บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ (InnovestX) ในกลุ่ม SCBX ประเมินแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในวันนี้ (27 ต.ค.) ว่าจะแกว่งตัวผันผวน โดยมีแนวรับที่ 1305/1295 จุด และแนวต้านที่ 1320/1330 จุด InnovestX ระบุว่า ตลาดให้น้ำหนักกับปัจจัยภายนอกประเทศเป็นหลัก โดยเฉพาะการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และความคืบหน้าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน
แม้ปัจจัยในประเทศบางส่วนจะกดดันบรรยากาศการลงทุน โดยมีคำแนะนำให้หลีกเลี่ยงการลงทุนในหุ้นกลุ่มบันเทิง สื่อโฆษณา และท่องเที่ยวในระยะสั้น แต่คาดว่าผลประกอบการของ DELTA ที่ประกาศออกมาดีกว่าคาด อาจช่วยพยุงตลาดในช่วงเปิดการซื้อขายได้
ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้
ประเด็นหลักที่ตลาดจับตาในสัปดาห์นี้ คือ การประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสำคัญหลายแห่ง ได้แก่ การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟด ในวันที่ 28-29 ต.ค. การประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) วันที่ 30 ต.ค. และการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) วันที่ 29-30 ต.ค. โดยตลาดคาดการณ์ว่าเฟดอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% สู่ระดับ 4.00% ขณะที่คาดว่า ECB และ BoJ จะยังคงมติคงอัตราดอกเบี้ย
นอกจากนี้ ตลาดยังติดตามการเจรจาระหว่างผู้นำสหรัฐฯ และจีน หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายบรรลุกรอบความร่วมมือทางการค้า “Very Substantial Framework” ซึ่งจะส่งผลให้สหรัฐฯ ชะลอการใช้ภาษีนำเข้าสินค้าจีน และจีนตกลงที่จะกลับมาซื้อถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ ในปริมาณมาก
สำหรับปัจจัยในประเทศ คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) มีมติให้กองทุนน้ำมันฯ ช่วยประคองเสถียรภาพราคา โดยจะตรึงราคาดีเซลไว้ที่ 32 บาทต่อลิตร ซึ่งมองเป็นผลบวกต่อกลุ่มค้าปลีกน้ำมัน ขณะเดียวกัน สหรัฐฯ และไทยได้บรรลุกรอบ “ข้อตกลงการค้าแบบซึ่งกันและกัน” ซึ่งไทยจะยกเลิกอุปสรรคภาษีศุลกากร 99% สำหรับสินค้าสหรัฐฯ
แนะกลยุทธ์ “Selective Buy”
กลยุทธ์การลงทุนในช่วงสั้นยังคงแนะนำ “Selective Buy” โดยมุ่งเน้น 2 ธีมหลัก ได้แก่:
- หุ้น Earnings Play: เลือกหุ้นที่คาดว่าผลการดำเนินงานไตรมาส 3/68 จะยังเติบโตดี อาทิ ADVANC, BCP, LHSC, OR, PTT, TRUE
- หุ้นได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง: คาดการณ์ว่า กนง. อาจปรับลดดอกเบี้ยนโยบายในเดือน ธ.ค. หุ้นที่ได้ประโยชน์ ได้แก่ กลุ่มที่มีต้นทุนการเงินลดลง (CENTEL, GPSC, TRUE) กลุ่มที่กำลังซื้อผู้บริโภคดีขึ้น (AP, MTC, TIDLOR) และกลุ่ม REITs
นอกจากนี้ ยังมี 2 ธีมเทรดดิ้งสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ คือ 1) หุ้นที่ได้ประโยชน์จากข้อตกลงการค้าสหรัฐฯ-จีน (IVL, PTTGC, SCC, SCGP) และ 2) หุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ (CPALL, BJC, CRC, HMPRO)
ภาพรวมตลาดสัปดาห์ก่อน
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ณ วันที่ 24 ต.ค. 2568 ปิดที่ระดับ 1,313.91 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น 11.56 จุด (+0.89%) ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 44,292.96 ล้านบาท
สรุปการซื้อขายแยกตามกลุ่มผู้ลงทุนในวันที่ 24 ต.ค. พบว่า นักลงทุนต่างชาติเป็นผู้ซื้อสุทธิ 2,238 ล้านบาท ขณะที่สถาบันในประเทศขายสุทธิ (1,424) ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 1,214 ล้านบาท และนักลงทุนบุคคลในประเทศขายสุทธิ (2,027) ล้านบาท
ทั้งนี้ ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปี (YTD) นักลงทุนต่างชาติยังคงมียอดขายสุทธิรวม (95,580) ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนบุคคลในประเทศเป็นผู้ซื้อสุทธิหลัก 122,089 ล้านบาท
สำหรับปฏิทินเศรษฐกิจสำคัญในสัปดาห์นี้ที่ต้องติดตาม ได้แก่ การรายงานตัวเลข GDP ไตรมาส 3 (เบื้องต้น) ของสหรัฐฯ และยุโรป (30 ต.ค.) ดัชนี PCE สหรัฐฯ (31 ต.ค.) ดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีน (31 ต.ค.) และรายงานภาวะเศรษฐกิจไทยโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (31 ต.ค.)
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
สภาพัฒน์ เบรกดัง ‘ดาต้าเซ็นเตอร์’ ผลาญน้ำ-ไฟมหาศาล จ้างงานต่ำ ซ้ำเติมเหลื่อมล้ำ
Volvo ES90 เปิดตัวในไทย เคาะราคา 2.99 ล้านบาท วิ่งไกล 755 กม.




