ทีเอ็มบีธนชาต (ทีทีบี) เปิดผลวิเคราะห์ข้อมูลเครดิตบูโร 25 ล้านคน และข้อมูลสุขภาพทางการเงินมนุษย์เงินเดือนอีกนับแสนราย พบภาพจริงที่น่ากังวล ชนชั้นกลางและมนุษย์เงินเดือน The แบก ตัวจริงของเศรษฐกิจ กำลังเผชิญความเปราะบางทางการเงินขั้นรุนแรง ตอกย้ำด้วยสถิติ 10 ปีที่ผ่านมา รายได้เฉลี่ยคนไทยโตเพียง 14% แต่หนี้สินเชื่อส่วนบุคคลที่ดอกเบี้ยสูงกลับพุ่งทะยานถึง 200% สะท้อนภาวะรายได้โตไม่ทันหนี้
นริศ สถาผลเดชา ประธานกลุ่มงาน Data และ Analytics ทีเอ็มบีธนชาต (ทีทีบี analytics) เปิดประเด็นชวนคิดว่า แม้ตัวเลขหนี้ครัวเรือนไทยต่อ GDP ที่ 87% จะดูเหมือนลดลงจากช่วงโควิด (91-92%) และมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง แต่นั่นเป็นเพราะสินเชื่อในระบบไม่โต (Deleveraging) ไม่ได้หมายความว่าปัญหาหมดไป
“ปัญหาที่แท้จริงคือ รายได้ไม่เพิ่ม” คุณนริศกล่าว พร้อมชี้ให้เห็นข้อมูลสุดช็อกว่า 10 ปีที่ผ่านมา รายได้เฉลี่ยคนไทยโตเพียง 14% สวนทางกับสินเชื่อส่วนบุคคล (ดอกเบี้ย 18-24%) ที่โตถึง 200% โดยการเติบโตนี้มาจากทั้งธนาคารภาครัฐ (SFI) และสหกรณ์ ไม่ใช่แค่ธนาคารพาณิชย์
เจาะ 4 อินไซต์มนุษย์เงินเดือนภาพลวงตาของความมั่นคง
กลุ่มมนุษย์เงินเดือน 12.5 ล้านคน ซึ่งแม้จะเป็นประชากรเพียง 30% ของตลาดแรงงาน แต่กลับเป็นผู้แบกรับภาระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาถึง 90% ของประเทศ จากการตรวจสุขภาพทางการเงินพนักงานในองค์กรพันธมิตรกว่า 96,000 คน ทีทีบีพบไส้ในที่น่าเป็นห่วงหลายประการ ซึ่งสะท้อนว่าภาพลักษณ์ของ “ความมั่นคง” อาจเป็นเพียงภาพลวงตา
ประเด็นแรกที่น่ากังวล คือ กับดักหนี้เรื้อรัง (Persistent Debt) นี่ไม่ใช่แค่สถานะ “การมีหนี้” แต่คือ “การมีหนี้ไม่จบสิ้น” จากการวิเคราะห์ข้อมูล NCB พบว่า คนไทยเริ่มเป็นหนี้เร็วขึ้น (ช่วงอายุ 25-35 ปี) และมีแนวโน้มเป็นหนี้ยาวนานขึ้น แม้จะเข้าสู่วัยเกษียณ (อายุเกิน 60 ปี)
สัดส่วนการเป็นหนี้ก็ยังเพิ่มขึ้น ที่น่าตกใจคือ สินเชื่อส่วนบุคคล ได้กลายเป็นหนี้ก้อนแรก ๆ ของคนวัยเริ่มทำงาน (45% ของคนอายุ 20) และเป็นหนี้ที่ดูเหมือนจะอยู่กับคนไทยไปตลอดชีวิต นำไปสู่พฤติกรรม “กู้หนี้บุคคลก้อนที่ 1 ไปสู่ก้อนที่ 2, 3, 4, และ 5”
ข้อมูลของทีทีบีตอกย้ำว่า 65% ของมนุษย์เงินเดือนที่ “ยังจ่ายไหว” แท้จริงแล้วกำลังติดกับดักนี้ พวกเขาทำเพียงจ่ายแค่ขั้นต่ำ หรือหมุนโปรโมชั่น 0% 10 เดือนไปเรื่อย ๆ ผลลัพธ์คือภาระดอกเบี้ยที่ทับถม ขณะที่เงินต้นไม่เคยลดลง
ถัดมาคือ วิกฤติเดือนชนเดือน ที่ลุกลามแม้ในกลุ่มผู้มีรายได้สูง ภาพของมนุษย์เงินเดือนที่ “หาได้เท่าไหร่ ก็ใช้เท่านั้น” ได้กลายเป็นความจริง โดย 50% ของกลุ่มตัวอย่างมีภาวะเดือนชนเดือน และมากถึง 77% ออมเงินได้น้อยกว่า 10% ของรายได้ต่อเดือน ปัญหานี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่กลุ่มผู้มีรายได้น้อยอีกต่อไป เพราะข้อมูลชี้ว่า 32% หรือ 1 ใน 3 ของกลุ่มที่เงินเดือนเกิน 100,000 บาท ก็กำลังเผชิญภาวะเดือนชนเดือนเช่นกัน นี่จึงสะท้อนปัญหาระดับโครงสร้าง ไม่ใช่แค่เรื่องรายได้
ภาวะที่เงินออมไม่เพียงพอนี้นำไปสู่ปัญหาที่สาม คือ ความเปราะบางขั้นสุด จากการขาดเงินสำรองฉุกเฉิน ความมั่นคงทางการเงินมักวัดกันที่เงินสำรอง แต่ข้อมูลพบว่า 80% ของมนุษย์เงินเดือนที่มีหนี้ “มีเงินสำรองฉุกเฉินไม่เพียงพอ” หรือไม่ถึง 6 เดือน นั่นหมายความว่า หากพวกเขาต้องเจอกับวิกฤติสุขภาพ หรือเหตุไม่คาดฝันที่ต้องใช้เงินก้อน (เช่น 2 ล้านบาท) 80% ยอมรับว่า “ไม่น่าไหว” และกว่า 50% ระบุชัดเจนว่าชีวิตจะได้รับผลกระทบทางการเงินอย่างรุนแรงทันที
ทีทีบีชู 4 โซลูชันช่วยแบ่งเบาภาระ The แบก

ณัฐวรรณ อภิรัตนพิมลชัย ประธานกลุ่มกลยุทธ์ลูกค้าบุคคล ทีเอ็มบีธนชาต ย้ำว่า ธนาคารเข้าใจปัญหาและพร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการเข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระ โดยไม่ใช่แค่การนำเสนอผลิตภัณฑ์ แต่เป็นการเสนอโซลูชันที่มุ่งแก้ปัญหาอย่างจริงจัง ผ่าน 4 มิติสำคัญ
มิติแรกคือ การรอบรู้เรื่องกู้ยืม เพื่อแก้ปัญหาหนี้ดอกเบี้ยสูงซึ่งเป็นภาระหนักที่สุด โซลูชันไฮไลต์คือ รีไฟแนนซ์ครั้งสุดท้าย (Final Refinance) ซึ่งออกแบบมาเพื่อคนผ่อนบ้านที่มักประสบปัญหาความยุ่งยากหรือลืมรีไฟแนนซ์ทุก 3 ปี โดย ทีทีบี เสนออัตราดอกเบี้ยคงที่เรทเดียวตลอดสัญญา (หากผ่อนดี) ซึ่งช่วยประหยัดดอกเบี้ยได้มหาศาล ตัวอย่างเช่น ประหยัดได้ถึง 5.9 แสนบาท และช่วยให้ปิดหนี้ได้เร็วขึ้น
นอกจากนี้ สำหรับพนักงานที่รับเงินเดือนผ่าน ทีทีบี (Payroll) ที่ต้องการเงินฉุกเฉิน ก็มี สินเชื่อสวัสดิการอเนกประสงค์ ที่ให้ดอกเบี้ยต่ำสุดเพียง 7.99% ต่อปี และยังมีโครงการ ผ่อนดีมีรางวัล เพื่อสร้างแรงจูงใจให้คนผ่อนดีทั้งสินเชื่อบ้าน รถ และบุคคล ผ่านการลดดอกเบี้ยหรือมอบพอยท์
มิติที่สองคือ การฉลาดออม ฉลาดใช้ เพื่อแก้ปัญหาภาวะเดือนชนเดือน โดยมีเครื่องมืออย่าง ทีทีบี ME Save บัญชีออมทรัพย์ดิจิทัลที่ให้ดอกเบี้ยสูงถึง 2.2% (สำหรับลูกค้า Payroll) และฝากถอนได้ตลอดเวลา หรือ FCD (บัญชีเงินฝากเงินตราต่างประเทศ) ที่เปิดทางเลือกให้รับผลตอบแทนสูงขึ้นเพื่อสู้เงินเฟ้อ (สูงสุด 4.2% สำหรับ USD) ซึ่งเปิดผ่านแอปได้ทันที ในฝั่งการใช้จ่าย บัญชี ทีทีบี All Free ถูกออกแบบมาให้เป็นมากกว่าบัญชีเพื่อใช้ โดยมีจุดเด่นคือการมอบประกันอุบัติเหตุฟรี (ค่ารักษา 3,000 บาท/ครั้ง ไม่จำกัดจำนวน) และความคุ้มครองชีวิต 20 เท่า (สูงสุด 3 ล้านบาท) เพียงคงเงินไว้ 5,000 บาท
มิติที่สามและสี่ คือ การสร้างความมั่นคงในระยะยาว เริ่มจาก ความคุ้มครองรอบด้าน เพื่อปิดความเสี่ยงและแก้ 3 ความกลัวหลัก (กลัวเจ็บ กลัวจน กลัวตาย) ด้วยโซลูชั่นประกันที่ออกแบบมาเฉพาะ พร้อมโปรโมชั่น Cashback สูงสุด 31% สำหรับลูกค้า Payroll ไปจนถึงมิติสุดท้ายคือ การลงทุนเพื่ออนาคต โดยธนาคารกระตุ้นให้มองการลดหย่อนภาษี (เช่น Thai ESG, RMF) เป็นเครื่องมือในการออมเงินเพื่อวัยเกษียณ ไม่ใช่ภาระ พร้อมมอบแคมเปญเงินคืน
สุดท้าย ทีทีบี เน้นย้ำว่า การแก้ปัญหาที่ยั่งยืนต้องเริ่มต้นจาก “ความรู้” ธนาคารจึงเดินหน้าโครงการตรวจสุขภาพทางการเงิน (Financial Health Check) ให้กับองค์กรพันธมิตร จัดคอร์สการเงินออนไลน์ และจัดทีม “โค้ชปลดหนี้” เพื่อให้คำปรึกษาเชิงลึกในการรวบหนี้และลดดอกเบี้ยอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อช่วยให้ The แบก มีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นได้อย่างยั่งยืน
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
ความจริงของ Passive Income: ทำไมถึงเป็นเรื่องยากในยุคหนี้ครัวเรือนท่วม
วิกฤติหนี้ครัวเรือนไทย เครดิตบูโรเปิดสัญญาณอันตรายที่ต้องรู้




