เมื่อเดือน มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา สำนักงาน ก.ล.ต. ได้มีการผ่อนปรนเกณฑ์การลงทุนใน Leveraged & Inverse ETFs (L&I ETFs) จากเดิมที่อนุญาตเฉพาะนักลงทุนรายใหญ่พิเศษ (UHNW) เท่านั้น ส่งผลให้นักลงทุนทั่วไปก็สามารถเข้าถึง L&I ETFs ได้เช่นกัน ภายใต้เงื่อนไข เช่น อัตราทดไม่เกิน 2 เท่า และต้องเป็นจำนวนเต็ม เป็นต้น
ข้อมูลจากทีม Global Investing หลักทรัพย์บัวหลวง ระบุว่า นี่ถือเป็น ก้าวสำคัญของตลาดทุนไทย เพราะเป็นครั้งแรกที่นักลงทุนรายย่อยจะสามารถใช้เครื่องมือแบบเดียวกับที่นิยมในต่างประเทศ เพื่อใช้สำหรับการเก็งกำไรในระยะสั้น หรือ ใช้ป้องกันความเสี่ยงของพอร์ตได้อย่างคล่องตัว
L&I ETFs คืออะไร? แตกต่างจาก ETF ปกติยังไง?
เพื่อให้เข้าใจง่าย เรามาเริ่มจากการทำความรู้จัก ETF กันก่อน Exchange Traded Fund (ETF) คือ กองทุนรวมที่นำไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ทำให้หน่วยกองทุน “ซื้อขายได้เหมือนหุ้น” ระหว่างวันแบบเรียลไทม์ ต่างจากการลงทุนผ่านกองทุนรวมแบบดั้งเดิมที่ผู้ลงทุนไม่สามารถกำหนดราคาซื้อ-ขายระหว่างวันได้ และอาจต้องรอ ณ สิ้นหรือหลายวันทำการเพื่อทราบราคา NAV
โดยทั่วไป ETF จะลงทุนอ้างอิงดัชนีที่เราคุ้นเคย เช่น SET50 SET100 หรือ S&P 500 นั่นหมายความว่า แทนที่จะต้องซื้อหุ้น 50–100 ตัวด้วยตนเอง เพียงซื้อ ETF ตัวเดียว คุณก็เหมือนได้เป็นเจ้าของ “พอร์ตหุ้นทั้งตะกร้า” แบบครบจบในครั้งเดียว ทั้งสะดวก โปร่งใส และกระจายความเสี่ยงไปในตัว
L&I ETFs คืออะไร?
L&I ETFs เป็นเวอร์ชันพิเศษของ ETF ที่เพิ่มลูกเล่นเรื่อง “อัตราทด” หรือ ผลตอบแทน “สวนทาง”
Leveraged ETF
- คือ ETF ที่มีเป้าหมายให้ผลตอบแทนรายวัน “มากกว่า” ดัชนีอ้างอิง
- ตัวอย่างเช่น ถ้าวันนี้ดัชนีขึ้น +1% Leveraged ETF ที่ออกแบบให้มีอัตราทด 2 เท่า (+2X) จะให้ผลตอบแทนประมาณ +2% สำหรับวันนั้น
- ใช้สำหรับ เพิ่มโอกาสเก็งกำไรในช่วงที่คาดว่าตลาดจะปรับขึ้น หรือ เมื่อต้องการเร่งผลตอบแทนจากการเคลื่อนไหวของตลาดในระยะสั้น
Inverse ETF
- คือ ETF ที่มีเป้าหมายให้ผลตอบแทนรายวัน “สวนทาง” ดัชนีอ้างอิง
- ตัวอย่างเช่น ถ้าวันนี้ดัชนีขึ้น +1% Inverse ETF จะให้ผลตอบแทนประมาณ -1% (-1X) หรือ ถ้ามีอัตราทด 2 เท่า (-2X) ก็จะประมาณ -2% สำหรับวันนั้น
- ในทางกลับกัน ถ้าวันนี้ดัชนี -1% Inverse ETF จะให้ผลตอบแทนประมาณ +1% หรือ ถ้ามีอัตราทด 2 เท่า ก็จะประมาณ +2% สำหรับวันนั้น
- ใช้สำหรับ เก็งกำไรช่วงขาลง หรือ ป้องกันความเสี่ยงในช่วงที่กังวลว่าตลาดจะปรับตัวลง
อ่านถึงตรงนี้จะเห็นว่าคำว่า “รายวัน” ปรากฏอยู่หลายครั้ง นี่แหละคือหัวใจของ L&I ETFs เพราะเกี่ยวข้องกับ 2 กลไกสำคัญ ได้แก่ “การรีเซ็ตฐานใหม่ทุกวัน (Daily Reset)” และ “ผลทบต้น (Compounding Effect)” ที่ทำให้ผลตอบแทนของ L&I ETFs แตกต่างจาก ETF ปกติ
Daily Reset คืออะไร?
Daily Reset คือ กลไกที่ทำให้ L&I ETFs ยังคงรักษา “อัตราทด” ไว้ได้ทุกวัน เช่น +2X ก็จะพยายามสะท้อนผลตอบแทนเป็น 2 เท่าของดัชนีอ้างอิงในวันนั้น ๆ เสมอ
ดังนั้น ทุกสิ้นวัน ETF จะรีเซ็ตฐานใหม่ โดยยึดจาก NAV ล่าสุด เพื่อให้วันถัดไปการคำนวณยังคงตรงกับอัตราทดที่กำหนด ไม่ใช่ลากยาวจากจุดเริ่มแรก นี่เองที่เป็นเหตุผลว่าทำไม L&I ETFs จึงทำงานตรงกลไกได้ในแต่ละวัน
Compounding Effect คืออะไร?
เมื่อ ETF รีเซ็ตฐานใหม่ทุกวัน ผลตอบแทนที่เกิดขึ้นก็จะถูกนำไปทบกับเงินต้นใหม่ในวันถัดไป เพราะมี Compounding Effect มาเกี่ยวข้อง จึงทำให้ผลตอบแทนสะสมหลายวัน ไม่เท่ากับการคูณตรง ๆ จากดัชนี
เพื่อให้เห็นภาพมากขึ้น ลองดูการจำลองการเคลื่อนไหวของดัชนีอ้างอิงและ L&I ETFs แบบละเอียดในช่วง 5 วันติดต่อกัน สมมติว่า
วันที่ 1:
- ดัชนีอ้างอิง +8%
- +2X Leveraged ETF +16% (ราคา 5 → 5.8 บาท)
- -2X Inverse ETF -16% (ราคา 5 → 4.2 บาท)
วันที่ 2:
- ดัชนีอ้างอิงไม่เปลี่ยนแปลง (0%) → ผลตอบแทนสะสม 2 วัน +8%
- ETF ไม่เปลี่ยนแปลงเช่นกัน
วันที่ 3:
- ดัชนีอ้างอิง −7% → ผลตอบแทนสะสม 3 วัน +0.44%
- +2X Leveraged ETF -14% → ผลตอบแทนสะสม −0.2% (4.99 บาท เทียบกับราคา ณ สิ้นวันที่ 0)
- -2X Inverse ETF +14% → ผลตอบแทนสะสม −2.2% (4.89 บาท เทียบกับราคา ณ สิ้นวันที่ 0)
วันที่ 4:
- ดัชนีอ้างอิง +2% → ผลตอบแทนสะสม 4 วัน +2.45%
- +2X Leveraged ETF +4% → ผลตอบแทนสะสม +3.8% (ไม่ใช่ +4.9% อย่างที่คูณตรง ๆ จากดัชนี)
- -2X Inverse ETF -4% → ผลตอบแทนสะสม −6.2% (ไม่ใช่ -4.9% อย่างที่คูณตรง ๆ จากดัชนี)
วันที่ 5:
- ดัชนีอ้างอิง -1% → ผลตอบแทนสะสม 5 วัน +1.43%
- +2X Leveraged ETF -2% → ผลตอบแทนสะสม +1.6% (ไม่ใช่ +2.86% อย่างที่คูณตรง ๆ จากดัชนี)
- -2X Inverse ETF +2% → ผลตอบแทนสะสม -4.4% (ไม่ใช่ -2.86% อย่างที่คูณตรง ๆ จากดัชนี)
ตารางแสดงตัวอย่างผลตอบแทนเมื่อลงทุน L&I ETFs

จากตัวอย่างการจำลอง 5 วัน จะเห็นว่า L&I ETFs ทำงานได้ตรงกลไก “รายวัน” เช่น วันแรกดัชนีขึ้น +8% +2X Leveraged ETF ก็ขึ้น +16% และ −2X Inverse ETF ก็ลง −16%
แต่เมื่อเวลาผ่านไปหลายวัน ผลตอบแทนสะสมกลับไม่เท่ากับการคูณตรง ๆ จากดัชนีอ้างอิง เพราะ ETF มีการรีเซ็ตฐานใหม่ทุกวัน ทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า Compounding Effect
หากตลาดมีทิศทางขึ้นหรือลงชัดเจน L&I ETFs จะทำงานได้เต็มที่ แต่หากตลาดแกว่งผันผวน หรือ Sideway แบบตารางตัวอย่าง ผลตอบแทนสะสมของ L&I ETF มักจะถูก “ลดทอน” แม้ดัชนีอ้างอิงจะยืนบวกในท้ายที่สุดก็ตาม หากตลาดมีทิศทางขึ้นหรือลงชัดเจน L&I ETFs จะทำงานได้เต็มที่ แต่หากตลาดแกว่งผันผวน หรือ Sideway แบบตารางตัวอย่าง ผลตอบแทนสะสมของ L&I ETFs มักจะถูก “ลดทอน” แม้ดัชนีอ้างอิงจะยืนบวกในท้ายที่สุดก็ตาม
L&I ETFs แตกต่างจาก DW ยังไง
L&I ETFs เป็นอีกหนึ่งทางเลือกใหม่ที่ถูกออกแบบมาให้ลงทุนได้สะดวกเช่นกัน เพราะนักลงทุนสามารถใช้บัญชีเดียวกับหุ้นไทยซื้อขาย L&I ETFs เหมือนหุ้นและ DW ทั่วไปได้ แถมไม่ต้องวาง Margin และไม่มีวันหมดอายุ จุดนี้ถือว่าสะดวกและเข้าถึงได้ง่ายมาก
อีกจุดที่ต่างจาก DW คือ L&I ETFs ไม่มี Time Decay ที่ทำให้ราคาลดลงตามเวลา แต่ L&I ETFs ยังมีการรีเซ็ตฐานทุกวัน ทำให้เกิดผลทบต้นที่ทำให้ผลตอบแทนสะสมหลายวันอาจไม่ตรงกับที่คาดไว้
L&I ETFs จะมีอัตราทด (Gearing) ที่ชัดเจนและจำกัดอยู่ที่ 1–2 เท่า ต่างจาก DW ที่บางครั้งอาจมี Gearing สูงถึง 5–20 เท่า ทำให้ L&I ETFs ขยับแรงกว่ากองทุนปกติ แต่ไม่ผันผวนเกินไปจนควบคุมยาก ข้อดีคือ นักลงทุนมั่นใจได้ว่าในแต่ละวันผลตอบแทนจะมีแนวโน้มเป็นไปตามอัตราทดที่กำหนด (+2X, −1X, −2X)
อย่างไรก็ตาม ใช่ว่า L&I ETFs จะไม่มีข้อจำกัด เพราะถ้าใช้ผิดวิธีก็อาจกลายเป็นความเสี่ยงได้เหมือนกัน
ข้อควรระวังในการใช้ L&I ETFs
- ไม่เหมาะสำหรับการถือยาว
- หากตลาด Sideway ผลตอบแทนสะสมของ L&I ETFs มักจะถูกลดทอน แม้ดัชนีอ้างอิงจะยืนเท่าเดิมในท้ายที่สุด
- ผลตอบแทนสะสมอาจไม่ตรงกับที่คิด
- การรีเซ็ตฐานทุกวัน ทำให้ผลตอบแทนสะสมหลายวันอาจไม่เท่ากับการคูณตรง ๆ จากดัชนีอ้างอิง
- ความผันผวนสูง
- L&I ETFs ขยับแรงกว่า ETF ปกติ อาจสร้างกำไรเร็ว แต่ก็ขาดทุนได้เร็วเช่นกัน ถ้าใช้ผิดเวลา
- ค่าธรรมเนียมอาจสูงกว่าปกติ
- ค่าธรรมเนียมการบริหารของ L&I ETFs มักสูงกว่า ETF ทั่วไป
แล้วตอนนี้ประเทศไทยมี L&I ETFs ให้ลงทุนหรือยัง?
ทีม Global Investing หลักทรัพย์บัวหลวง ระบุว่า หลังจากที่เราเห็น L&I ETFs ได้รับความนิยมอย่างมากในต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ ยุโรป หรือฮ่องกง วันนี้ นักลงทุนไทยก็กำลังจะได้สัมผัสเครื่องมือชนิดนี้อย่างเป็นทางการครั้งแรก โดยเริ่มต้นจาก L&I ETFs ที่อ้างอิงดัชนี SET50 Total Return Index (TRI) ซึ่งเป็นหนึ่งในดัชนีหลักของตลาดหุ้นไทย
ผลิตภัณฑ์ L&I ETFs แรกในไทย
- Leveraged ETF
2X01BSET50 : เก็งกำไรขาขึ้นของดัชนี SET50 TRI ด้วยอัตราทด 2 เท่า
- Inverse ETF
1I01BSET50 และ 2I01BSET50 : ใช้ป้องกันความเสี่ยงหรือเก็งกำไรขาลงบนดัชนี SET50 TRI ด้วยอัตราทด 1 และ 2 เท่า ตามลำดับ
สามารถแยกอ่าน Ticker ของ L&I ETFs ออกเป็น 3 ส่วนหลัก ๆ
- ตัวเลขแรก (1 หรือ 2) = บอกอัตราทดของ ETF
- ตัวอักษรถัดมา (X หรือ I) = ประเภทของ ETF
- X = Leveraged (ขยายผลตอบแทนของดัชนี)
- I = Inverse (สวนทางกับดัชนี)
- ชื่อกองทุน = ส่วนที่เหลือ
ยกตัวอย่างเช่น 2X01BSET50 = Leveraged ETF ที่มีอัตราทด 2 เท่า อ้างอิงดัชนี SET50 TRI
L&I ETFs ชุดนี้ออกโดย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บางกอกแคปปิตอล จำกัด : BCAP ซึ่งเป็นผู้จัดการกองทุน ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง จำกัด (มหาชน) : BLS ทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลสภาพคล่อง (Market Maker)
การมาของ L&I ETFs ชุดแรกในประเทศไทย จึงไม่ใช่เป็นเพียงการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ในตลาด แต่คือ อีกหนึ่งก้าวสำคัญของพัฒนาการตลาดทุนไทย ที่เปิดโอกาสให้นักลงทุนเข้าถึงเครื่องมือที่ทันสมัย ใช้ง่าย และมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ไม่ว่าจะเพื่อเก็งกำไรในจังหวะที่มั่นใจ หรือเพื่อป้องกันความเสี่ยงยามตลาดผันผวน
สุดท้ายแล้ว L&I ETFs จึงเป็นเหมือน “อาวุธใหม่” ของนักลงทุนไทย ที่ช่วยให้การลงทุนครบเครื่องยิ่งขึ้น อยู่ที่ว่าเราจะเลือกใช้มันอย่างไรให้สอดคล้องกับเป้าหมายและสไตล์ของตัวเอง
บทความอื่น ๆ ของผู้เขียน
เกาะเมกะเทรนด์ EV ด้วยโอกาสลงทุนในหุ้น CATL ผ่าน DR บนตลาดหุ้นไทย
กระจายพอร์ตออมหุ้นสร้างสมดุลอย่างไร ในวันที่โลกไม่แน่นอน




