Share on
×

Share

NIA ชู Health & Wellness สมรภูมิที่ไทยได้เปรียบ ชู Hospitality สู้ศึกโลก

NIA ชู Health & Wellness สมรภูมิที่ไทยได้เปรียบ ชู Hospitality สู้ศึกโลก

บนเวที Bitkub Summit 2025 ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIAได้ให้ทรรศนะเชิงยุทธศาสตร์ที่น่าสนใจต่อทิศทางธุรกิจและนวัตกรรมของไทย โดยเริ่มต้นจากการอธิบายความสำคัญของ 3 แนวคิดหลักในงานครั้งนี้ ได้แก่ Financial Literacy (ทักษะการเงิน), Digital Literacy (ทักษะดิจิทัล) และ Health Literacy (ทักษะสุขภาพ)

ดร.กริชผกา อธิบายว่า ทั้ง 3 องค์ประกอบนี้ ไม่ได้แยกส่วนกัน แต่ล้วนเป็น “ส่วนสำคัญในการใช้ชีวิตของเรา” อย่างแท้จริง โดยครอบคลุมตั้งแต่ช่วง “เกิดมาทำงาน จนกระทั่งท้ายสุดในการดูแลชีวิตของตัวเอง” โดยได้ให้น้ำหนักเป็นพิเศษกับมิติของ “สุขภาพ” โดยชี้ให้เห็นว่าเป็นรากฐานที่สำคัญที่สุด

สุขภาพคือรากฐานที่แท้จริงของความมั่งคั่ง

ประเด็นสำคัญที่ ดร.กริชผกา ต้องการสื่อสารคือ การจัดลำดับความสำคัญของชีวิต โดยชี้ให้เห็นประเด็นปัญหา (Pain Point) ที่ลึกซึ้งว่าแม้คนเราจะมุ่งมั่นแสวงหาความมั่งคั่งทางการเงิน (Financial Currency) หรือมีเวลามากมาย แต่สิ่งเหล่านั้นจะด้อยค่าลงทันทีหากปราศจากสุขภาพที่ดี

“ท้ายที่สุดท่านมีเงิน มีเวลา แต่ถ้าท่านมีร่างกายที่ไม่แข็งแรง เงินและเวลาเหล่านั้นน่ะ ไม่มีประโยชน์เลยนะ เพราะท่านต้องใช้เงินและเวลาในการเจ็บป่วยดูแลตัวเอง”

“Health Literacy” ไม่ใช่แค่เทรนด์ แต่เป็นปัจจัยพื้นฐานที่ค้ำจุนอีกสององค์ประกอบที่เหลือ คือการเงินและดิจิทัล เพราะหากสุขภาพล้มเหลว ความมั่งคั่งและเวลาที่มีก็ต้องถูกนำไปใช้เพื่อการรักษาพยาบาลอยู่ดี

ทลายความเชื่อ “Longevity” ไม่ใช่แค่เรื่องของคนรวย

ดร.กริชผกา ได้ขยายความแนวคิด Health Literacy ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในมิติของ Longevity หรือการมีชีวิตที่ยืนยาวอย่างมีคุณภาพ ดร.กริชผกา ชี้ว่า หลายคนมักเข้าใจผิดว่าเรื่องนี้จะต้องเป็นสิ่งที่คนมีเงิน สามารถเข้าถึงได้เท่านั้น โดยนึกถึงเทคโนโลยีราคาแพงอย่างสเต็มเซลล์

แต่มุมมองของ NIA คือการเปิดตลาดแนวคิดนี้ให้กว้างขึ้น โดยระบุว่าปัจจัยพื้นฐานของสุขภาพที่ดี มาจากการดำเนินของการใช้ชีวิต” แม้อาจจะไม่มีเงินร้อยล้านพันล้าน แต่ท่านสามารถดูแลสุขภาพให้ดีได้

ธุรกิจและนวัตกรรมด้านสุขภาพไม่จำเป็นต้องมุ่งเน้นไปที่ตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) ระดับบนเสมอไป แต่ยังมีโอกาสมหาศาลในตลาดที่เน้นปัจจัยพื้นฐาน เช่น อาหาร อารมณ์ การจัดการความเครียด และจิตใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนเข้าถึงได้ ดร.กริชผกา ยกตัวอย่างรูปธรรมว่า “คนที่นั่งสมาธิ ปฏิบัติธรรม จะมีใบหน้าที่ผ่องใส เพราะว่าจิตใจจะนึกถึงแต่สิ่งที่ดี ๆ”

ชี้เป้ายุทธศาสตร์ชาติ “Health & Wellness” คือสมรภูมิที่เราชนะได้

นี่คือประเด็นเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญที่สุด ดร.กริชผกา วิเคราะห์ภาพการแข่งขันระดับโลกอย่างตรงไปตรงมาว่า ในสมรภูมิที่ใช้เทคโนโลยีเข้มข้นอย่าง AI แม้จะเป็นสิ่งจำเป็นที่ทุกคนต้องเรียนรู้และปรับตัว แต่ “เราอาจจะไม่สามารถทำ AI ขึ้นมาแข่งขันกับในโลกใบนี้ได้”

นี่คือการยอมรับความจริงว่า ตลาด AI เป็นสมรภูมิที่ต้องใช้เงินทุนมหาศาล (Capital-Intensive) และมีการแข่งขันที่ดุเดือด (Red Ocean)

ในทางกลับกัน ดร.กริชผกา ชี้ให้เห็นโอกาสในสมรภูมิที่ประเทศไทยมีจุดขายที่แตกต่างและเป็นต้นทุนที่แข็งแกร่ง นั่นคืออุตสาหกรรม “Health and Medical” และ “Health and Wellness” โดยระบุว่า “เราสามารถสร้างเรื่อง health and medical ให้เป็นอุตสาหกรรมแห่งชาติได้”

เหตุผลสนับสนุนคือ “สินทรัพย์” ที่คู่แข่งลอกเลียนแบบได้ยาก นั่นคือ “หัวใจของคนไทย” ดร.กริชผกา อธิบายว่า ธรรมชาติของคนไทยที่มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ โอบอ้อมอารี และมีจิตวิญญาณแห่งการบริการที่สูง ถือเป็นคุณสมบัติที่ทรงคุณค่าอย่างยิ่งในธุรกิจบริการด้านสุขภาพ ซึ่งต้องการความเข้าอกเข้าใจและการดูแลเอาใจใส่สิ่งนี้จึงเป็น “จุดขายเชิงยุทธศาสตร์” ของประเทศ

“จัดงานฟรี” คือการลงทุนสร้าง Ecosystem

สุดท้าย ดร.กริชผกา เชื่อมโยงการพัฒนาอุตสาหกรรมเหล่านี้เข้ากับการสร้างระบบนิเวศ (Ecosystem) ด้านนวัตกรรม โดยชื่นชม Bitkub ในฐานะหัวใจของเอกชนที่ควักกระเป๋าเงินส่วนตัว จัดงาน Summit ให้ประชาชน “ลงทะเบียนได้ฟรี”

นี่ไม่ใช่แค่การทำการตลาด แต่คือ “การลงทุน” เพื่อสร้างรากฐานของอุตสาหกรรม ดร.กริชผกา ระบุว่า ทั้ง NIA และเอกชน อย่าง Bitkub ต่างก็จัดงานฟรี “เพราะเราเชื่อว่ามันเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้อีโคซิสเต็มด้านสตาร์ตอัพกับเทคโนโลยีให้ประชาชนสามารถเข้าถึงได้”

นี่คือการชี้ให้เห็นว่า การจะพลิกโฉมประเทศได้นั้น จำเป็นต้องเริ่มจากการสร้างการเข้าถึงองค์ความรู้ให้กว้างขวางที่สุด เพื่อให้องค์ความรู้เหล่านี้เป็น “พื้นฐานในการปรับเปลี่ยน” ประเทศไทยให้พร้อมรับมือกับยุคดิจิทัลและ AI ต่อไป

×

Share

ผู้เขียน