วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) เปิดตัว Volvo ES90 ในฐานะประเทศแรกในเอเชีย ชูแนวคิด The Art of Balance หรือศิลปะแห่งความสมดุล พร้อมประกาศราคาที่ 2.99 ล้านบาท สำหรับรุ่น Ultra Single Motor Extended Range
การเปิดตัวครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการส่งยานยนต์รุ่นใหม่ แต่ยังเป็นการแสดงจุดยืนและกลยุทธ์ของวอลโว่ ท่ามกลางสภาวะตลาดที่กำลังเผชิญความท้าทาย ทั้งสงครามราคา และโครงสร้างภาษีใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น
ES90: ความสมดุลด้านดีไซน์ เทคโนโลยี และระยะทาง
คริส เวลส์ กรรมการผู้จัดการ วอลโว่ คาร์ ประเทศไทยและมาเลเซีย กล่าวว่า ES90 ถูกออกแบบมาเพื่อชีวิตที่ลงตัว โดยผสานการออกแบบของซีดาน เข้ากับฟาสต์แบ็ก และความกว้างขวางพร้อม ระยะห่างจากพื้นที่สูง (High Ground Clearance) ในแบบ SUV ซึ่งเป็นจุดเด่นที่ตอบโจทย์สภาพถนนในประเทศไทย โดยเฉพาะในฤดูฝน
ในเชิงเทคโนโลยี ES90 ถูกสร้างบนสถาปัตยกรรม 800 โวลต์ ทำให้ชาร์จได้เร็วกว่ารถวอลโว่ไฟฟ้ารุ่นก่อน ๆ โดยสามารถ เพิ่มระยะทาง 300 กิโลเมตร ภายในเวลา 10 นาที (ด้วยตู้ชาร์จ 350 kW) และให้ระยะทางการขับขี่สูงสุดถึง 755 กิโลเมตร(ตามมาตรฐาน NEDC หรือประมาณ 550 กม. ตามมาตรฐาน WLTP)
ด้านการประมวลผล มาพร้อมชิป Dual Nvidia Drive ATX Orange ที่ให้พลังการประมวลผล 500 ล้านล้านครั้งต่อวินาที (500 TOPS) ซึ่งคุณเวลส์ ยืนยันว่า นี่เป็นรถยนต์ที่มีความสามารถในการประมวลผลสูงที่สุดเท่าที่วอลโว่เคยสร้างมา รองรับการอัปเกรดซอฟต์แวร์ผ่าน OTA (Over-the-Air)
กลยุทธ์การดำเนินงานท่ามกลางสภาวะการแข่งขัน
การตั้งราคา ES90 ที่ 2.99 ล้านบาท เป็นการกำหนดราคาหลังจากได้รับฟังความคิดเห็นต่างๆ จากการเปิดตัว EX90 ก่อนหน้านี้ แต่ประเด็นสำคัญไม่ได้มีแค่เรื่องราคา แต่คือกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ
1. ไม่ร่วมสงครามราคา (Price War)
ท่ามกลางการแข่งขันที่คู่แข่งหลายรายลดราคา คุณเวลส์กล่าวว่า วอลโว่จะไม่เข้าร่วมสงครามราคา เพราะมองว่าไม่ใช่วิธีการที่ยั่งยืนในระยะยาว และต้องคำนึงถึงลูกค้าเดิมที่ซื้อรถไปก่อนหน้า
คุณเวลส์ กล่าวว่า การลดราคาเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการซื้อส่วนแบ่งตลาด แต่ไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดในระยะยาว บริษัทต้องคำนึงถึงลูกค้าที่ซื้อรถไปแล้ว เพราะการเปลี่ยนราคากะทันหันจะส่งผลกระทบต่อพวกเขา (ราคาขายต่อ) ทันที
กลยุทธ์ของวอลโว่คือการสร้างสมดุลให้กับข้อเสนอและแพ็คเกจที่แข่งขันได้ อาจไม่ใช่การลดราคา แต่เป็นการให้ลูกค้าได้ประโยชน์มากขึ้นในราคาเดิม
2. ยืนหยัดใน Plug-in Hybrid (PHEV) สวนกระแสภาษีใหม่
แม้เป้าหมายหลักของวอลโว่คือการเป็นบริษัทรถยนต์ไฟฟ้า 100% แต่ในสถานการณ์ปัจจุบัน วอลโว่ยังคงให้ความสำคัญกับรถยนต์ Plug-in Hybrid (PHEV) ต่อไป จนกว่าความต้องการของผู้บริโภคจะเปลี่ยนไปสู่ BEV (รถยนต์ไฟฟ้า 100%) ทั้งหมด
จุดยืนนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลต่อ โครงสร้างภาษีใหม่ในปีหน้า ซึ่งคุณเวลส์ยอมรับว่าส่งผลกระทบในเชิงลบต่อตลาด PHEV
เขามองว่า การที่ลูกค้าจะเปลี่ยนจากรถสันดาป (ICE) ไปสู่รถไฟฟ้า (BEV) เลยนั้น เป็นเรื่องที่ต้องปรับตัวสูงมาก (a big ask) ในขณะที่ PHEV คือสะพานเชื่อม จากข้อมูลพบว่าลูกค้า PHEV ส่วนใหญ่ชาร์จไฟทุกวัน ทำให้พฤติกรรมไม่ต่างจากการใช้ BEV การที่โครงสร้างภาษีใหม่ไม่สนับสนุน PHEV จึงอาจไม่สอดคล้องกับทิศทางของภาครัฐที่ต้องการผลักดันให้คนไปสู่รถยนต์ไฟฟ้า
การดูแลลูกค้าเดิมและการประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจ
นอกจากการเปิดตัวรถใหม่ วอลโว่ยังประกาศ อัปเกรดระบบประมวลผลหลัก (Core Compute) ให้กับลูกค้า EX90 ที่มีอยู่ โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย โดยจะอัปเกรดจาก 390 TOPS ให้เทียบเท่ากับ ES90 ที่ 500 TOPS เพื่อเพิ่มประสบการณ์การใช้งาน
อย่างไรก็ตาม ในแง่ของการลงทุน วอลโว่จำเป็นต้องชะลอ (Postpone) แผนการเปิดศูนย์ซ่อมแบตเตอรี่ (Battery Repair Center) ออกไปก่อนชั่วคราว ไม่ได้ยกเลิก โดยให้เหตุผลว่า สถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันยังไม่เอื้ออำนวย และการลงทุนดังกล่าวใช้เงินลงทุนสูง
คุณเวลส์ประเมินว่า เศรษฐกิจในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้และครึ่งแรกของปีหน้า (2026) จะยังทรงตัว และอาจเริ่มฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังของปีหน้า ปัจจัยหลักที่น่ากังวลในอุตสาหกรรมยานยนต์คือ อัตราการปฏิเสธสินเชื่อ (Rejection Rate) ที่สูง
การเปิดตัว Volvo ES90 ในครั้งนี้ จึงไม่ใช่แค่การเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ แต่เป็นความพยายามสร้างความสมดุล ระหว่างการตั้งราคา การรักษามูลค่าแบรนด์ในระยะยาว และการปรับกลยุทธ์เพื่อรับมือสภาวะเศรษฐกิจ
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
KBTG ติด Top 3 องค์กรชั้นนำโลกด้านการใช้ Data & AI สร้างผลกระทบเชิงบวก จัดอันดับโดย Forrester
KBank 9 เดือนแรกปี 2568 กำไรสุทธิแตะ 39,287 ล้านบาท
