กองทุนบัวหลวง (BBLAM) แนะกลยุทธ์จัดพอร์ตโค้งสุดท้ายปี 2568 รับมือเศรษฐกิจโลกผันผวน ชูโมเดลลงทุนแบบ “สมดุล” เน้นกองทุนตราสารหนี้ ESG สร้างฐานแกร่ง ควบคู่การกระจายเสี่ยงในหุ้นทั่วโลก หุ้นเทคโนโลยี และทองคำ เพื่อสร้างผลตอบแทนระยะยาวพร้อมใช้สิทธิลดหย่อนภาษี
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด (BBLAM) เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจโลกในปีนี้ยังคงเผชิญกับความท้าทายรอบด้าน ทั้งความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ การเปลี่ยนผ่านนโยบายของประเทศมหาอำนาจ และการชะลอตัวทางเศรษฐกิจในหลายภูมิภาค ส่งผลให้ตลาดการเงินมีความผันผวนสูงและยากต่อการคาดการณ์ ด้วยสถานการณ์ดังกล่าว BBLAM จึงนำเสนอแนวทางการจัดพอร์ตลดหย่อนภาษีปี 2568 โดยเน้นหลักการ “สมดุล” ระหว่างความมั่นคงและโอกาสการเติบโต เพื่อลดความผันผวนรวมของพอร์ต
ปูพรม “ตราสารหนี้ ESG” สร้างฐานมั่นคง สำหรับการสร้างเสถียรภาพให้พอร์ตลงทุน BBLAM แนะนำกองทุน B-SI-THAIESG เป็นแกนหลัก โดยกองทุนเน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐไทยด้านความยั่งยืน ซึ่งจากข้อมูล ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2568 กองทุนสามารถสร้างผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี ได้โดดเด่นที่ 8.19% ต่อปี สูงกว่าดัชนีชี้วัดที่อยู่ที่ 7.23% ต่อปี จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่ต้องการลดความเสี่ยงจากภาวะตลาดผันผวน
รุกตลาดหุ้นโลก-เอเชีย รับโอกาสเติบโต ในส่วนของการสร้างผลตอบแทนระยะยาว BBLAM แนะนำให้กระจายน้ำหนักการลงทุนไปยังกองทุน RMF ในกลุ่มหุ้นคุณภาพทั่วโลก เพื่อรับโอกาสจากปัจจัยบวกที่แตกต่างกันในแต่ละภูมิภาค ได้แก่
- กองทุน B-GLOBALRMF: เน้นหุ้นคุณภาพทั่วโลก ทำผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี ที่ 14.15% ต่อปี
- กองทุน B-ASIARMF: เน้นหุ้นภูมิภาคเอเชีย ซึ่งทำผลงานได้อย่างร้อนแรงด้วยผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี ถึง 23.06% ต่อปี
เสริมทัพด้วย “เทคโนโลยี” และ “ทองคำ” เพื่อเพิ่มมิติให้กับพอร์ตการลงทุน BBLAM ได้แนะนำธีมการลงทุนแห่งอนาคตและสินทรัพย์ทางเลือก:
- กลุ่มเทคโนโลยี: กองทุน B-INNOTECHRMF ลงทุนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีระดับโลกที่เป็นหัวใจสำคัญของเศรษฐกิจยุคใหม่ โดยสร้างผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 21.59% ต่อปี
- ทองคำ: กองทุน BGOLDRMF (ลงทุนใน SPDR Gold Trust) ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นตัวช่วยลดความผันผวนของพอร์ตโดยรวม ซึ่งทองคำยังคงทำหน้าที่สินทรัพย์ปลอดภัยได้ดี โดยให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี สูงถึง 34.99% ต่อปี
ย้ำเงื่อนไขภาษีปี 68 โค้งสุดท้ายต้องวางแผน BBLAM ยังย้ำเตือนให้นักลงทุนวางแผนการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีปี 2568 ให้ครบถ้วนและถูกต้องตามเกณฑ์กรมสรรพากร โดยสามารถใช้สิทธิได้สูงสุดรวม 800,000 บาท แบ่งเป็น กองทุน Thai ESG สูงสุด 300,000 บาท (ถือครอง 5 ปี) และกองทุน RMF สูงสุด 500,000 บาท (ลงทุนต่อเนื่อง 5 ปี และขายคืนได้เมื่ออายุ 55 ปีขึ้นไป)
ทั้งนี้ BBLAM แนะนำให้นักลงทุนทบทวนพอร์ตให้สอดคล้องกับช่วงอายุและเป้าหมายทางการเงิน โดยผู้ที่สนใจสามารถเริ่มต้นลงทุนขั้นต่ำเพียง 500 บาท ผ่านโมบายแบงก์กิ้งธนาคารกรุงเทพ หรือแอปพลิเคชัน BF Fund Trading
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
เพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนด้วยพอร์ต Core–Theme เกาะเทรนด์ตลาดโลกและธีมเด่น
จากบัญชีออมทรัพย์สู่ลงทุนคริปโทฯ เมื่อ Gen Z มองความผันผวนเป็นโอกาส




