Share on
×

Share

4 ภารกิจโดรน: พลิกโฉมโลจิสติกส์ไทย การแพทย์-เกษตร-อาหาร

4 ภารกิจโดรน: พลิกโฉมโลจิสติกส์ไทย การแพทย์-เกษตร-อาหาร

เทคโนโลยีอากาศยานไร้คนขับ (UAV) หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่าโดรน กำลังก้าวข้ามสถานะจากการเป็นเพียงแนวคิดแห่งอนาคต มาสู่การเป็นเครื่องมือปฏิวัติระบบโลจิสติกส์ของประเทศไทยอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภารกิจที่มีความท้าทายสูง ซึ่งการขนส่งภาคพื้นดินแบบดั้งเดิมยังมีข้อจำกัด ทั้งในมิติด้านการแพทย์ฉุกเฉินและการยกระดับภาคการเกษตรในพื้นที่ห่างไกล

ล่าสุด การรวมตัวของ 4 ผู้นำเทคโนโลยีโดรนสัญชาติไทย อันได้แก่ Skyler Solution, บริษัท อาม่า มารีน จำกัด (มหาชน) (AMA Marine), Avilon Robotics และ บริษัท อีซี่ (2018) จำกัด (Easy (2018)) เพื่อสาธิตภารกิจการบินขนส่งครั้งสำคัญ ได้สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพที่พร้อมใช้งานจริงในการเข้ามาเติมเต็มช่องว่างด้านโลจิสติกส์ของประเทศ การสาธิตครั้งนี้ได้ชูจุดเด่นที่ชัดเจนในด้านการลดต้นทุนมหาศาล การประหยัดเวลา และการสร้างความมั่นคงใหม่ให้กับชุมชนที่การเข้าถึงเป็นไปโดยยากลำบาก

มิติการแพทย์: ภารกิจกู้ชีพและเชื่อมต่อบริการสุขภาพ

การแสดงศักยภาพครั้งนี้ได้แสดงให้เห็นถึงอนาคตที่ชัดเจน โดยมีประเด็นสำคัญที่โดดเด่นใน 2 มิติหลัก มิติแรกคือ ด้านการแพทย์ ซึ่งเป็นการเพิ่มความมั่นคงทางสุขภาพและการเข้าถึงบริการฉุกเฉิน ในสถานการณ์ที่ทุกวินาทีมีความหมายต่อชีวิต โดรนได้พิสูจน์แล้วว่าสามารถเป็น “หน่วยเคลื่อนที่เร็ว” ทางการแพทย์ ที่ก้าวข้ามข้อจำกัดทางภูมิศาสตร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ภารกิจหนึ่งที่โดดเด่นมาจาก บริษัท Skyler Solution ซึ่งมีรากฐานจากบริษัทลูกของ ปตท.สผ. (PTTEP) โดย คุณาชาติ วิทูรสุนทร Technology Solutions Team Lead ได้นำเสนอภารกิจจำลองที่แสดงถึงความเร่งด่วน ด้วยการ นำส่งเครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าอัตโนมัติ (AED) ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ในระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร โดยใช้เวลาเพียง 5 นาที ซึ่งในสถานการณ์ฉุกเฉิน เวลาที่ลดลงนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด และเพื่อสร้างความเชื่อมั่นสูงสุดในการขนส่งเวชภัณฑ์ที่อ่อนไหว โดรนลำนี้ซึ่งบรรทุกน้ำหนักได้สูงสุด 30 กิโลกรัม จึงถูกออกแบบโดยเน้นความปลอดภัยเป็นหัวใจหลัก ด้วยการติดตั้งระบบแบตเตอรี่สำรอง (Redundant) และร่มชูชีพ (Parachute) สำหรับการลงจอดฉุกเฉิน นอกจากนี้ กล่องบรรจุภัณฑ์ทางการแพทย์ยังมีการติดตั้งเซ็นเซอร์เพื่อติดตามสถานะแบบ Real-time ทั้งอุณหภูมิ ความชื้น และแรงสั่นสะเทือน

ในขณะเดียวกัน บริษัท อาม่า มารีน จำกัด (มหาชน) พิศาล รัชกิจประการ กรรมการผู้จัดการได้ขยับจากการสาธิตไปอีกขั้น ด้วยการเตรียมเข้าโครงการนำร่องจริง หลังจากได้ลงนามสัญญากับกรมการแพทย์ โครงการนี้มีเป้าหมายเพื่อเชื่อมต่อบริการสุขภาพระหว่างโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ไปยังพื้นที่เกาะต่าง ๆ ใน 3 จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ สตูล พังงา และกระบี่ โดยจะมีการขนส่งเวชภัณฑ์จริงประมาณ 10 กิโลกรัม และมีกำหนดการบินทดสอบอย่างน้อย 30 เที่ยวต่อจังหวัด หรือรวมทั้งสิ้น 90 เที่ยว ภายในระยะเวลา 1 เดือน ซึ่งนี่จะเป็นบททดสอบสำคัญในสภาพแวดล้อมและสภาพอากาศที่หลากหลาย เพื่อเก็บข้อมูลจริงเกี่ยวกับความเสถียรของระบบ Remote ID และระบบบริหารจัดการน่านฟ้า (UTM)

มิติเศรษฐกิจฐานราก: พลิกโฉมเกษตรกรรมและปลดล็อกการท่องเที่ยว

มิติที่สองคือ ด้านเศรษฐกิจฐานราก ซึ่งเป็นการปฏิวัติการเกษตร การลดต้นทุน และการปลดล็อกการท่องเที่ยว หนึ่งในปัญหาเรื้อรังของไทยคือต้นทุนโลจิสติกส์ที่สูง โดยเฉพาะในภาคเกษตรกรรมบนพื้นที่สูง ซึ่งส่งผลให้ผลผลิตเสียหาย และเป็นปัจจัยหนึ่งที่นำไปสู่ปัญหาการเผาป่า โดรนกำลังจะเข้ามาเป็นทางออกของปัญหานี้

อัศวิน โรมประเสริฐ ประธานกรรมการบริษัทอีซี่ (2018) จำกัดนำเสนอข้อมูลว่า จากการใช้โดรนที่สามารถบรรทุกผลผลิตได้สูงถึง 70 กิโลกรัม เพื่อแก้ปัญหาการขนส่งในพื้นที่สูงชัน จากการคำนวณพบว่า ต้นทุนขนส่งต่อ 1 ตัน ที่เคยสูงถึง 1,700 บาท เมื่อใช้รถยนต์ จะลดลงเหลือเพียง 400 – 445 บาท เมื่อใช้โดรน ถือเป็นการลดต้นทุนลงเกือบ 4 เท่า การลดต้นทุนครั้งใหญ่นี้ จะช่วยเปิดโอกาสให้เกษตรกรหันมาปลูกพืชเศรษฐกิจมูลค่าสูงได้ แทนการปลูกพืชเชิงเดี่ยวที่นำไปสู่การเผา อันเป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุอย่างยั่งยืน โดยบริษัทกำลังพัฒนาสถานีรับผลผลิต (Collection Station) เพื่อรองรับการทำงานอัตโนมัติในอนาคต

ไม่เพียงเท่านั้น ในมิติของธุรกิจมูลค่าสูง ดร.ธนากร ทรัพย์สุขบวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอวิ ลอน โรโบทิคส์ จำกัด หรือ Avilon Robotics ได้นำเสนอโดรนที่พัฒนาโดยคนไทย ซึ่งทำงานแบบอัตโนมัติ 100% (100% Autonomous) เพื่อลดต้นทุนผู้ควบคุม (Operator) โดรนนี้ใช้ระบบ AI ที่พัฒนาร่วมกับ Qualcomm ช่วยในการลงจอดที่แม่นยำ ภารกิจสาธิตคือการขนส่งสินค้าระหว่างเกาะ จากเกาะสมุยไปยังเกาะแดง ซึ่ง ใช้เวลาเพียง 7 นาที เทียบกับการโดยสารเรือที่ใช้เวลาถึง 40 นาที เพื่อเจาะตลาดสินค้ามูลค่าสูง (High Value) ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว โดยมีแอปพลิเคชันชื่อ “Sky Shop” ให้ลูกค้าสามารถสั่งซื้อและติดตามสถานะได้

ก้าวต่อไป: การวางรากฐานเปิดน่านฟ้าอย่างปลอดภัย

4 ภารกิจโดรน: พลิกโฉมโลจิสติกส์ไทย การแพทย์-เกษตร-อาหาร

แน่นอนว่า การที่เทคโนโลยีเหล่านี้จะถูกนำมาใช้จริงได้นั้น จำเป็นต้องอาศัยรากฐานด้านกฎหมายและมาตรการความปลอดภัยที่รัดกุม ภาครัฐ โดยเฉพาะกระทรวงคมนาคม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) และสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) กำลังเร่งดำเนินการในส่วนนี้

หัวใจสำคัญคือการพัฒนาระบบ “การบริหารจัดการจราจรทางอากาศสำหรับอากาศยานไร้คนขับ” (UTM) ซึ่งเปรียบเสมือนหอบังคับการบินสำหรับโดรน ระบบนี้จะช่วยให้หน่วยงานกำกับดูแลสามารถ “ระบุตัวตน” (Identification) และ “จำแนก” (Differentiation) โดรนที่ได้รับอนุญาต ออกจากโดรนที่อาจเป็นอันตรายหรือผิดกฎหมายได้อย่างเป็นระบบและเรียลไทม์

โดยมี บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) (NT) เข้ามาสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสาร ทั้งบริการซิมบนคลื่น 700 MHz และเทคโนโลยี Remote ID เพื่อให้การควบคุมเที่ยวบินเป็นไปอย่างแม่นยำ CAAT ยังยืนยันด้วยว่ากำลังผลักดันแนวทางกำกับดูแลอากาศยานขั้นสูง (Advanced Air Mobility – AAM) และเตรียมจัดประชุมนานาชาติในปี 2569 เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และกำหนดมาตรฐานที่เหมาะสม

จากนวัตกรรมสู่การเชื่อมต่อโอกาสที่ยั่งยืน

การรวมพลัง 4 ผู้นำเทคโนโลยีไทยในครั้งนี้ จึงเป็นมากกว่าการจัดแสดงนวัตกรรม แต่เป็นการประกาศความพร้อมของประเทศไทยในการใช้เทคโนโลยีโดรนเป็นเครื่องมือสำคัญเพื่อ “ลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความยั่งยืน” ภาพที่เกิดขึ้นได้พิสูจน์ว่า โดรนสามารถเป็นเครื่องมือในการรักษาชีวิตฉุกเฉินในพื้นที่ห่างไกล ขณะเดียวกันก็สามารถปฏิวัติโลจิสติกส์การเกษตร มอบทางเลือกใหม่ที่คุ้มค่าให้เกษตรกรบนพื้นที่สูง ซึ่งจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ทั้งหมดนี้กำลังจะเกิดขึ้นจริงภายใต้กรอบการกำกับดูแลที่ปลอดภัย เพื่อนำพาประเทศไทยเข้าสู่ยุคใหม่ของโลจิสติกส์ทางอากาศอย่างแท้จริง

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

มจธ. คว้าแชมป์ Ford Smart Mobility Challenge พลิกขยะเป็นแบตเตอรี่

การ์ทเนอร์ เผย 10 เทรนด์เทคโนโลยีเชิงกลยุทธ์ปี 2569

โดรนขนส่ง: โอกาสใหม่เศรษฐกิจ หรือภัยความมั่นคงที่ต้องคุม?

×

Share

ผู้เขียน