Share on
×

Share

ดร.วินน์ Botnoi ผุด ‘Thai Flood Help’ ใช้ AI ชี้เป้ากู้ภัยน้ำท่วมใต้

ดร.วินน์ Botnoi ผุด ‘Thai Flood Help’ ใช้ AI ชี้เป้ากู้ภัยน้ำท่วมใต้

ดร.วินน์ วรวุฒิคุณชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัท บอทน้อย กรุ๊ป (Botnoi Group) สตาร์ตอัพด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ชั้นนำของไทย ตัดสินใจพัฒนาแพลตฟอร์ม “Thai Flood Help” ผ่านการเขียนโปรแกรมสด (Vibe Coding) ทันทีที่เดินทางกลับถึงประเทศไทยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา หลังได้รับรายงานว่าครอบครัวที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา กำลังประสบวิกฤติอุทกภัยอย่างหนัก โดยระดับน้ำสูงขึ้นถึงชั้น 2 ของอาคารที่พัก ทำให้สมาชิกในครอบครัวต้องย้ายหนีน้ำขึ้นไปอาศัยอยู่บนชั้น 3 

ดร.วินน์ ระบุว่าปัญหาสำคัญของการช่วยเหลือในขณะนี้ไม่ใช่เพียงระดับน้ำ แต่คือปริมาณข้อมูลขอความช่วยเหลือบนสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) ที่มีจำนวนมากและกระจัดกระจาย (Unstructured Data) ทำให้ยากต่อการบริหารจัดการและจัดลำดับความสำคัญ จึงได้นำความเชี่ยวชาญด้าน AI มาประยุกต์ใช้เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว โดยมีกลไกการทำงานทางเทคโนโลยีที่สำคัญ 3 ส่วน ดังนี้

‘Thai Flood Help’ ใช้ AI ชี้เป้ากู้ภัยน้ำท่วมใต้

1. การสกัดและจัดโครงสร้างข้อมูลด้วย AI (Data Extraction via LLM) ระบบถูกออกแบบให้ทำงานร่วมกับโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (Large Language Model: LLM) เพื่อทำหน้าที่แปลงข้อความขอความช่วยเหลือที่ผู้ใช้งานคัดลอก (Copy) มาจากโซเชียลมีเดีย ให้กลายเป็นข้อมูลที่มีโครงสร้าง (Structured Data) โดยอัตโนมัติ ระบบจะสกัดข้อมูลสำคัญ ได้แก่ ชื่อผู้ประสบภัย เบอร์โทรศัพท์ และพิกัดที่อยู่ พร้อมจำแนกกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้ป่วยติดเตียง เด็ก หรือผู้สูงอายุ 

นอกจากนี้ AI ยังทำหน้าที่ประเมินและจัดลำดับความเร่งด่วน (Urgency Level) ออกเป็น 5 ระดับ ตามความรุนแรงของสถานการณ์ในข้อความ เช่น หากพบข้อมูลเด็กทารกหรือน้ำท่วมถึงหลังคา จะถูกจัดให้อยู่ในระดับวิกฤติสูงสุด (Level 5) 

2. การขจัดข้อมูลซ้ำซ้อนด้วย Vector Database เพื่อแก้ปัญหาการโพสต์ขอความช่วยเหลือซ้ำซ้อน (Duplication) ที่เกิดจากการแชร์ต่อกันเป็นจำนวนมาก ระบบได้นำเทคโนโลยี Vector Database มาใช้งาน โดยแปลงข้อความข้อมูลดิบให้เป็นรูปแบบเวกเตอร์ (Vector) หรือชุดตัวเลขทางคณิตศาสตร์ เมื่อมีข้อมูลใหม่เข้ามา ระบบจะทำการเปรียบเทียบค่าเวกเตอร์กับฐานข้อมูลที่มีอยู่ หากพบว่ามีความคล้ายคลึงกันเกินกว่า 85% ระบบจะระบุว่าเป็นข้อมูลซ้ำและคัดกรองออก เพื่อให้ฐานข้อมูลมีความถูกต้องและแม่นยำสูงสุด 

3. ระบบสืบค้นข้อมูลอัจฉริยะ (RAG Search) แพลตฟอร์มดังกล่าวยังรองรับการสืบค้นข้อมูลขั้นสูงด้วยเทคนิค Retrieval-Augmented Generation (RAG) ซึ่งช่วยให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยหรืออาสาสมัครสามารถพิมพ์คำค้นหาด้วยภาษาธรรมชาติเสมือนการพูดคุยกับ Chatbot เช่น “ค้นหาผู้ป่วยติดเตียงในพื้นที่” ระบบจะประมวลผลและดึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องจากฐานข้อมูลมาแสดงผลทันที 

เปิด Open Source ระดมนักพัฒนาทั่วประเทศ โครงการ Thai Flood Help พัฒนาขึ้นบนแพลตฟอร์ม Low-code ร่วมกับการใช้ API ของ Google Gemini โดย ดร.วินน์ ได้ประกาศเปิดเผยซอร์สโค้ดทั้งหมดในรูปแบบ Open Source บน GitHub เพื่อให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์และโปรแกรมเมอร์ชาวไทย สามารถนำไปพัฒนาต่อยอด (Fork) หรือช่วยปรับปรุงระบบให้รองรับการใช้งานในวงกว้าง (Scaling) รวมถึงการเชื่อมต่อ API กับแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียโดยตรงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดึงข้อมูล 

ผู้ที่สนใจร่วมพัฒนาหรือติดตามความคืบหน้าของโครงการ สามารถเข้าถึงข้อมูลและร่วมดำเนินการได้ที่ GitHub ของ Thai Flood Help 

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

ชี้เป้า-เชื่อมโยง-ช่วยเหลือ: ปฏิบัติการเทคโนโลยีรับมือน้ำท่วมภาคใต้

เทคไทยระดม ‘AI-โดรน-ดาวเทียม’ กู้ภัยน้ำท่วมใต้

×

Share

ผู้เขียน