Share on
×

Share

เปิดแผนอนาคตพลังงานไทย: เมื่อโลกมุ่งสู่ Net Zero ปตท. เดินเกมอย่างไร?

เปิดแผนอนาคตพลังงานไทย: เมื่อโลกมุ่งสู่ Net Zero ปตท. เดินเกมอย่างไร?

ในยุคที่ความยั่งยืนไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่เป็นทางรอดของโลก ภาคพลังงานซึ่งเป็นเส้นเลือดใหญ่ของเศรษฐกิจและเป็นแหล่งปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์หลัก กำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งประวัติศาสตร์ การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดจึงกลายเป็นภารกิจเร่งด่วนที่ทุกประเทศต้องเผชิญหน้า แล้วประเทศไทยในฐานะผู้เล่นเล็กๆ บนเวทีโลก จะกำหนดทิศทางอนาคตพลังงานของตนเองอย่างไร?

ดร.ชญาน์ จันทวสุ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่กลยุทธ์องค์กรและความยั่งยืน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยยุทธศาสตร์พลังงานของชาติและบทบาทของปตท. ในการนำพาประเทศฝ่าคลื่นลมแห่งการเปลี่ยนแปลง โดยชี้ให้เห็นถึงสมการที่ซับซ้อนระหว่าง ความมั่นคงทางพลังงาน (Energy Security) ราคาที่เข้าถึงได้ และ เป้าหมายด้านความยั่งยืน ซึ่งเป็นโจทย์ใหญ่ที่ต้องหาจุดสมดุล

ภาพใหญ่ระดับโลก: เดิมพันที่หนักหน่วงกับเป้าหมาย Net Zero

นับตั้งแต่ข้อตกลงปารีส (Paris Agreement) ในปี 2015 ทั่วโลกต่างตระหนักถึงวิกฤติโลกร้อนและตั้งเป้าหมายร่วมกันที่จะควบคุมอุณหภูมิโลกไม่ให้สูงเกิน 1.5 องศาเซลเซียส อย่างไรก็ตาม ดร.ชญาน์ ชี้ว่าเส้นทางนี้ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ

“จากการประเมินล่าสุด การบรรลุเป้าหมาย Net Zero ในปี 2050 อาจเป็นไปได้ยาก และอาจล่าช้าออกไปถึง 15 ปี ซึ่งหมายความว่าอุณหภูมิโลกอาจพุ่งสูงถึง 2.5 – 3 องศาเซลเซียส และเมื่อถึงจุดนั้น มันอาจเป็น ‘Point of No Return’ ที่เราไม่สามารถย้อนกลับมาได้อีก”

ความท้าทายสำคัญคือเงินทุนในการเปลี่ยนผ่าน โดยการประชุม COP29 ล่าสุดได้มีการตั้งเป้าหมายทางการเงิน (Financial Goal) ที่จะระดมทุน 3 แสนล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2035 เพื่อช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนา แต่ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจโลกและความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) โดยเฉพาะนโยบายของสหรัฐอเมริกา เป้าหมายนี้ยังคงเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างยิ่ง

บริบทประเทศไทย: ความเสี่ยงสูงกับเวลาที่เหลือน้อยลง

สำหรับประเทศไทย แม้จะปล่อยคาร์บอนไม่ถึง 1% ของโลก แต่กลับเป็นหนึ่งในประเทศที่จะได้รับผลกระทบหนักที่สุด ดร.ชญาน์ ได้ย้ำถึงความเสี่ยงที่ใกล้ตัวกว่าที่คิด

“ถ้าเราไม่ทำอะไรเลย คาดว่าภายในปี 2060-2070 กรุงเทพฯ อาจหายไปครึ่งหนึ่งจากระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น”

ปัจจุบันไทยปล่อยก๊าซเรือนกระจกประมาณ 350-400 ล้านตันต่อปี โดยมีภาคพลังงานและขนส่งเป็นแหล่งปล่อยหลัก ประเทศไทยได้ตั้งเป้าหมาย ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี 2050 และ การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ในปี 2065 ซึ่งช้ากว่าประเทศพัฒนาแล้วส่วนใหญ่ที่ตั้งเป้าไว้ในปี 2050

ประเด็นที่น่าสนใจคือ การเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในบริบทของไทยอาจยังไม่ใช่คำตอบสุดท้าย ดร.ชญาน์ อธิบายว่า “การใช้ EV ในไทยตอนนี้ ไม่ได้ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนในภาพรวมมากนัก เพราะเราแค่ย้ายการปล่อยจากบนท้องถนนไปอยู่ที่โรงไฟฟ้าแทน ตราบใดที่ไฟฟ้าของเรายังไม่ได้มาจากพลังงานสะอาด”

ทิศทางพลังงานแห่งอนาคต: เมื่อฟอสซิลยังจำเป็น

แม้ทั่วโลกจะมุ่งสู่พลังงานหมุนเวียน แต่พลังงานฟอสซิลจะยังคงมีบทบาทสำคัญต่อไปอีกหลายทศวรรษ ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันที่คาดว่าจะถึงจุดใช้งานสูงสุด (Peak) ในอีก 5-10 ปีข้างหน้าแล้วจะค่อย ๆ ลดลง ก๊าซธรรมชาติที่ถูกมองว่าเป็น เชื้อเพลิงเปลี่ยนผ่าน (Transitional Fuel) เนื่องจากเป็นเชื้อเพลิงฟอสซิลที่สะอาดที่สุด และจะยังคงมีความต้องการใช้เพิ่มขึ้น ในขณะที่พลังงานหมุนเวียน (Renewable) จะเติบโตมากที่สุด แต่ยังมีความท้าทายเรื่องเสถียรภาพและต้นทุนการกักเก็บพลังงาน (Energy Storage)

สำหรับประเทศไทย แผนพลังงานมีความท้าทายยิ่งกว่า เนื่องจากมีข้อจำกัดด้านภูมิศาสตร์ ไม่มีพลังงานนิวเคลียร์หรือพลังงานน้ำขนาดใหญ่ จึงยังต้องพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลเป็นหลัก โดยคาดการณ์ว่าในปี 2050 สัดส่วนพลังงานหมุนเวียนจะสูงถึงเกือบ 50% แต่ในขณะเดียวกัน การใช้ก๊าซธรรมชาติจะเพิ่มขึ้นสวนทางกับแหล่งผลิตในอ่าวไทยที่ลดน้อยลง ทำให้ไทยต้องพึ่งพาการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) มากขึ้น ซึ่งต้องอาศัยการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานมหาศาล

เทคโนโลยี Game Changer: ทำให้ฟอสซิล “สีเขียว” ขึ้น

เมื่อไม่สามารถเลิกใช้ฟอสซิลได้ในทันที คำตอบจึงอยู่ที่การนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ ซึ่งมี 2 เทคโนโลยีหลักที่ทั่วโลกและปตท.กำลังให้ความสำคัญอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็น การดักจับการใช้ประโยชน์และการกักเก็บคาร์บอน (Carbon Capture, Utilization and Storage – CCUS) เป็นเทคโนโลยีที่ดักจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากแหล่งปล่อย เช่น โรงงานอุตสาหกรรม แล้วนำไปกักเก็บไว้ใต้ดินอย่างถาวร ปตท. มีแผนพัฒนาโครงการ CCS ขนาดใหญ่ในพื้นที่ภาคตะวันออก (Eastern Hub) ตั้งเป้ากักเก็บให้ได้ 10 ล้านตันต่อปี ภายในปี 2031 และมีโครงการนำร่องที่แหล่งก๊าซในอ่าวไทย ซึ่งจะเริ่มดำเนินการในปีหน้า โดยการอัดก๊าซ CO2 ที่ปนเปื้อนมากับก๊าซธรรมชาติกลับลงไปในหลุมตั้งแต่ต้นทาง หรือ ไฮโดรเจน (Hydrogen) ที่ถูกมองว่าเป็นเชื้อเพลิงแห่งอนาคต เพราะเป็นโมเลกุลที่ไม่มีคาร์บอน เมื่อเผาไหม้จึงไม่ปล่อย CO2 ออกมา แต่ปัจจุบันยังมีต้นทุนการผลิตที่สูง

ยุทธศาสตร์ปตท.: ขับเคลื่อนอนาคตด้วย AI และความร่วมมือ

ปตท.ในฐานะองค์กรพลังงานแห่งชาติ ได้วางวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนในการสร้างสมดุลระหว่าง 3 ภารกิจหลัก คือ ความมั่นคงทางพลังงาน (Energy Security) การเติบโตที่ยั่งยืน (Sustainability) และการเข้าถึงพลังงานในราคาที่เหมาะสม โดยตั้งเป้า Net Zero ในปี 2050

เครื่องมือสำคัญที่เข้ามามีบทบาทอย่างมากคือ เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ตลอด 5-6 ปีที่ผ่านมา ปตท. ได้นำ AI มาประยุกต์ใช้ในทุกกระบวนการ ตั้งแต่การสำรวจและผลิต การเพิ่มประสิทธิภาพในโรงแยกก๊าซ ไปจนถึงการจัดการคลังสินค้าและโลจิสติกส์ ซึ่งสามารถสร้างมูลค่าได้แล้วกว่า 30,000 ล้านบาท

ท้ายที่สุด ดร.ชญาน์ ฝากกุญแจสำคัญ 3 ประการที่จะนำพาประเทศไทยไปสู่ความสำเร็จในการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานไว้ว่า ความมั่นคงทางพลังงาน ต้องเข้าถึงแหล่งพลังงานที่เพียงพอในราคาที่เหมาะสม โครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นประเทศไทยต้องเริ่มวางแผนและลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานใหม่ ๆ เช่น CCS อย่างจริงจัง เพราะลำพังการปลูกป่าไม่สามารถดูดซับคาร์บอนได้ทั้งหมด และ ความร่วมมือและเทคโนโลยีต้องสร้างความร่วมมือทั้งในและต่างประเทศเพื่อเข้าถึงแหล่งเงินทุน พร้อมกับพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ความสามารถด้านเทคโนโลยี โดยเฉพาะ AI เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมของประเทศต่อไป

อนาคตพลังงานของไทยไม่ได้มีคำตอบสำเร็จรูปเพียงหนึ่งเดียว หากแต่เป็นสมการที่ซับซ้อนซึ่งต้องหาจุดสมดุลระหว่างความมั่นคงทางพลังงานของชาติ ความเป็นจริงทางเศรษฐกิจ และความรับผิดชอบต่อเป้าหมายของโลก การเดินทางสู่ Net Zero จึงไม่ใช่แค่การเปลี่ยนชนิดเชื้อเพลิง แต่คือการปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐานครั้งใหญ่ โดยมีเทคโนโลยีอย่าง CCUS และ AI เป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อน ซึ่งภารกิจอันท้าทายนี้จะสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อทุกภาคส่วนของสังคมผนึกกำลังร่วมมือกัน เพื่อนำพาประเทศไปสู่ความยั่งยืนที่แท้จริง

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

Green is the New Gold: ส่องกลยุทธ์ SCB-SCG-GC พลิกโจทย์โลกร้อนสู่ขุมทรัพย์ธุรกิจ

ซีพี แอ็กซ์ตร้าชู ‘หนอนแมลงโปรตีน’ พลิกขยะอาหาร สู่เศรษฐกิจหมุนเวียน

×

Share

ผู้เขียน