ในทุกสำนักงาน เครื่องพิมพ์และเครื่องถ่ายเอกสารถือเป็นอุปกรณ์สามัญที่อำนวยความสะดวกจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของลมหายใจในการทำงาน แต่ใครจะคาดคิดว่าเบื้องหลังความสะดวกสบายนั้น อาจมี “ภัยเงียบ” ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของพนักงานโดยตรงซ่อนอยู่
ประเด็นเรื่อง “ฝุ่นผงหมึก” (Toner Dust) จากเครื่องพิมพ์เลเซอร์ได้ถูกปลุกขึ้นมาให้สังคมตระหนักถึงอันตรายอีกครั้งอย่างทรงพลัง เมื่อ รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ นักวิชาการด้านวิทยาศาสตร์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ออกมาให้ข้อมูลเชิงลึก กระตุกให้องค์กรและพนักงานออฟฟิศต้องหันมาทบทวนถึงสภาพแวดล้อมที่พวกเขาใช้ชีวิตอยู่ทุกวัน
นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของฝุ่นละอองที่น่ารำคาญ แต่คือสัญญาณเตือนที่เชื่อมโยงโดยตรงกับเมกะเทรนด์ระดับโลกอย่าง การพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals) โดยเฉพาะเป้าหมายที่ 3 (สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี) และเป้าหมายที่ 8 (การทำงานที่มีคุณค่าและปลอดภัย) ซึ่งกำลังกลายเป็นมาตรฐานใหม่ที่องค์กรสมัยใหม่ไม่อาจเพิกเฉยได้อีกต่อไป
เจาะลึกอันตรายที่มองไม่เห็น: จากการระคายเคืองสู่ความเสี่ยงโรคร้าย

ประเด็นสำคัญที่ รศ.ดร.เจษฎา ชี้ให้เห็นคืออันตรายของฝุ่นผงหมึกและสารเคมีที่ระเหยจากเครื่องพิมพ์เลเซอร์นั้น ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เพียงอาการระยะสั้น เช่น การระคายเคืองระบบทางเดินหายใจ แสบตา หรือปวดศีรษะ แต่สิ่งที่น่ากังวลกว่าคือความเสี่ยงในระยะยาวที่อาจนำไปสู่โรคร้ายแรงอย่างมะเร็ง หรือโรคหัวใจและหลอดเลือด
สิ่งที่ตอกย้ำความน่ากังวลคือ อนุภาคขนาดนาโนเมตรที่ฟุ้งกระจายออกมาในกระบวนการพิมพ์ ซึ่งมีขนาดเล็กมากพอที่จะทะลุทะลวงเข้าสู่ร่างกายได้ลึกถึงระดับเซลล์และยีน งานวิจัยระดับนานาชาติจากมหาวิทยาลัย West Virginia และ Xi’an Jiaotong ยืนยันถึงผลกระทบเชิงลบที่อาจเกิดขึ้นในระดับพันธุกรรม ยิ่งในสภาพแวดล้อมปิดอย่างห้องทำงานที่ระบบระบายอากาศไม่ดีพอ อนุภาคเหล่านี้จะแขวนลอยอยู่ในอากาศเป็นเวลานาน เพิ่มความเสี่ยงให้กับผู้ที่นั่งทำงานใกล้เครื่องพิมพ์โดยไม่รู้ตัว
เรื่องนี้ไม่ใช่เพียงความเห็นของนักวิชาการ แต่ยังได้รับการยืนยันจากหน่วยงานภาครัฐ โดยกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เคยออกประกาศเตือนอย่างเป็นทางการถึงความเสี่ยงต่อสุขภาพจากการสูดดมผงหมึกและไอระเหย พร้อมทั้งให้คำแนะนำที่ชัดเจน ตั้งแต่การติดตั้งเครื่องในที่อากาศถ่ายเทสะดวก ไปจนถึงการสวมอุปกรณ์ป้องกัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่านี่คือปัญหาด้านอาชีวอนามัยที่ถูกรับรองแล้ว และไม่ใช่เรื่องที่องค์กรจะมองข้ามได้
ทางออกเพื่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม: เทคโนโลยีที่ไม่สร้าง ‘ภัยเงียบ’
ท่ามกลางความกังวลที่ก่อตัวขึ้น เทคโนโลยีได้มอบคำตอบที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรม นั่นคือ เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อปิดช่องโหว่ด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อมที่เครื่องพิมพ์เลเซอร์ทิ้งไว้ เอปสัน (Epson) ในฐานะผู้นำตลาดโลกที่มียอดขายเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท EcoTank ทะลุ 100 ล้านเครื่องทั่วโลก ได้นำเสนอ เทคโนโลยี Heat-Free ที่ไม่เพียงแต่ประหยัดพลังงาน แต่ยังสามารถขจัดปัญหาฝุ่นผงหมึกได้อย่างสิ้นเชิง
หัวใจสำคัญของเทคโนโลยีนี้คือการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัยแบบ Zero Toner Dust ได้ 100% โดยมีหลักการทำงานที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง
เครื่องพิมพ์เลเซอร์ ใช้ความร้อนสูงในการหลอมผงหมึก (โทนเนอร์) ให้ติดบนกระดาษ กระบวนการนี้เองที่ก่อให้เกิดการปล่อยอนุภาคขนาดเล็กและสารเคมีระเหยสู่อากาศ นอกจากนี้ การเปลี่ยนตลับโทนเนอร์หรือการดูแลรักษายังมีความเสี่ยงที่ผงหมึกจะรั่วไหลหรือฟุ้งกระจายได้
เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท Heat-Free ใช้หมึกเหลวพ่นลงบนกระดาษโดยตรงผ่านหัวพิมพ์ความแม่นยำสูง (PrecisionCore) โดยไม่ต้องใช้ความร้อนในกระบวนการพิมพ์ จึงตัดวงจรการเกิดฝุ่นผงหมึกและไอระเหยที่เป็นอันตรายตั้งแต่ต้นทาง
นอกจากประโยชน์ด้านสุขภาพที่ชัดเจนแล้ว เทคโนโลยี Heat-Free ยังตอบโจทย์ด้านความยั่งยืนเพราะเมื่อไม่มีการใช้ความร้อน จึงประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้มากกว่าเครื่องพิมพ์เลเซอร์หลายเท่า ช่วยลดค่าใช้จ่ายและลดการปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร ทั้งยังลดปริมาณขยะจากวัสดุสิ้นเปลืองและอะไหล่ที่เกี่ยวข้องกับความร้อนได้อย่างมีนัยสำคัญ
ถึงเวลาเลือกอนาคต: สุขภาพพนักงานและความยั่งยืนขององค์กร
การตัดสินใจเปลี่ยนจากเครื่องพิมพ์เลเซอร์มาเป็นอิงค์เจ็ทจึงไม่ใช่แค่การอัปเกรดอุปกรณ์สำนักงาน แต่คือการลงทุนที่สะท้อนวิสัยทัศน์ของผู้บริหาร เป็นการเลือกมอบ สภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัย ให้กับบุคลากรซึ่งเป็นหัวใจสำคัญขององค์กร และเป็นการเลือกเดินบนเส้นทางแห่ง ความยั่งยืน ที่สอดคล้องกับทิศทางของโลกยุคใหม่
ดังที่ รศ.ดร.เจษฎา ได้กล่าวเตือนไว้ ปัญหาจากฝุ่นผงหมึกไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยหรือเรื่องที่นิ่งนอนใจได้อีกต่อไป องค์กรที่ยังคงละเลย ก็ไม่ต่างจากการปิดหูปิดตาต่อความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจริงกับสุขภาพของพนักงาน
ถึงเวลาแล้วที่ทุกภาคส่วนจะต้องหันมาให้ความสำคัญกับการสร้างออฟฟิศปลอดฝุ่นผงหมึก และตัดสินใจเลือกเทคโนโลยีที่ไม่เพียงเพิ่มประสิทธิภาพ แต่ยังต้องไม่ทำร้ายคนในองค์กรและโลกใบนี้ไปพร้อมกัน
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
กลุ่มรพ.รามคำแหง รีแบรนด์สลัดภาพ ‘รพ.ผู้สูงวัย’ มุ่งเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่
เปิดขุมทรัพย์ Longevity: ชู ‘Healthspan’ ทองคำใหม่ท่องเที่ยวไทย




