฤตโควิด-19 ที่รายได้จากผู้ป่วยต่างชาติซึ่งเคยสูงถึง 67% หายไป ทำให้จำนวนผู้ป่วยลดลงอย่างมากและผลกำไรเหลือเพียงตัวเลขหลักเดียว แต่ด้วยความสามารถในการปรับตัวอย่างรวดเร็ว เช่น การริเริ่มการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) ทำให้บำรุงราษฎร์ฝ่าวิกฤตมาได้โดยยึดมั่นในนโยบาย ไม่เคยเลิกจ้างพนักงาน ตลอด 45 ปีของการก่อตั้ง
  3. Innovation & Caring (นวัตกรรมและการดูแลด้วยใจ) นวัตกรรมทางการแพทย์ของบำรุงราษฎร์ก้าวไปไกลกว่าที่หลายคนคิด

และนี่คือตัวอย่างที่เป็นรูปธรรม คือ การผ่าตัดแผลเล็ก (Minimally Invasive) เทคโนโลยีอย่างการ ใช้ไอน้ำ รักษาต่อมลูกหมาก หรือ หุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด ที่ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลาย แม้ช่วงแรกจะต้องเผชิญกับทัศนคติของแพทย์ที่เชื่อว่า “ผมผ่าตัดเก่งกว่าหุ่นยนต์” แต่วันนี้มีแพทย์ที่ใช้หุ่นยนต์เกือบ 40 ท่าน ครอบคลุมทั้งศัลยกรรมทั่วไป นรีเวช และมะเร็งเต้านม เพื่อเพิ่มความแม่นยำและสร้างมาตรฐานการรักษา

การแพทย์เชิงป้องกัน (Predictive & Preventive Medicine) การตรวจยีนได้กลายเป็นเรื่องปกติ เพื่อค้นหาความเสี่ยงของโรคต่าง ๆ รวมถึงยีนที่เกี่ยวข้องกับโภชนาการสำหรับคนที่รู้สึกว่า “แค่หายใจก็อ้วนแล้ว” ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ (Vitalife) จะมองลึกไปกว่าค่าปกติในใบตรวจสุขภาพ แต่จะวิเคราะห์แนวโน้มที่กำลังจะผิดปกติ เพื่อป้องกันก่อนเกิดโรค ซึ่งเป็นศาสตร์ที่มองลึกถึงปัจจัยเสี่ยงรอบตัว แม้กระทั่งสารพิษจากสีทาบ้าน

การนำ AI มาใช้จริง บำรุงราษฎร์เริ่มใช้ AI ตั้งแต่ปี 2015 เพื่อช่วยแพทย์วางแผนการรักษามะเร็ง และปัจจุบัน AI ได้กลายเป็นผู้ช่วยที่ขาดไม่ได้ในการอ่านผลวินิจฉัยจากภาพถ่ายทางการแพทย์ ซึ่งดร.อาทิรัตน์ ชี้ว่า AI จะไม่ได้มาแทนคน แต่ จะมาแทนคนที่ไม่ยอมใช้ AI อย่างไรก็ตาม ในทางการแพทย์มนุษย์ยังคงต้องรับผิดชอบสูงสุด เพราะสภาวิชาชีพกำหนดให้แพทย์ต้องเป็นผู้ลงนามรับรองผลการรักษา ทำให้ AI เป็นได้เพียงเครื่องมือสนับสนุนที่มีความสามารถมาก

อย่างไรก็ตาม ดร. อาทิรัตน์ย้ำว่า ท่ามกลางเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย สิ่งที่จะมาทดแทนไม่ได้คือ “Human Touch” หรือการดูแลด้วยหัวใจของความเป็นมนุษย์ ซึ่งยังคงเป็นความได้เปรียบในการแข่งขันที่สำคัญที่สุด

กสิกรไทย: พลิกบทบาทธนาคาร สู่กลไกขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงของประเทศ

พิพิธกล่าวว่า บทบาทของสถาบันการเงิน เปลี่ยนจากเดิมที่มุ่งเน้นการสร้างผลกำไรให้ผู้ถือหุ้น (Shareholder Value) ไปสู่การเป็นพลังในการปฏิรูปประเทศไทย (Transform Thailand)

โจทย์นี้เกิดจากการมองเห็นปัญหาเชิงโครงสร้างของประเทศที่น่ากังวล ไม่ว่าจะเป็นผลิตภาพ (Productivity) ที่ต่ำกว่ามาเลเซียเกือบเท่าตัวและต่ำกว่าสิงคโปร์ถึง 6 เท่า ปัญหาทักษะแรงงานไม่ตรงความต้องการ หนี้สาธารณะที่ชนเพดาน และความพร้อมด้าน AI ที่อยู่ในอันดับ 9 ของเอเชียแปซิฟิก KBank จึงเปลี่ยนมุมมองในการขับเคลื่อนองค์กรผ่าน “3 เลนส์” ที่มองกว้างและลึกกว่าเดิม คือ 1) เลนส์การเงิน (Financial Lens) มุมมองดั้งเดิมที่ยังคงต้องรักษาไว้ คือการดำเนินธุรกิจให้มีผลกำไร 2) เลนส์ระบบนิเวศ (Ecosystem Lens) มองว่าธนาคารจะอยู่รอดไม่ได้ถ้าระบบนิเวศทางธุรกิจ โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจขนาดกลาง (ไซส์ M) ที่เป็นกระดูกสันหลังของประเทศไปไม่รอด จึงต้องสร้างนวัตกรรมเพื่อช่วยเหลือให้ลูกค้าแข็งแรงและเติบโตไปด้วยกัน และ 3) เลนส์สังคมและสิ่งแวดล้อม (Socio-Ecological Lens) มุมมองที่กว้างที่สุด คือการตระหนักว่าธนาคารเป็นส่วนหนึ่งของสังคมและโลกใบนี้ จึงต้องมีส่วนร่วมรับผิดชอบในการแก้ปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อม (ESG) เพื่อสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน

เพื่อผลักดันวิสัยทัศน์นี้ให้เกิดขึ้นจริง กสิกรไทยได้ริเริ่มโครงการที่เป็นรูปธรรมมากมาย เช่น การตั้งบริษัทเพื่อนำซอฟต์แวร์ระดับโลก มาให้บริการโรงแรมขนาดเล็กในราคาที่เข้าถึงได้ แก้ปัญหาที่เคยเสียเปรียบโรงแรมใหญ่ หรือการตั้งบริษัทเพื่อทำหน้าที่ให้คำปรึกษาเรื่องการวัดผลและทวนสอบคาร์บอนแก่ลูกค้า

ซึ่งพิพิธมองว่า “แม้จะไม่ใช่หน้าที่ของแบงก์เกอร์โดยตรง แต่ถ้าเราสามารถช่วยลูกค้าจำนวนมากได้ในสเกลที่ใหญ่ มันก็คือหน้าที่ของเรา”

วิสัยทัศน์ที่ไกลที่สุด คือการใช้กลไกทางการเงินเพื่อแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างของประเทศ

พิพิธอธิบายว่า ปัจจุบันเงินบริจาคในไทยมีมูลค่าราว 120,000 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่มาจากบุคคลทั่วไป หากสามารถใช้กลไกตลาดทุนเข้ามาต่อยอดเงินก้อนนี้ โดยมีภาครัฐค้ำประกัน มีผลตอบแทนเล็กน้อย และให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี จะสามารถระดมทุนจากภาคเอกชนและองค์กรขนาดใหญ่ให้เพิ่มขึ้นเป็น 500,000 ล้านบาท ได้ ซึ่งเงินจำนวนมหาศาลนี้สามารถนำไปใช้แก้ปัญหาที่ฝังรากลึกของประเทศ เช่น การศึกษา หรือสาธารณสุข ที่งบประมาณปกติของรัฐบาลไม่สามารถจัดสรรได้เพียงพอ

วิสัยทัศน์ของผู้นำทั้งสององค์กรตอกย้ำสัจธรรมที่ว่าเทคโนโลยีและนวัตกรรมเป็นเพียงเครื่องมือที่ไร้ความหมาย หากปราศจากความเป็นผู้นำที่ตั้งเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ มีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน และมีความสามารถในการสื่อสารเพื่อสร้างการยอมรับและขับเคลื่อนบุคลากร โดยเฉพาะ “คนเก่ง” ที่การเปลี่ยนแปลงทำได้ยากที่สุด

และการสร้างอนาคตไม่ใช่การรอให้การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น แต่คือการลุกขึ้นมาเป็น “ผู้สร้างอนาคต” เสียเอง ด้วยหัวใจที่เปี่ยมด้วยความมุ่งมั่น (Passion) และเป้าประสงค์ (Purpose) ที่ไม่ได้จำกัดอยู่แค่รั้วขององค์กร แต่ขยายขอบเขตไปถึงความเป็นอยู่ที่ดีของคนไทยและโลกใบนี้

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

Meta ชูไทยผู้นำ ‘แชตคอมเมิร์ซ’ ส่ง AI Agent ช่วยปิดการขายอัตโนมัติ

LINE ชู ‘Mini App’ กลยุทธ์ใหม่ ทางรอดธุรกิจยุคแอปฯล้นจอ-ต้นทุนพุ่ง

×

Share

ผู้เขียน