Share on
×

Share

ส่อง 10 หุ้นใหญ่สุดในพอร์ต Berkshire Hathaway ของ Warren Buffett 

ส่อง 10 หุ้นใหญ่สุดในพอร์ต Berkshire Hathaway ของ Warren Buffett 

ถ้าพูดถึงนักลงทุนระดับตำนานที่ทั่วโลกให้การยอมรับ ชื่อของ Warren Buffett ต้องเป็นชื่อแรก ๆ ที่หลายคนนึกถึงเสมอ นอกจากตัวเขาจะกลายเป็นสัญลักษณ์ของยุค นักลงทุนหลายรุ่นยังใช้พอร์ต Berkshire Hathaway เป็นต้นแบบในการศึกษาการลงทุน เพราะเป็นพอร์ตที่ถูกออกแบบและสะสมมานานกว่า 60 ปี

บทความนี้จะพาไปดูว่า ในช่วงปีหลังของการบริหาร Berkshire Hathaway นั้น Buffett ยังคงเชื่อมั่นในธุรกิจประเภทใด เขายังถือหุ้นอะไรอยู่ และพอร์ตนี้บอกอะไรกับนักลงทุนยุคปัจจุบัน

Warren Buffett คือใคร?

Warren Buffett คือหนึ่งในนักลงทุนที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในประวัติศาสตร์โลก เขาเกิดที่เมืองโอมาฮา สหรัฐอเมริกา ในปี 1930 และเริ่มลงทุนตั้งแต่อายุเพียง 11 ปี

วัยเด็กของ Buffett เต็มไปด้วยความสนใจในธุรกิจ เขาอ่านหนังสือการเงินและธุรกิจแทบทุกวัน ก่อนจะได้เรียนกับ Benjamin Graham เจ้าของแนวคิด Value Investing ซึ่งสอนให้เขาเข้าใจหลักสำคัญของการลงทุนว่า

“การลงทุนที่ดี ต้องเริ่มจากการเข้าใจธุรกิจ และซื้อเมื่อราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง จากนั้นถือยาวให้ธุรกิจเติบโตไปเอง”

หลังจากประสบความสำเร็จจากการลงทุนในกองทุนของตัวเอง (Buffett Partnership) เขาตัดสินใจซื้อกิจการ Berkshire Hathaway ซึ่งเดิมเป็นโรงทอผ้าที่ใกล้ล้มละลาย ก่อนจะพลิกให้กลายเป็นบริษัทโฮลดิ้งที่ลงทุนในบริษัทยักษ์ใหญ่ทั่วโลก

กว่า 60 ปีต่อมา Berkshire Hathaway ได้กลายเป็นหนึ่งในบริษัทที่ทรงอิทธิพลที่สุดในตลาดหุ้นสหรัฐฯ และเป็นสัญลักษณ์ของแนวคิด ‘ลงทุนในธุรกิจที่ดีและถือระยะยาว’ อย่างแท้จริง

Berkshire Hathaway คือบริษัทอะไร?

Berkshire Hathaway เป็นบริษัทโฮลดิ้งที่ใช้เงินสดจากธุรกิจในเครือไปลงทุนในกิจการที่แข็งแกร่ง ทั้งการซื้อกิจการเต็มรูปแบบและการถือหุ้นรายใหญ่ในบริษัทจดทะเบียน

จุดเริ่มต้นของบริษัทนี้ไม่ได้เกี่ยวกับการลงทุนเลย เดิมที Berkshire เป็นโรงทอผ้าเก่าในยุค 1960s ที่ธุรกิจกำลังอยู่ในช่วงตกต่ำ แต่ Buffett เห็นว่าหุ้นของบริษัทนี้ ‘ราคาถูกกว่ามูลค่าที่แท้จริง’ เขาจึงเข้าซื้อกิจการและค่อยๆ ปรับเปลี่ยนโครงสร้างทั้งหมด

เขาก็ค่อยๆ ลดบทบาทธุรกิจสิ่งทอ และเปลี่ยนให้เป็น ‘บริษัทโฮลดิ้ง’ ที่ใช้เงินสดไปลงทุนในธุรกิจอื่นที่แข็งแรงกว่า ตั้งแต่บริษัทที่ซื้อทั้งกิจการ ไปจนถึงการถือหุ้นระดับใหญ่ในบริษัทจดทะเบียนชั้นนำของโลก เช่น

  • ประกันภัย
  • พลังงาน
  • รถไฟ
  • สินค้าอุปโภคบริโภค

ทุกวันนี้ Berkshire เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในบริษัทระดับโลก เช่น Apple American Express Coca-Cola Moody’s Chubb และอีกมากมาย

พูดได้ว่า Berkshire ไม่ใช่แค่บริษัท แต่เป็น ‘พอร์ตการลงทุนขนาดมหึมา’ ที่สะท้อนวิธีคิดของ Buffett อย่างชัดเจน

10 อันดับหุ้นใหญ่ที่สุดในพอร์ต Berkshire Hathaway

ข้อมูลล่าสุดจากแบบ 13F หรือรายงานการถือสินทรัพย์ของ Berkshire Hathaway ที่รายงานต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สหรัฐฯ พบว่า หุ้น 10 อันดับแรกมีสัดส่วนรวมกว่า 85% ของพอร์ตทั้งหมด และแทบทั้งหมดเป็นบริษัทสัญชาติอเมริกันที่ผ่านการพิสูจน์ความแข็งแกร่งมาหลายทศวรรษ

1. Apple (22.69%)

Buffett มองว่า Apple ไม่ใช่แค่บริษัทเทคโนโลยี แต่คือแบรนด์ที่ผู้บริโภคภักดีที่สุดในโลก เขาเคยกล่าวว่า “iPhone เป็นสินค้าที่คนรักมากจนแทบไม่มีสิ่งใดมาแทนได้”

2. American Express (18.84%)

ธุรกิจบัตรเครดิตที่มีฐานลูกค้าซ้ำสูงและแบรนด์แข็งแรง เป็นตัวแทนของธุรกิจการเงินที่ยืนระยะได้ในทุกวัฏจักร

3. Bank of America (10.96%)

หนึ่งในธนาคารขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ ที่มีความมั่นคงทางการเงินสูง เป็นเสาหลักของระบบการเงินที่ Buffett เชื่อมั่นมาโดยตลอด

4. Coca-Cola (9.92%)

แบรนด์เครื่องดื่มระดับโลกที่ครองใจผู้บริโภคมากว่า 130 ปี Buffett ถือหุ้นนี้มากว่า 30 ปี และไม่เคยขายเลย

5-10. Chevron, Occidental, Moody’s, Chubb, Kraft Heinz และล่าสุดเพิ่งซื้อหุ้น Alphabet เจ้าของ Google เข้าพอร์ต

เหล่านี้ล้วนเป็นบริษัทที่สร้างกระแสเงินสดแข็งแรง มีความต้องการจากผู้บริโภคต่อเนื่อง และดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมที่เข้าใจง่าย

สิ่งที่นักลงทุนเรียนรู้ได้จากพอร์ตของ Warren Buffett

พอร์ต Berkshire Hathaway ไม่ได้เป็นเพียงรายชื่อหุ้นที่ Warren Buffett เลือกถือเท่านั้น แต่เป็นเหมือน ‘ตำราลงทุนฉบับมีชีวิต’ ที่อยู่กับโลกมานานหลายสิบปี และสอนบทเรียนสำคัญที่นักลงทุนยุคใหม่ยังนำไปใช้ได้เสมอ

1. คุณภาพสำคัญกว่าปริมาณ

พอร์ตของ Berkshire เน้นถือหุ้นหลักเพียงไม่กี่ตัวที่มั่นใจ แทนที่จะกระจายไปหลายสิบบริษัทที่เข้าใจไม่ลึกพอ การลงทุนไม่จำเป็นต้องกระจายมากจนเกินไป ควรเลือกเฉพาะบริษัทที่ผ่านการวิเคราะห์มาอย่างดี ทำให้บริหารพอร์ตได้มีประสิทธิภาพมากกว่า

2. เข้าใจธุรกิจก่อนลงทุน

Buffett ไม่ลงทุนในสินทรัพย์ที่เขาไม่เข้าใจ เช่น เทคโนโลยีที่ซับซ้อนหรือโมเดลธุรกิจใหม่ๆ เขาลงทุนเฉพาะในบริษัทที่โมเดลชัดเจน รายได้มั่นคง และผู้บริหารแข็งแกร่ง เพราะทำให้เขามั่นใจถือหุ้นแม้ตลาดผันผวน

3. ให้เวลาเป็นพลังของพอร์ต

หนึ่งในสิ่งที่ทำให้ Berkshire เติบโตมหาศาล คือ ‘เวลา’ Buffett ถือหุ้นบางตัวเกิน 30 ปี เพราะเข้าใจว่า “ผลตอบแทนทบต้นต้องใช้เวลา” การขายเร็วเกินไปคือศัตรูของการเติบโตระยะยาว

4. ไม่ไล่ตามกระแส

ในยุคที่ตลาดหมุนเร็วเต็มไปด้วยเทรนด์ใหม่ๆ Buffett กลับยึดมั่นในวินัยและข้อมูลจริง เขาแยก ‘สัญญาณ’ ออกจาก ‘เสียงรบกวน และเลือกลงทุนในสิ่งที่อยู่รอดได้ยาวนาน

5. ตลาดหุ้นสหรัฐฯ คือแหล่งรวมบริษัทคุณภาพ

บริษัทในพอร์ต Berkshire ส่วนใหญ่เป็นบริษัทสหรัฐฯ ที่แข็งแรงระดับโลก เช่น Apple Coca-Cola และ American Express เพราะ Buffett เชื่อในระบบเศรษฐกิจที่สนับสนุนนวัตกรรมและการเติบโตระยะยาว

ทำไม Warren Buffett ถึงยังเชื่อมั่นในตลาดหุ้นสหรัฐฯ

Warren Buffett พูดประโยคที่กลายเป็นตำนานไว้ว่า

“อย่าพนันสวนทางกับอเมริกา (Never bet against America)”

เหตุผลเพราะสหรัฐฯ เป็นประเทศที่มีโครงสร้างเศรษฐกิจแข็งแรงที่สุดในโลก ถือว่าบ้านของบริษัทชั้นนำระดับโลกแทบทุกอุตสาหกรรม ตั้งแต่เทคโนโลยี การเงิน บริโภค พลังงาน ไปจนถึงโลจิสติกส์ ทำให้มีความได้เปรียบทางการแข่งขันที่ยั่งยืน

ไม่ว่าจะผ่านวิกฤติใด สหรัฐฯ มักฟื้นตัวได้เร็ว และกลับมาเติบโตต่อเสมอ เพราะมีระบบเศรษฐกิจที่เปิดกว้าง โปร่งใส และมีการกำกับดูแลที่เข้มงวด

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังมีความโปร่งใสและเข้มงวดด้านการเปิดเผยข้อมูล ทำให้นักลงทุนสามารถประเมินคุณค่าธุรกิจได้อย่างเป็นระบบ Buffett มองว่าความโปร่งใสนี้คือรากฐานสำคัญที่ทำให้นักลงทุนมั่นใจและสามารถถือหุ้นระยะยาวได้อย่างสบายใจ

ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ พอร์ตของ Berkshire Hathaway จึงหนักไปที่หุ้นสหรัฐฯ มากกว่า 90% และยังคงเป็นอย่างนั้นต่อเนื่องยาวนานหลายสิบปี เพราะในมุมของ Buffett “โอกาสการเติบโตที่ต่อเนื่องและยั่งยืนที่สุด ยังอยู่ในอเมริกา”

บทความอื่น ๆ ของผู้เขียน

สูตรลับปรุงกำไร ลงทุนให้มั่นคงแบบ Ray Dalio

S&P 500 ​ไม่ได้มีแต่ภาพสวยหรู: เปิดข้อควรรู้ ก่อนตัดสินใจลงทุน

เปิด 3 เหตุผล หนุนหุ้นจีนทำ New High ไปได้ต่อ

×

Share

แท็กที่เกี่ยวข้อง

ผู้เขียน