Share on
×

Share

TSUKUNE Craft: ปั้นฝันด้วยสองมือสู่ Art Toy ไม้แกะสลัก ‘หนึ่งเดียวในโลก’

TSUKUNE Craft: ปั้นฝันด้วยสองมือสู่ Art Toy ไม้แกะสลัก ‘หนึ่งเดียวในโลก’

ในโลกที่สินค้าจำนวนมากถูกผลิตซ้ำ เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด ยังมี สุนิษา จันทรานนท์ (ทราย) ศิลปินผู้ก่อตั้ง TSUKUNE Craft ที่เลือกเดินในเส้นทางที่แตกต่าง เธอสร้างสรรค์ผลงานศิลปะจากไม้ด้วยมือชิ้นต่อชิ้น ภายใต้แบรนด์ “Tsukune” (สึคุเนะ) ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นชื่อที่ไพเราะ แต่ยังสะท้อนถึงปรัชญาการทำงานที่เปี่ยมไปด้วยความพิถีพิถัน อบอุ่น และมีเอกลักษณ์เฉกเช่นเดียวกับ “สึคุเนะ” หรือไก่บดปั้นย่างที่เธอโปรดปราน เรื่องราวของเธอ คือบทพิสูจน์ของการผสมผสานระหว่างจิตวิญญาณของศิลปินและวิสัยทัศน์ของนักธุรกิจได้อย่างลงตัว จนสามารถเปลี่ยนความฝันให้กลายเป็นอาชีพที่หล่อเลี้ยงชีวิตและจิตใจได้อย่างยั่งยืน

จากงานเสริมสู่เส้นทางศิลปะ: การเดินทางที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ

ก่อนที่ผลงานไม้แกะสลักอันเป็นเอกลักษณ์จะถือกำเนิดขึ้น เส้นทางของสุนิษานั้นเต็มไปด้วยการทดลองและค้นหา เธอจบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ก่อนจะทำงานเป็นครูสอนหนังสืออยู่ 2 ปี แล้วผันตัวมาเป็นฟรีแลนซ์ถ่ายภาพและตัดต่อวิดีโออีกราว 3 ปี แม้จะอยู่ในสายงานสร้างสรรค์ แต่เธอยังคงแสวงหาเส้นทางของตัวเอง จนตัดสินใจศึกษาต่อในระดับปริญญาโทที่คณะศิลปะและการออกแบบ มหาวิทยาลัยรังสิต ที่นั่นเองที่เธอได้ทดลองทำงานกับวัสดุหลากหลายชนิด แต่สุดท้าย “ไม้” คือวัสดุที่เธอตกหลุมรักและรู้สึกผูกพันมากที่สุด

ในช่วงแรกหลังเรียนจบ สุนิษาเริ่มต้นธุรกิจด้วยการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ของใช้บนโต๊ะทำงานที่ทำจากไม้ แม้ผลงานจะได้รับการยอมรับถึงขั้นคว้ารางวัลจากเวทีประกวด Young Designer มาครอง แต่เธอกลับพบความจริงที่ว่า การทำงานคราฟต์เพียงอย่างเดียวยังไม่สามารถเป็นอาชีพหลักได้ แต่เป็นเพียง “รายได้เสริม” เท่านั้น

โควิด-19: วิกฤติที่มอบเวลาให้ค้นพบ “ชีวิตในฝัน”

สุนิษา จันทรานนท์ (ทราย) ศิลปินผู้ก่อตั้ง TSUKUNE Craft
สุนิษา จันทรานนท์ (ทราย) ศิลปินผู้ก่อตั้ง TSUKUNE Craft

จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญมาถึงอย่างไม่คาดคิดในช่วงการระบาดของโควิด-19 เมื่อทุกอย่างหยุดชะงัก งานถ่ายภาพและรายได้จากการฝากขายสินค้าหดหายไปจนเกือบเป็นศูนย์ ท่ามกลางภาวะว่างงานนั้นเอง ที่สุนิษากลับได้เวลามาอยู่กับตัวเองอย่างเต็มที่

“ช่วงนั้นว่างงานพอดีค่ะ จึงใช้เวลาหาอะไรทำไปเรื่อย ๆ ทั้งลงคอร์สเรียนออนไลน์และลองทำงานศิลปะหลาย ๆ อย่าง” สุนิษาเล่าย้อนความหลัง “จนได้ไปเห็นไลฟ์สไตล์ของศิลปินใน YouTube ที่เขาสามารถสร้างสรรค์สิ่งที่ตัวเองรักและมีคนชื่นชอบผลงานจนสามารถเลี้ยงชีพได้ จึงเกิดเป็นแรงบันดาลใจว่า นี่คือชีวิตในฝันที่เราอยากจะเป็น”

คำถามที่ว่า “เราจะทำอะไรได้ดี?” นำเธอหวนกลับมาสู่ทักษะงานไม้ที่เธอเชี่ยวชาญ ประกอบกับจินตนาการถึง “ตัวคาแรคเตอร์” ที่มีอยู่เต็มหัว เธอจึงเริ่มทดลองสร้างสรรค์อาร์ตทอยไม้แกะสลักทำมือ และพบว่านี่คือสิ่งที่ “ใช่เลย”

ความสำเร็จจากโมเดลธุรกิจหนึ่งเดียวในโลกที่คิดมาอย่างรอบคอบ

สิ่งที่ทำให้ Tsukune แตกต่างและประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วคือโมเดลธุรกิจที่เฉียบคม สุนิษาเลือกที่จะสร้างผลงานแบบ “One-off Edition” หรือมีเพียงชิ้นเดียวต่อหนึ่งแบบเท่านั้น ซึ่งการตัดสินใจนี้ไม่ได้มาจากความรู้สึกเพียงอย่างเดียว แต่มาจากการวิเคราะห์ที่มองเห็นจุดอ่อนของตลาดสินค้าทั่วไป

สุนิษากล่าวว่า “ตอนแรกมีความตั้งใจอยากขายสินค้าที่เน้นการใช้งาน แต่ก็พบว่าสินค้าประเภทนี้ผู้ซื้อจะใช้เวลาตัดสินใจนานกว่า เพราะมักจะคำนึงถึงความจำเป็นในการใช้งานจริง ในขณะที่ของสะสมนั้นตอบสนองความต้องการทางใจ ทำให้การตัดสินใจซื้อง่ายกว่า”

โมเดล “หนึ่งเดียวในโลก” นี้ได้กลายเป็นจุดแข็งในหลายมิติ คือ ไร้ข้อจำกัดด้านการผลิตขั้นต่ำในขณะที่ผู้ผลิตอาร์ตทอยรายอื่นต้องลงทุนกับการทำแม่พิมพ์และผลิตในจำนวนมากเพื่อความคุ้มทุน แต่เธอสามารถสร้างสรรค์ผลงานได้โดยไม่มีแรงกดดันเรื่องต้นทุนขั้นต่ำ อิสระในการสร้างสรรค์ โมเดลนี้เปิดโอกาสให้เธอสามารถออกแบบตัวละครใหม่ ๆ ได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องกังวลว่าแบบเก่าจะยังขายไม่หมด ทำให้ผลงานมีความสดใหม่และน่าตื่นเต้นอยู่เสมอ และ สร้างคุณค่าและความต้องการการมีเพียงชิ้นเดียวในโลกทำให้ผลงานของเธอเป็นที่ต้องการของนักสะสม และสามารถกำหนดราคาจากคุณค่าทางศิลปะได้อย่างเต็มที่

กลยุทธ์เบื้องหลัง: วิจัยตลาดและศิลปะแห่งการเปิดตัว

ก่อนที่ผลงานชิ้นแรกจะปรากฏสู่สายตาสาธารณชน สุนิษาได้ทำการบ้านอย่างหนัก ใช้เวลาศึกษาตลาดและคู่แข่งอย่างละเอียด เขากล่าวถึงกระบวนการนี้ว่า “เริ่มจากการศึกษาตลาดอย่างจริงจัง ดูผลงานของศิลปินทั้งชาวตะวันตกและชาวญี่ปุ่น วิเคราะห์ว่าศิลปินที่มียอดผู้ติดตามสูง ๆ เขามีแนวทางการทำงานอย่างไร นำเสนอผลงานแบบไหน และใช้เวลานานเท่าไรจึงจะได้รับการยอมรับ”

ความเข้าใจในธรรมชาติดิจิทัล ทำให้สุนิษาวางแผนการเปิดตัวได้อย่างเป็นระบบ แทนที่จะโพสต์ผลงานทันที เธอใช้เวลาหลายเดือนสร้างผลงานเก็บเป็นสต็อกไว้กว่า 50 ชิ้น “ทรายมองว่าหากโพสต์ผลงานเพียงชิ้นเดียว แล้วทิ้งช่วงไปนาน ก็อาจจะสร้างการติดตามได้ยาก จึงวางแผนสร้างผลงานให้มีจำนวนมากพอก่อนเปิดตัว เพื่อให้สามารถนำเสนอได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งก็ได้ผลตอบรับที่ดีมาก”

ยืนหยัดในตัวตน: พลังของการปฏิเสธและเลือกช่องทางที่ใช่

ผลงานของ Tsukune
ผลงานของ Tsukune

หัวใจสำคัญที่ทำให้ผลงานของ Tsukune มีชีวิตชีวาและเปี่ยมด้วยจินตนาการ คือการที่สุนิษาเลือกที่จะสงวนพลังในการสร้างสรรค์ไว้สำหรับผลงานที่เกิดจากแรงบันดาลใจของเธอเองโดยเฉพาะ เธอจึงมีจุดยืนที่ชัดเจนในการไม่รับทำชิ้นงานตามสั่ง (Custom-made) เพื่อให้แน่ใจว่าทุกชิ้นงานคือภาพสะท้อนตัวตนและความคิดสร้างสรรค์ของเธออย่างแท้จริง

“ทรายเชื่อว่าพลังในการสร้างสรรค์จะเกิดขึ้นได้ดีที่สุดเมื่อมาจากจินตนาการที่เป็นอิสระ จึงต้องการทุ่มเทสมาธิและเวลาทั้งหมดให้กับการทำงานไม้ เพื่อให้ทุกชิ้นงานที่ออกมามีเรื่องราวและจิตวิญญาณในแบบของตัวเอง”

การตัดสินใจนี้ไม่เพียงแต่เป็นการปกป้องพื้นที่ทางความคิดของศิลปิน แต่ยังเป็นการรักษาคุณค่าและความพิเศษของผลงานแต่ละชิ้นให้เป็นสมบัติเพียงหนึ่งเดียวสำหรับผู้ที่ได้ครอบครอง

ด้วยเหตุนี้ สุนิษาจึงเลือกช่องทางการขายที่ชัดเจนผ่านแพลตฟอร์ม Pinkoi ซึ่งเป็นตลาดสำหรับงานออกแบบและงานคราฟต์โดยเฉพาะของไต้หวัน การเลือกใช้แพลตฟอร์มนี้ไม่เพียงช่วยลดภาระในการจัดการการขาย แต่ยังทำให้ผลงานของเธอเข้าถึงกลุ่มลูกค้านานาชาติได้โดยตรง ซึ่งฐานลูกค้าหลักของ Tsukune มาจาก สหรัฐอเมริกา ตามมาด้วยไต้หวัน และ ฮ่องกงเป็นการพิสูจน์ว่าผลงานทำมือที่มีเอกลักษณ์สามารถข้ามพรมแดนและเป็นที่ยอมรับในระดับโลก

ศิลปะทำมือในยุค AI: เมื่อเครื่องจักรยังแทนที่จิตวิญญาณไม่ได้

ในยุคที่ AI สามารถสร้างสรรค์ภาพที่สวยงามได้ในพริบตา หลายคนอาจมองว่าเป็นความท้าทายต่องานศิลปะทำมือ แต่สำหรับสุนิษาแล้ว เธอมองว่า AI เป็นเพียงเครื่องมือที่ช่วยให้ “ทำงานง่ายขึ้น” เช่น การช่วยคิดคำบรรยายผลงาน (Caption) หรือร่างการตอบกลับลูกค้า แต่ไม่สามารถเข้ามาแทนที่แก่นแท้ของงานฝีมือได้

สุนิษามองว่าตราบใดที่ AI ยังไม่มี “มือ” ที่จะทำงานแกะสลักได้จริง ก็ยังไม่สามารถสร้างผลงานที่เป็นรูปธรรมได้ แม้จะมีการใช้เครื่องจักร CNC แกะสลักไม้ตามไฟล์ดิจิทัล แต่ก็ยังมีข้อจำกัดสำคัญคือ “ความเป็นคน” ที่ขาดหายไป

“พอเป็น Final Product สุดท้ายก็ต้องมาจบที่มืออยู่ดี เพราะรายละเอียดไม่มีความเป็นคน ยังมีความเป็นดิจิทัล มีความหยาบ สุดท้ายก็ต้องมาเก็บรายละเอียดด้วยมือ” สุนิษากล่าว “ซึ่งคนที่สั่งเครื่องจักรทำ เขาก็เก็บรายละเอียดด้วยมือเองไม่เป็น ก็ต้องส่งให้ศิลปินทำต่อ เพิ่มต้นทุนไปอีก”

มุมมองนี้สะท้อนให้เห็นว่าเทคโนโลยีอาจสร้างสิ่งที่เหมือนได้ แต่ไม่สามารถสร้างสิ่งที่ “มีชีวิต” ซึ่งเกิดจากร่องรอยของสิ่ว ความไม่สมบูรณ์แบบที่ตั้งใจ และจิตวิญญาณของศิลปินที่ถูกถ่ายทอดลงบนชิ้นงานได้

เรื่องราวของ สุนิษาและแบรนด์ Tsukune จึงเป็นมากกว่าเรื่องของศิลปินที่ประสบความสำเร็จ แต่คือบทเรียนบทหนึ่งของผู้ประกอบการที่ใช้ความสามารถ ความมุ่งมั่น และวิสัยทัศน์ทางธุรกิจ เปลี่ยนความหลงใหลให้กลายเป็นอาชีพที่ยั่งยืน เธอไม่ได้แค่ “ปั้นไม้” แต่เธอกำลัง “ปั้นชีวิต” ของตัวเองขึ้นมาด้วยสองมือ และพิสูจน์ให้เห็นว่าในโลกของศิลปะ การเป็นตัวของตัวเองอย่างแท้จริงคือหนทางสู่ความสำเร็จที่งดงามและมั่นคงที่สุด

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

TikTok เผยสูตร ‘Full-Funnel’ ใช้ Creator คู่ AI สร้างยอดขาย

YouTube ชี้ 3 กลยุทธ์ปั้นแบรนด์ให้ปัง: AI, Fandom, Commerce

×

Share

ผู้เขียน