นี่คือการเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์ครั้งใหญ่ เป็นการปักหมุดโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI และคลาวด์ครั้งสำคัญของไทย เมื่อเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) – ทรู คอร์ปอเรชั่น และ ทรู อินเทอร์เน็ต ดาต้าเซ็นเตอร์ (ทรู ไอดีซี) ประกาศจับมือกับยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีระดับโลกอย่าง ไมโครซอฟท์
ความร่วมมือครั้งนี้มีเป้าหมายชัดเจน คือการผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่เชื่อถือได้ และเป็นฮับนวัตกรรมคลาวด์แห่งภูมิภาค หัวใจสำคัญของดีลนี้ที่ต้องขีดเส้นใต้ไว้ คือการที่ ทรู ไอดีซี (True IDC) จะมีบทบาทเป็นหนึ่งในพันธมิตรหลักด้านดาต้าเซ็นเตอร์ เพื่อสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ของไมโครซอฟท์ในประเทศไทย
จุดเปลี่ยนสำคัญ: เมื่อดาต้าเซ็นเตอร์ระดับโลกตั้งฐานในไทย
การที่ไมโครซอฟท์เลือกใช้ดาต้าเซ็นเตอร์ที่บริหารโดย ทรู ไอดีซี ในประเทศไทย ถือเป็นความเคลื่อนไหวที่สร้างจุดเปลี่ยนสำคัญให้กับแวดวงเทคโนโลยีในประเทศ
นั่นหมายความว่า องค์กรไทยทั้งภาครัฐและเอกชนจะสามารถเข้าถึงบริการคลาวด์และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ระดับโลกของไมโครซอฟท์ได้โดยตรงจากโครงสร้างพื้นฐานที่ตั้งอยู่ภายในประเทศ ซึ่งจะช่วยปลดล็อกศักยภาพดิจิทัลของไทยได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยมีปัจจัยหลัก 2 ประการ ดังนี้
ความหน่วงต่ำ (Low Latency) เมื่อศูนย์ข้อมูลตั้งอยู่ในประเทศ การประมวลผลและการรับส่งข้อมูลจะเกิดขึ้นใกล้ตัวผู้ใช้งานมากขึ้น ส่งผลให้บริการดิจิทัลต่างๆ มีความรวดเร็ว เสถียร และตอบสนองได้เกือบจะทันที (Real-time) ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญสำหรับเทคโนโลยียุคใหม่ เช่น แอปพลิเคชัน AI, Internet of Things (IoT) และระบบที่ต้องการความแม่นยำสูง
การจัดเก็บข้อมูลภายในประเทศ (Data Residency) นี่คือประเด็นสำคัญที่ช่วยตอบสนองข้อกังวลและข้อกำหนดด้านกฎหมาย โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่มีการกำกับดูแลเข้มงวด เช่น กลุ่มการเงิน-การธนาคาร การแพทย์-โรงพยาบาล และหน่วยงานภาครัฐ การที่ข้อมูลสำคัญของคนไทยถูกจัดเก็บและประมวลผลอยู่ภายในประเทศ ช่วยให้องค์กรเหล่านี้สามารถปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านอธิปไตยทางข้อมูลและความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ได้อย่างสมบูรณ์
ดังนั้น การเคลื่อนไหวครั้งนี้จึงมีความหมายมากกว่าการนำซอฟต์แวร์มาใช้งาน แต่คือการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของประเทศทั้งระบบ ซึ่งเป็นการตอกย้ำศักยภาพและบทบาทของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางดิจิทัลที่สำคัญของภูมิภาคอย่างแท้จริง
มุมมอง ซีพี-ทรู: ความร่วมมือที่ไกลกว่าพันธมิตรทางธุรกิจ

ศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ ได้ขยายความถึงวิสัยทัศน์เบื้องหลังความร่วมมือครั้งนี้ว่า เป้าหมายไม่ได้จำกัดอยู่แค่การดำเนินธุรกิจ แต่คือการวางรากฐานเพื่อสร้างระบบนิเวศแห่งการเรียนรู้และนวัตกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี AI และคลาวด์ ซึ่งสอดคล้องกับปรัชญา “สามประโยชน์” ของเครือซีพี ที่มุ่งสร้างประโยชน์ต่อประเทศชาติ ประชาชน และองค์กรเป็นสำคัญ
คุณศุภชัยยังได้ให้มุมมองว่า ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ไม่ได้เป็นเพียงเทคโนโลยีที่ซับซ้อน แต่เป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจ และยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนในวงกว้าง ในบริบทนี้ การที่ไมโครซอฟท์ตัดสินใจเลือกใช้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ของทรู ไอดีซี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มซีพี จึงมีความหมายอย่างยิ่ง เพราะถือเป็นการตอกย้ำและยืนยันถึงศักยภาพของประเทศไทย ในฐานะศูนย์กลางด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล (Digital Infrastructure Hub) ของภูมิภาค
ดังนั้น ความเคลื่อนไหวทั้งหมดนี้ จึงสะท้อนทิศทางเชิงกลยุทธ์ของเครือซีพีและกลุ่มทรู ที่กำลังมุ่งมั่นปรับเปลี่ยนองค์กรสู่การเป็นบริษัทที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี (Tech-Driven Company) อย่างเต็มรูปแบบ
3 เสาหลักเชิงกลยุทธ์ ขับเคลื่อนอนาคต AI ไทย

ซิกเว่ เบรกเก้ ประธานคณะผู้บริหารกลุ่ม บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้อธิบายเพิ่มเติมถึงกรอบการทำงานของความร่วมมือครั้งนี้ว่า จะขับเคลื่อนผ่าน 3 ยุทธศาสตร์สำคัญ หรือเปรียบเสมือนเสาหลัก 3 ต้น ที่จะค้ำจุนอนาคตดิจิทัลของประเทศ ได้แก่
การผลักดันการเปลี่ยนแปลงสู่คลาวด์และ AI (Cloud & AI Transformation) เป้าหมายแรกคือการยกระดับศักยภาพทางเทคโนโลยีของประเทศในภาพรวม โดยใช้เทคโนโลยีคลาวด์และ AI เป็นตัวเร่งปฏิกิริยา
การพัฒนาแผนกลยุทธ์สู่ตลาด (Go-to-Market Strategy) ทั้งสองฝ่ายจะทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เพื่อวางแผนและผลักดันการนำโซลูชัน AI และคลาวด์ไปประยุกต์ใช้จริงในภาคส่วนต่างๆ อย่างจริงจัง ทั้งในภาครัฐและภาคเอกชน
การเสริมความแข็งแกร่งของโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Strengthening) นี่คือรากฐานสำคัญ โดยมี ทรู ไอดีซี ทำหน้าที่เป็นผู้ให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ เพื่อรองรับการให้บริการคลาวด์ของไมโครซอฟท์ในประเทศไทยโดยตรง
ด้าน มายังก์ วาดห์วา ประธาน ไมโครซอฟท์ อาเซียน ได้กล่าวเสริมในมุมมองของไมโครซอฟท์ว่า การร่วมมือกับเครือซีพี ซึ่งมีระบบนิเวศธุรกิจ (Ecosystem) ที่ครอบคลุมหลากหลายอุตสาหกรรม และทรู ซึ่งมีโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสารและดิจิทัลที่แข็งแกร่งทั่วประเทศ ถือเป็นการผสานพลังที่ลงตัวอย่างยิ่ง ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันของไทยให้ทัดเทียมในระดับสากล
วิสัยทัศน์ก้าวต่อไป: มุ่งพัฒนา “คน” ควบคู่ “การป้องกัน”
ความร่วมมือครั้งนี้ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงการวางโครงสร้างพื้นฐานดาต้าเซ็นเตอร์เท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงแผนงานต่อยอดโครงการสำคัญ ที่จะเป็นหัวใจในการขับเคลื่อนอนาคตดิจิทัลของไทย โดยมุ่งเน้นใน 2 มิติหลัก ได้แก่
การเสริมสร้างความมั่นคงทางดิจิทัล (Cyber Security): หนึ่งในภารกิจเร่งด่วนคือการป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ โดยมีการเตรียมพัฒนา “ศูนย์ปฏิบัติการด้านความปลอดภัยบนคลาวด์” (Cloud Security Operations Center หรือ SOC) ซึ่งจะนำเทคโนโลยี AI มาเป็นกลไกหลักในการตรวจจับภัยคุกคาม วิเคราะห์เชิงคาดการณ์ และตอบสนองต่อเหตุการณ์แบบเรียลไทม์ เพื่อสร้างเกราะป้องกันที่แข็งแกร่งให้กับระบบนิเวศดิจิทัลของประเทศ
การสร้างโอกาสการเรียนรู้ (Digital Learning): ควบคู่ไปกับการพัฒนาเทคโนโลยี คือการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยจะมีการผลักดันการพัฒนาทักษะและองค์ความรู้ด้านดิจิทัลในวงกว้าง ให้ครอบคลุมทั้งพนักงานในเครือซีพี-ทรู, กลุ่มเยาวชน และสังคมไทยโดยรวม เพื่อเป็นการบ่มเพาะคนรุ่นใหม่ให้มีความพร้อม และสามารถเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลในอนาคต
คุณศุภชัย กล่าวสรุปปิดท้ายว่า เป้าหมายสูงสุดของความร่วมมือทั้งหมดนี้ คือการร่วมกันสร้างอนาคตใหม่ให้กับประเทศไทย และผลักดันให้ประเทศสามารถยกระดับขึ้นสู่การเป็นผู้นำในยุคปัญญาประดิษฐ์ (AI) อย่างแท้จริง
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
ดีอี ผลักดัน พ.ร.ก.โต้ภัยออนไลน์ เตรียมลงนามร่วม UN ต้านสแกมมิ่ง
True Business พลิกโฉมสู่ Intelligence Play ชู AI-Data ดันธุรกิจไทยโต




