Share on
×

Share

GWM เปิดตัว ‘POER SAHAR ดีเซล’ เคาะราคา 7.99 แสนบาท

GWM เปิดตัว ‘POER SAHAR ดีเซล’ เคาะราคา 7.99 แสนบาท

ในงาน Thailand International Motor Expo 2025 เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2568 เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) หรือ GWM ได้สร้างความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญที่สะท้อนถึงการปรับตัวทางกลยุทธ์อย่างน่าสนใจ ด้วยการประกาศทิศทางธุรกิจที่เน้นความยั่งยืนภายใต้กลยุทธ์ “Multi-Powertrain” พร้อมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ขุมพลังดีเซลที่ตอบโจทย์การใช้งานจริงของผู้บริโภคชาวไทย 

การเดินเกมในครั้งนี้ GWM เลือกที่จะไม่ลงไปเล่นในเกมราคาที่ดุเดือด แต่กลับมุ่งเน้นการสร้างรากฐานที่มั่นคง ภายใต้แนวคิด “All Scenarios, All Powertrains, All Users” เพื่อยืนยันถึงความมุ่งมั่นในการเป็นแบรนด์ที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้รถทุกกลุ่มอย่างแท้จริง 

เปิดตัว POER SAHAR DIESEL: นิยามใหม่ของกระบะพรีเมียม

ไฮไลต์สำคัญของการแถลงข่าวครั้งนี้ คือการเปิดตัว NEW GWM POER SAHAR DIESEL รถกระบะขนาดใหญ่ระดับพรีเมียมที่มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล 2.4T เจเนอเรชันใหม่ล่าสุด ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด (9AT) โดยได้รับการปรับจูนช่วงล่างและสมรรถนะให้เหมาะสมกับสภาพถนนและพฤติกรรมการขับขี่ของคนไทยโดยเฉพาะ 

จุดเด่นที่ทำให้รถรุ่นนี้น่าจับตามอง คือการยกระดับความสะดวกสบายในห้องโดยสาร ด้วยเบาะนั่งแถวหลังที่สามารถปรับเอนได้สูงสุดถึง 33 องศา ซึ่งถือเป็นแบรนด์แรกและแบรนด์เดียวในกลุ่มรถกระบะ พร้อมด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยและระบบช่วยขับขี่กว่า 26 รายการ รวมถึงฟีเจอร์ระบบแสดงภาพใต้ท้องรถ (Body Transparent) ที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ 

ในด้านกลยุทธ์ราคา GWM สร้างความสนใจให้กับตลาดด้วยการเปิดราคารุ่นเริ่มต้น (2WD PRO) ที่ 799,000 บาท (ราคาพิเศษสำหรับ 300 คันแรก) จากราคาปกติ 849,000 บาท ถือเป็นการนำเสนอทางเลือกที่คุ้มค่าสำหรับผู้ที่มองหากระบะสมรรถนะสูงในราคาที่จับต้องได้ 

นอกจากนี้ ยังมีการเปิดตัว NEW GWM TANK 300 DIESEL Desert Storm Limited Edition รถออฟโรดรุ่นพิเศษที่มีจำหน่ายเพียง 300 คัน ในราคา 1,349,000 บาท โดดเด่นด้วยสี Sand Beige และชุดตกแต่งที่เน้นความดุดัน 

มองข้ามสงครามราคา มุ่งสู่ “High Quality Growth”

ท่ามกลางสภาวะตลาดที่มีการแข่งขันด้านราคาสูง เวย์น โจว กรรมการผู้จัดการ GWM (ประเทศไทย) ได้เน้นย้ำถึงวิสัยทัศน์ที่มุ่งเน้น “การเติบโตที่มีคุณภาพ” (High Quality Growth) โดยเปรียบเทียบการสร้างแบรนด์เหมือนการสร้างบ้านที่ต้องมีรากฐานแข็งแกร่ง ซึ่งรากฐานสำคัญที่สุดคือ “ความไว้วางใจ” จากลูกค้า 

ผู้บริหาร GWM ยังชี้ให้เห็นถึงประเด็นสำคัญเรื่อง “ความอยู่รอดของพันธมิตร” โดยมองว่าในระยะยาว ดีลเลอร์ต้องมีความเข้มแข็งและมีผลกำไร จึงจะสามารถส่งมอบบริการที่ดีที่สุดแก่ลูกค้าได้ ซึ่งปัจจุบัน GWM มีศูนย์บริการมาตรฐาน 75 แห่งทั่วประเทศ และมีอัตราการจัดหาอะไหล่ (Supply Rate) สูงถึง 95-96% สะท้อนถึงความพร้อมในการดูแลลูกค้าอย่างจริงใจ 

ปรับพอร์ตโฟลิโอ: ดีเซลคือฐานหลักแห่งอนาคต

การรุกตลาดดีเซลในครั้งนี้ สอดคล้องกับแผนงานในอนาคตของ GWM ที่คาดการณ์ว่ารถยนต์กลุ่มดีเซลจะมีสัดส่วนประมาณ 50% ของพอร์ตโฟลิโอผลิตภัณฑ์ ตามมาด้วยรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) 30-35% และรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) 20% 

วุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ รองประธานฝ่ายการตลาด GWM (ประเทศไทย) ระบุว่า การปรับทิศทางนี้เกิดจากการรับฟังเสียงของลูกค้าและพันธมิตร ที่ยังคงมีความต้องการรถกระบะดีเซลสำหรับการใช้งานจริง โดยในปีหน้า GWM ตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาดไว้ที่ 3% – 3.5% และยังคงยืนยันที่จะใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตและส่งออกที่สำคัญไปยังตลาดอาเซียน 

การขยับตัวครั้งนี้ของ GWM จึงไม่ใช่เพียงการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ แต่เป็นการยืนยันจุดยืนในการเป็นพันธมิตรทางไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค (Lifestyle Partner) ที่พร้อมปรับเปลี่ยนและพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดไทยอย่างแท้จริง มุ่งสู่เป้าหมายการเป็นแบรนด์รถยนต์จีนที่ได้รับความไว้วางใจสูงสุดในระยะยาว 

×

Share

แท็กที่เกี่ยวข้อง

ผู้เขียน