ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) ได้มีมติเห็นชอบมาตรการเร่งรัดการลงทุนและการส่งเสริมการลงทุนเพื่ออนาคต ภายใต้นโยบาย Quick Big Win โดยมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ดำเนินการ 3 มาตรการหลัก โดยมีไฮไลต์คือการเปิดตัว “Thailand FastPass” กลไกใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อปลดล็อกอุปสรรคของโครงการลงทุนขนาดใหญ่ และเร่งรัดให้เกิดการลงทุนจริงมูลค่ากว่า 4.8 แสนล้านบาท เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2568
เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการนำระบบ Thailand FastPass มาใช้เป็นกลไกใหม่ในการปลดล็อกโครงการลงทุนขนาดใหญ่ในอุตสาหกรรมสำคัญ เช่น ดาต้าเซ็นเตอร์, พลังงานสะอาด, และกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ โดยตั้งเป้าให้กระบวนการอนุมัติ/อนุญาตเร็วขึ้นอย่างน้อย ร้อยละ 20–50 และจะนำไปสู่การแก้ไขกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคอย่างถาวร โดยจะเริ่มดำเนินการภายในเดือนธันวาคม 2568
คิกออฟ 3 มาตรการ BOI: FastPass, Upskill และเงินทุนสนับสนุน
นฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการ บีโอไอ กล่าวว่า นอกเหนือจากกลไก Thailand FastPass แล้ว ที่ประชุมยังเห็นชอบมาตรการสำคัญอีก 2 มาตรการ โดยใช้เงินจากกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันฯ วงเงินประมาณ 5,000 ล้านบาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและวางรากฐานการเติบโตในระยะต่อไป:
- มาตรการ Thailand FastPass: นำร่องแก้ไขปัญหาเร่งด่วนให้กับ 80 โครงการ มูลค่าลงทุนรวม 4.8 แสนล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโครงการที่ได้รับอนุมัติในช่วงปี 2566–2568 แต่ยังติดปัญหาสำคัญ เช่น ข้อจำกัดของระบบเครือข่ายสายส่งไฟฟ้า, การจัดหาที่ดินอุตสาหกรรม, ปัญหาด้านวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน
- มาตรการสร้างบุคลากรทักษะสูงสำหรับอุตสาหกรรมยุคใหม่ (Upskill & Reskill): ตั้งเป้าพัฒนาบุคลากรไทย 100,000 คน (นักศึกษา 30,000 คน และแรงงาน Upskill/Reskill 70,000 คน) ผ่านรูปแบบการฝึกอบรมที่หลากหลาย
- มาตรการสนับสนุนผู้ประกอบการไทย: สนับสนุนเงินทุน 30–50% ของเงินลงทุนจริง (สูงสุด 100 ล้านบาทต่อบริษัท) สำหรับการยกระดับประสิทธิภาพธุรกิจด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่, การวิจัยและพัฒนา (R&D), และการปรับเปลี่ยนสู่ธุรกิจใหม่/อุตสาหกรรมสีเขียว
มติ ครม.เศรษฐกิจ แก้ปัญหาเชิงระบบ
ทั้งนี้ โครงการขนาดใหญ่ที่เป็นเป้าหมายของบีโอไอในการเร่งรัดให้เกิดการลงทุนจำนวน 80 โครงการมูลค่ารวมกว่า 4.8 แสนล้านบาท ประกอบด้วย 2 ส่วนคือ
- โครงการขนาดใหญ่ที่ได้รับอนุมัติในช่วงปี 2566–2567 แต่ยังติดปัญหาไม่สามารถเริ่มดำเนินการได้ 65 โครงการ มูลค่าลงทุน 271,738 ล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมาบีโอไอได้เร่งประสานงานเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะรายให้กับนักลงทุนในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ทำให้มีโครงการบางส่วนสามารถเริ่มลงทุนจริงหรือมีแผนเริ่มลงทุนที่ชัดเจนแล้ว 40 โครงการ มูลค่า 148,543 ล้านบาท โดยยังเหลือโครงการที่ติดปัญหา/อุปสรรคสำคัญต่าง ๆ เช่น ด้านระบบส่งไฟฟ้าและพลังงานสะอาด ด้านการจัดหาพื้นที่ และใบอนุมัติ/อนุญาตต่าง ๆ จำนวน 25 โครงการ มูลค่า 123,195 ล้านบาท
- โครงการขนาดใหญ่ที่เพิ่งได้รับอนุมัติในปี 2568 ที่ประสบปัญหาคล้ายกันและจะนำมาแก้ไขในคราวเดียวกันอีก 15 โครงการ มูลค่า 216,742 ล้านบาท โดยบีโอไอจะติดตามและเร่งรัดให้โครงการทั้งหมดเดินหน้าได้ เพื่อช่วยกระตุ้นเม็ดเงินลงทุนจริงและการจ้างงานในระบบเศรษฐกิจในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ รวมถึงผลักดันการเติบโตต่อเนื่องในปี 2569
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้รับทราบ มาตรการสร้างบุคลากรทักษะสูงสำหรับอุตสาหกรรมยุคใหม่ (Upskill & Reskill) ที่ตั้งเป้าพัฒนาบุคลากรจำนวน 100,000 คน แบ่งออกเป็นนักศึกษาที่เตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่ตลาดแรงงาน 30,000 คน และแรงงานที่ต้องการยกระดับหรือปรับเปลี่ยนทักษะ (Upskill & Reskill) 70,000 คน โดยการจัดอบรมและยกระดับทักษะแรงงานระดับ ปวส. ขึ้นไป ผ่านรูปแบบการฝึกอบรมทั้ง Bootcamp, การเรียนแบบ Onsite และ Online รวมถึงการฝึกปฏิบัติจริงในสถานประกอบการ โดยต้องยื่นคำขอภายในเดือนมกราคม 2569 และดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือนหลังออกบัตรส่งเสริม และมาตรการสนับสนุนผู้ประกอบการไทยเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ที่จะให้เงินสนับสนุน 30–50% ของเงินลงทุนและค่าใช้จ่ายจริง สูงสุด 100 ล้านบาทต่อบริษัท
สำหรับการยกระดับประสิทธิภาพธุรกิจด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ การวิจัยและพัฒนา (R&D) และการปรับเปลี่ยนสู่ธุรกิจใหม่หรืออุตสาหกรรมสีเขียว โดยผู้ขอต้องเป็นนิติบุคคลที่มีสัดส่วนผู้ถือหุ้นไทยอย่างน้อย 51% ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ทั้งนี้ ต้องยื่นคำขอภายในเดือนมกราคม 2569 และดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 12 เดือนหลังออกบัตรส่งเสริม
คุณนฤตม์ กล่าวทิ้งท้ายว่า “มาตรการ Thailand FastPass และแพ็กเกจใหม่ของบีโอไอ ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือเร่งรัดการลงทุนในระยะสั้น แต่เป็นการเริ่มแก้ไขอุปสรรคในเชิงระบบ พร้อมทั้งสร้างระบบนิเวศการลงทุนที่ทันสมัย เพื่อวางรากฐานเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างมั่นคง
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
ตลท. พลิก ‘ภาระ’ คาร์บอนเป็น ‘สินทรัพย์’ ด้วย SETCarbon มาตรฐานอบก.
อย่าให้ ‘ทุนเทา’ ซึมเข้าระบบเศรษฐกิจ




