จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ได้นำเสนอภาพอนาคตขององค์กรภายใต้วิสัยทัศน์ “Gateways to the Future” โดยมีการประกาศทิศทางกลยุทธ์ครั้งสำคัญ ซึ่งสะท้อนถึงการขยายตัวทางธุรกิจที่ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงในโลกของสินทรัพย์ดิจิทัลอีกต่อไป
กลยุทธ์ดังกล่าวเป็นการอธิบายว่า Bitkub กำลังมุ่งขยายสมรภูมิการลงทุนและพัฒนาธุรกิจใหม่เข้าไปในสองอุตสาหกรรมหลักที่ถูกมองว่าเป็นอนาคตของโลก ได้แก่ AI (ปัญญาประดิษฐ์) และ Longevity (ธุรกิจด้านสุขภาพและการมีชีวิตที่ยืนยาว)
ขณะเดียวกัน Bitkub ก็ไม่ได้ละทิ้งธุรกิจหลัก แต่ได้ทำการยกระดับครั้งใหญ่ควบคู่กันไป โดย Bitkub Exchange ได้เปิดตัวชุดฟีเจอร์ใหม่ภายใต้แนวคิด “The Next Chapter” ซึ่งประกอบด้วย 9 ฟีเจอร์สำคัญ พร้อมกันนี้ KUB Chain ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานบล็อกเชนหลักของเครือ ก็จะถูกยกระดับสู่มาตรฐานสากลอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต
เจาะวิสัยทัศน์ ‘คุณท๊อป จิรายุส’: ควัก 40 ล้านจัดงานฟรี ชู 3 เสาหลักแห่งอนาคต
ในการกล่าวเปิดงาน Bitkub Summit 2025 คุณท๊อป ได้อธิบายถึงวิสัยทัศน์และเจตนารมณ์เบื้องหลังการจัดงานครั้งนี้ ซึ่งถือเป็นงานที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่ Bitkub เคยจัดมา และอาจนับเป็นหนึ่งในเวทีเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ
คุณท๊อปอธิบายว่า งานนี้คือภาพสะท้อนความฝันที่ต้องการสร้างบริษัทเทคโนโลยีสัญชาติไทย 100% ทั้งในแง่ของผู้ถือหุ้น ผู้บริหาร และพนักงาน ที่สามารถเติบโตจนมีศักยภาพในการจัดงานประชุมใหญ่ประจำปีของตนเองได้ เทียบเคียงกับงานระดับโลกอย่าง Dreamforce ของ Salesforce
ประเด็นสำคัญที่คุณท๊อปเปิดเผย คือการลงทุนด้วยงบประมาณส่วนตัวถึง 40 ล้านบาท เพื่อให้คนไทยสามารถเข้าร่วมงานได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายตลอด 2 วัน ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม โดยมีผู้ลงทะเบียนล่วงหน้าถึง 50,000 คน และเข้าร่วมในฮอลล์หลัก 5,000 คน
เหตุผลสำคัญเบื้องหลังการตัดสินใจนี้ มาจากการตั้งคำถามว่า เหตุใดการยกระดับทักษะ (Upskill-Reskill) ของคนทั้งประเทศจึงต้องมีกำแพงเรื่องค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะในยามที่ประเทศกำลังเผชิญกับ 3 วิกฤตการณ์ใหญ่ งานนี้จึงถูกออกแบบมาเพื่อชู 3 เสาหลักแห่งความรู้ที่จำเป็นสำหรับอนาคต เพื่อรับมือกับปัญหาเหล่านั้น
- Financial Literacy (ความรู้ทางการเงิน) เพื่อเป็นทางออกของปัญหาวิกฤตหนี้ครัวเรือน ซึ่งปัจจุบันสูงถึง 90% ของ GDP
- Digital Literacy (ความรู้ทางดิจิทัล) เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับการเข้ามาของ AI ซึ่ง World Economic Forum (WEF) คาดการณ์ว่าจะส่งผลกระทบต่อ 1 ใน 3 ของประชากรวัยทำงานทั่วโลกภายในปี 2030
- Health Literacy (ความรู้ทางสุขภาพ) คุณท๊อปเรียกสิ่งนี้ว่าเป็นวิกฤติที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย โดยชี้ให้เห็นถึงปัญหาโครงสร้างประชากรที่อัตราการเกิดใหม่ลดลงเหลือเพียง 400,000 คนต่อปี (จากปกติ 1 ล้านคน) ทำให้คนวัยทำงานรุ่นปัจจุบันตกอยู่ในภาวะ “เดอะแบก” รุ่นสุดท้าย ที่ต้องรับภาระกองทุนประกันสังคมและสุขภาพที่ใกล้จะระเบิด
ปักธง 2 สมรภูมิใหม่: AI และ Longevity
การขยายวิสัยทัศน์ดังกล่าวได้สะท้อนสู่การปฏิบัติ ผ่านกลยุทธ์การลงทุนใหม่ที่ชัดเจน โดย เนาวรัตน์ ธรรมสวยดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ของบริษัท บิทคับ เวนเจอร์ส จำกัด และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายลงทุน (CIO) ของกลุ่มบริษัท บิทคับ แคปปิตอล โฮลดิ้งส์ อธิบายว่า บริษัทกำลังปักธงใน 2 สมรภูมิธุรกิจใหม่ที่มีศักยภาพการเติบโตมหาศาล ได้แก่ Longevity Wellness (ธุรกิจสุขภาพ) และ AI (ปัญญาประดิษฐ์) Bitkub Venture ได้ศึกษาและเล็งเห็นโอกาสในทั้งสองตลาดนี้ ซึ่งคาดการณ์ว่าจะมีขนาดใหญ่ถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์
การขับเคลื่อนใน 2 ธุรกิจใหม่นี้ ได้ถูกนำเสนอผ่านการดำเนินงานของ 2 บริษัทในเครือ ดังนี้

StayGo: แอปพลิเคชันสุขภาพครบวงจร การขับเคลื่อนในสมรภูมิ Longevity ดำเนินการผ่านบริษัทใหม่ในเครืออย่าง Bitkub Longevity (StayGo) พัฒน์สิญา เอี่ยวอุดมสิน Senior Longevity Business Manager ของ บริษัท บิทคับ ลองจีวิตี้ จำกัด (Bitkub Longevity)อธิบายว่า ภารกิจของบริษัทคือการมุ่งแก้ไขวิกฤติสุขภาพและรองรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยระดับสุดยอด (Super Age Society) โดยได้เปิดตัวแอปพลิเคชัน StayGold ซึ่งตั้งเป้าเป็น AI Personalized StayGold Protocol หรือโปรแกรมสุขภาพส่วนบุคคล แพลตฟอร์มนี้จะประกอบด้วย 4 แกนหลัก ได้แก่ StayGold Innovation (นวัตกรรมและ AI) StayGold Supplement (สารอาหาร) StayGold Longevity Service (บริการด้านไบโอแฮกเกอร์) และ StayGold Environment (ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิก)
Moonshot: ปรับทัพสู่การเป็น ‘AI First Company’ ขณะที่ในสมรภูมิ AI, Bitkub Moonshot คือกำลังหลักในการขับเคลื่อน ธนัท เบญจภัทรเศรษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายนวัตกรรม บริษัท บิทคับ มูนช็อต จำกัด ประกาศปรับกลยุทธ์องค์กรสู่การเป็น “AI First Company” โดยอธิบายว่า การปรับทัพครั้งนี้เกิดขึ้นหลังพบว่าทีม AI ที่จัดตั้งขึ้นใหม่ สามารถดำเนินโครงการได้รวดเร็วกว่าเดิมหลายเท่า บางโครงการใช้เวลาเพียงหลักวันหรือสัปดาห์ เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงนี้ บริษัทได้พัฒนาระบบ “Moonshot Engine” ซึ่งเป็นระบบบริหารจัดการโครงการที่ขับเคลื่อนด้วย AI (AI-driven project management) ระบบนี้ประกอบด้วยเครื่องมือภายในหลายส่วน เช่น Titan (ถอดเสียงและสรุปการประชุม) Big Bang (เขียนเอกสาร Requirement สำหรับนักพัฒนา) DevLeft (AI ช่วยเหลือนักพัฒนา) และ Polaris (แดชบอร์ดวิเคราะห์คุณภาพโครงการ) นอกจากนี้ ยังมีโครงการ “Copilinator” เพื่อยกระดับทักษะ AI ให้พนักงานทุกคนสามารถสร้างสรรค์โปรเจกต์ได้ด้วยตนเอง
The Next Chapter: 9 ฟีเจอร์ใหม่ Bitkub Exchange

ในส่วนของธุรกิจหลัก Bitkub Exchange อรรถกฤต ชิมผลาพิบูลย์ ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด ได้ประกาศแผนงานสำคัญภายใต้แนวคิด “Bitkub The Next Chapter” ซึ่งเป็นการยกระดับแพลตฟอร์มครั้งใหญ่เพื่อรองรับผู้ใช้งานกว่า 5.3 ล้านบัญชี และตอกย้ำตำแหน่งผู้นำตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แผนงานนี้ตั้งอยู่บนรากฐานความปลอดภัยที่เพิ่งได้รับการรับรองมาตรฐาน SOC 2 Type 2 เป็นรายแรกและรายเดียวในไทย โดยจะมีการเปิดตัว 9 ฟีเจอร์และบริการใหม่ ดังนี้
Bitkub Privilege เปิดตัวระบบสมาชิกระดับพรีเมียม โดยผู้ใช้งานจะถูกจัดระดับตามเทียร์ต่าง ๆ (Emerald, Silver, Gold, Diamond และ Satoshi) และสามารถสะสม “Bitkub Gem” ซึ่งเปรียบได้กับคะแนนสำหรับใช้แลกรับสิทธิประโยชน์และของสัมมนาคุณต่างๆ
DCA (Dollar-Cost Averaging) ฟีเจอร์ที่ผู้ใช้งานจำนวนมากรอคอย คือระบบการลงทุนแบบถัวเฉลี่ยอัตโนมัติ อธิบายคือ ผู้ใช้งานสามารถตั้งค่าให้ระบบทยอยซื้อสินทรัพย์เป็นประจำ (เช่น ทุกสัปดาห์ หรือ ทุกเดือน) เพื่อสร้างวินัยการลงทุนโดยไม่ต้องเฝ้าหน้าจอ (ขณะนี้อยู่ระหว่างรอการอนุมัติจาก ก.ล.ต.)
Profit and Loss เพิ่มระบบคำนวณกำไรและขาดทุน ซึ่งจะช่วยให้นักลงทุนสามารถตรวจสอบประสิทธิภาพของพอร์ตโฟลิโอโดยรวมได้ทันทีว่ามีกำไรหรือขาดทุนเท่าใดนับตั้งแต่เริ่มลงทุนมา
Mega Launch หลังจากที่ Bitkub ได้รับใบอนุญาตเป็นนายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Broker license) บริษัทเตรียมเปิดแผน “Mega Launch” เพื่อลิสต์เหรียญใหม่ ๆ ที่หลากหลายมากขึ้น โดยตั้งเป้าลิสต์เหรียญเพิ่มอย่างน้อย 50 เหรียญภายในต้นปีหน้า
Bitkub Meme Chella เพื่อตอบรับกระแสของ Meme Coin บริษัทจะจัดกิจกรรม “Bitkub Meme Chella” ซึ่งเป็นแคมเปญเฉลิมฉลองการลิสต์เหรียญมีมขนาดใหญ่บนแพลตฟอร์ม
G-Token Bitkub Exchange จะรองรับการลิสต์ G-Token ซึ่งอธิบายได้ว่าเป็นพันธบัตรรัฐบาลที่ถูกนำมาออกในรูปแบบโทเคนดิจิทัล
Tourist DigiPay บริการใหม่ที่ออกแบบมาสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะ ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวภายในปลายปีนี้ นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมายังประเทศไทย เปิดบัญชี Bitkub, และโอนคริปโทเคอร์เรนซีของตนเองมาแลกเปลี่ยนเป็นเงินบาท จากนั้นสามารถใช้เงินบาทนั้นสแกน QR Code เพื่อใช้จ่ายกับร้านค้าต่างๆ ทั่วประเทศได้ทันที
Bitkub Card (BK Card) สำหรับผู้ใช้งานชาวไทย Bitkub ได้เปิดตัว “Bitkub Card” หรือ BK Card ซึ่งเป็นบัตรโลหะ ที่พัฒนาร่วมกับ Mastercard และผู้ให้บริการ e-Wallet ในประเทศ เพื่อเชื่อมโลกสินทรัพย์ดิจิทัลเข้ากับการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน (คาดว่าจะเปิดตัวในปีหน้า)
Big Lot & Derivatives เพื่อรองรับนักลงทุนรายใหญ่ จะมีการเปิดบริการ “Big Lot” หรือการซื้อขายนอกกระดาน (OTC) สำหรับการซื้อขายมูลค่าสูง (เริ่มต้นที่ 5-10 ล้านบาท) เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อราคาในกระดานหลัก นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างการพัฒนากลุ่มผลิตภัณฑ์ตราสารอนุพันธ์ (Derivatives) ร่วมกับสำนักงาน ก.ล.ต.
KUB Chain: การยกระดับสู่สากลและการปักหมุดที่สวิตเซอร์แลนด์
ในส่วนของโครงสร้างพื้นฐานบล็อกเชน ภาสกร ปานนอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท บิทคับ บล็อคเชน เทคโนโลยี จำกัด ได้อธิบายถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของ Bitkub Chain ซึ่งได้ถูกรีแบรนด์เป็น KUB Chain โดยมีเป้าหมายที่ชัดเจนในการมุ่งสู่การเป็น Public Chain ระดับสากล
หนึ่งในการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุดคือการย้ายฐานที่ตั้ง โดย KUB Chain Foundation ได้จดทะเบียนจัดตั้งที่เมืองซุก (Zug) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนาม “Crypto Valley” หรือศูนย์กลางของอุตสาหกรรมคริปโทเคอร์เรนซีของโลก การปักหมุดในสถานที่เดียวกับผู้บุกเบิกอย่าง Ethereum นี้ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการยกระดับเชนสู่มาตรฐานระดับโลก
นอกจากการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์แล้ว ยังมีการอัปเกรดทางเทคนิคและระบบนิเวศที่สำคัญหลายประการ ได้แก่
การยกเครื่อง KUB Wallet กระเป๋า Bitkub Next จะถูกเปลี่ยนชื่อเป็น KUB Wallet และจะได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด อธิบายคือ จะถูกพัฒนาให้เป็น Multi-Chain Wallet ซึ่งหมายความว่าจะสามารถรองรับการจัดเก็บสินทรัพย์จากหลากหลายเชน ไม่ใช่แค่ KUB Chain เท่านั้น และยังเป็น Multi-Wallet ที่ผู้ใช้สามารถสร้างหลายกระเป๋าได้ภายใต้แอปเดียว ที่สำคัญคือ จะมีการเชื่อมต่อกับ Bitkub Exchange อย่างไร้รอยต่อ ช่วยให้สามารถโอนสินทรัพย์ระหว่างกันได้โดยไม่มีค่าธรรมเนียม (คาดว่าจะเปิดตัวในไตรมาส 2 ปี 2026)
การเพิ่มประสิทธิภาพและความเร็ว KUB Chain ได้ประกาศแผนการอัปเกรดความเร็วของเครือข่าย (Block Time) อย่างก้าวกระโดด จากในอดีตที่ใช้เวลา 5 นาที จะลดเหลือ 3 วินาที (ภายในต้นปี 2026), สู่ 750 มิลลิวินาที (ภายในต้นปี 2027), และตั้งเป้าหมายในอนาคตไว้ที่ 200 มิลลิวินาที เพื่อรองรับธุรกรรมจำนวนมหาศาล (Mass Adoption)
กลยุทธ์การเบิร์นเหรียญ (Burn Strategy) มีการเปิดตัวโปรแกรมเบิร์นเหรียญ KUB ใหม่ เพื่อปรับกลไกอุปทาน โดยจะเริ่มจากการเบิร์นค่าธรรมเนียม 5% จาก Node Validator ของ Cup Foundation และในอนาคตมีแผนจะปรับปรุงโครงสร้างในระดับโปรโตคอล (Network Layer) เพื่อให้ทุกธุรกรรมที่เกิดขึ้นบน KUB Chain มีการเผาเหรียญโดยอัตโนมัติ
การรองรับ Stablecoins เพื่อเพิ่มสภาพคล่องและประโยชน์ใช้สอยบนเชน KUB Chain จะทำการ Bridge เหรียญ Stablecoins หลักอย่าง USDT และ USDC เข้ามาบนเครือข่าย และ Bitkub Exchange จะรองรับการฝาก-ถอนเหรียญทั้งสองบน KUB Chain โดยไม่คิดค่าธรรมเนียม
การสนับสนุนระบบนิเวศ (Grant Program) ได้มีการจัดสรรงบประมาณสนับสนุน (Grant) เพื่อดึงดูด 3 ภาคส่วนสำคัญให้เข้ามาพัฒนาบน KUB Chain ได้แก่ Developer Grant (สำหรับนักพัฒนา, มูลค่ารวมกว่า 300,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1 ล้านบาท), Community Grant (สำหรับชุมชนผู้ใช้งาน) และ Validator Grant (สำหรับผู้ตรวจสอบธุรกรรม)
สองสะพานเชื่อมต่อโลกจริง: การผลักดัน RWA และการศึกษา
เพื่อเชื่อมโยงเทคโนโลยีบล็อกเชนให้สามารถประยุกต์ใช้ได้จริงในโลกปัจจุบัน Bitkub ได้นำเสนอสองธุรกิจสำคัญที่ทำหน้าที่เปรียบเสมือนสะพานเชื่อมโยง ดังนี้
สะพานด้านสินทรัพย์ (Bitkub Portal – RWA) ปองธรรม ถาวรามร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ พอร์ทอล จำกัด (Bitkub Portal) ซึ่งดำเนินงานในฐานะ ICO Portal ที่ได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต.) จะทำหน้าที่เป็นสะพานสำคัญในการนำสินทรัพย์ในโลกจริง (Real World Asset – RWA) เข้าสู่โลกดิจิทัล อธิบายคือ Bitkub Portal จะเป็นที่ปรึกษาทางการเงินสำหรับการเสนอขายโทเคนดิจิทัลที่หนุนหลังด้วยสินทรัพย์เหล่านั้น คุณปองธรรมเน้นย้ำว่า ศักยภาพของ RWA นั้นกว้างไกลกว่าเพียงการโทเคนไนซ์อสังหาริมทรัพย์ แต่ยังครอบคลุมถึงสินทรัพย์ประเภทอื่น เช่น โครงสร้างพื้นฐาน, งานศิลปะ, ทรัพย์สินทางปัญญา และคาร์บอนเครดิต
สะพานด้านความรู้ (Bitkub Academy – Education) สุกฤษฏิ์ พุทธวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แล็บส์ จำกัด กล่าวว่า Bitkub Academy จะทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมองค์ความรู้สู่สาธารณะ ความคืบหน้าที่สำคัญคือการดำเนินงานของแพลตฟอร์ม “Learn to Earn” ซึ่งเป็นการจูงใจให้ผู้คนเข้ามาเรียนรู้ โดยมีการมอบ Airdrop ให้กับผู้เรียนไปแล้วเป็นมูลค่ากว่า 31 ล้านบาท และเตรียมงบประมาณสำหรับกิจกรรมนี้เพิ่มอีก 15 ล้านบาทจนถึงปีหน้า นอกจากนี้ Bitkub Academy ยังเตรียมเปิดตัว License Crypto Certificate ซึ่งเป็นหลักสูตรความรู้ด้านคริปโทเคอร์เรนซีที่พัฒนาร่วมกับสมาคมหลักทรัพย์ (ASI) เพื่อสร้างมาตรฐานผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม
งาน Bitkub Summit 2025 สะท้อนภาพการปรับยุทธศาสตร์ครั้งสำคัญของ Bitkub ที่ก้าวข้ามบทบาทจากการเป็นเพียงผู้ให้บริการด้านสินทรัพย์ดิจิทัล สู่การเป็นกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีที่มุ่งสร้างโครงสร้างพื้นฐานสำหรับอนาคต ภายใต้วิสัยทัศน์ของคุณท๊อป จิรายุส ที่ต้องการใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือในการรับมือกับ 3 วิกฤติหลักของประเทศ (การเงิน, ดิจิทัล, และสุขภาพ)
กลยุทธ์ของ Bitkub จึงดำเนินไปในสองทิศทางพร้อมกัน หนึ่งคือการยกระดับธุรกิจหลักให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ผ่านการเปิดตัว 9 ฟีเจอร์ใหม่ของ Bitkub Exchange และการปรับโฉม KUB Chain สู่มาตรฐานสากล และสองคือการขยายสมรภูมิใหม่อย่างชัดเจนไปยังอุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ AI และ Longevity ทั้งหมดนี้ถูกเชื่อมโยงเข้ากับการใช้งานในโลกจริงผ่านการผลักดัน Real World Asset (RWA) และการสร้างองค์ความรู้ผ่าน Bitkub Academy เพื่อสร้างระบบนิเวศที่สมบูรณ์และยั่งยืน
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
Cofact ชำแหละ 7 ประเภท ‘Disinformation’ ที่อันตรายกว่า Fake News
ทีทีบี ผ่าอินไซต์ ‘The แบก’ มนุษย์เงินเดือนวิกฤติหนี้พุ่ง 200% สู่ภาวะ ‘เดือนชนเดือน’
โค้ชหนุ่ม ผนึก ศธ.- Sea (ประเทศไทย) ปฏิวัติทักษะการเงินเด็กไทยเปิดหลักสูตร ‘Money for Teen’ เรียนฟรี




