Share on
×

Share

Real-World Assets (RWA) คลื่นแห่งการเชื่อมโลก TradFi สู่ DeFi

Real-World Assets (RWA) คลื่นแห่งการเชื่อมโลก TradFi สู่ DeFi

ในช่วงที่ผ่านมา โลกคริปโทเคอร์เรนซีได้เห็นกระแสการเปลี่ยนแปลงอย่างมากมาย แต่ไม่มีกระแสใดที่มีขนาดและศักยภาพในการปฏิวัติวงการการเงินโลกได้เท่ากับ Real-World Asset (RWA) Tokenization แม้จะไม่ใช่แค่เทคโนโลยีใหม่ แต่คือการวางรากฐานด้านประสิทธิภาพ เพื่อเชื่อมโลกการเงินแบบดั้งเดิม (TradFi) เข้ากับโลกบล็อกเชนและ DeFi อย่างเป็นรูปธรรม โดยนำสินทรัพย์ที่มีอยู่จริงมาแปลงเป็นโทเคนดิจิทัล เพื่อเปิดให้ซื้อขายและใช้ประโยชน์ในระบบ DeFi ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

การหลั่งไหลของเงินทุนสถาบันเมื่อสินทรัพย์ในโลกจริงเดินทัพเข้าสู่ DeFi

ขนาดของตลาด RWA คือเหตุผลหลักที่ทำให้นี่คือ “The Next Big Thing” มูลค่ารวมของสินทรัพย์ RWA ในโลกการเงินดั้งเดิมนั้นมีมากกว่า $400 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งตัวเลขนี้ มากกว่า มูลค่าตลาดคริปโทเคอร์เรนซีทั้งหมดถึงมากกว่า 130 เท่า นี่ไม่ใช่แค่การย้ายเม็ดเงิน แต่คือการนำ “ประสิทธิภาพ (Efficiency)” และ “โอกาส (Opportunity)” ที่ทั้งสองฝั่งต่างขาดหายไปมารวมเข้าด้วยกันเพื่อสร้างประโยชน์สูงสุด

RWA เข้ามาแก้ปัญหาหลักของโลก TradFi ได้อย่างตรงจุด

  • สภาพคล่องและการเข้าถึงสินทรัพย์ เป็นการแปลงมาเป็นโทเคนทำให้สินทรัพย์ขนาดใหญ่ที่มีสภาพคล่องต่ำ (Low Liquidity) ในโลกดั้งเดิม (เช่น อสังหาริมทรัพย์) สามารถ แบ่งเป็นหน่วยย่อย (Fractionalization) ทำให้บุคคลทั่วไปเข้าถึงการลงทุนด้วยส่วนแบ่งเล็กๆ ได้ง่ายขึ้น และที่สำคัญคือสามารถซื้อขายได้ทันทีตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่ต้องรอทำการในวันหยุด
  • ลดต้นทุนและเวลาทำธุรกรรม โดย RWA ช่วยลดต้นทุนและเวลาทำธุรกรรมได้อย่างมหาศาล เพราะการย้ายธุรกรรมมาบนบล็อกเชนสามารถเกิดขึ้นได้ในไม่กี่นาที ต่างจากการโอนเงินข้ามพรมแดนแบบดั้งเดิมผ่านระบบ SWIFT ซึ่งเป็นเหตุผลหลักที่สถาบันการเงินยักษ์ใหญ่อย่าง JPMorgan และ BlackRock กำลังให้ความสนใจเพื่อลดต้นทุน (Costs) การดำเนินงานของตนเอง

ตัวเลขพิสูจน์การเติบโต

มูลค่ารวมของ RWA บนเครือข่าย (ไม่รวม Stablecoin) ได้ยืนยันกระแสที่ไม่อาจหยุดยั้งนี้อย่างเห็นได้ชัดเจน จากปลายปี 2024 ที่มีมูลค่ารวม 15,470 ล้านดอลลาร์ ได้พุ่งสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดดกว่า 130.85% ไปแตะระดับ 35,720 ล้านดอลลาร์ ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2025

การเติบโตนี้ถูกผลักดันด้วยสินทรัพย์ที่มีความต้องการสูงในโลกดั้งเดิม เช่น

  • Institutional Alternative Funds และ non-US Government Debt: แสดงการเติบโตที่น่าทึ่งถึง 1,504.42% และ 1,020.90% ตามลำดับ ตัวเลขนี้สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการของสถาบันที่ใช้ Tokenization เพื่อเข้าถึงสินทรัพย์ที่มีอุปสรรคสูงและลดความซับซ้อนในการเข้าถึงหนี้รัฐบาลต่างประเทศ
  • Commodities มีการเติบโตมากกว่า 185% โดยถูกมองว่าเป็นสัญญาณที่ชัดเจนของความต้องการ Digital Safe Haven เมื่อตลาดคริปโทฯ ผันผวน
  • Private Credit ยังคงมีสัดส่วนมูลค่าสูงสุดที่ 18,600 ล้านดอลลาร์ ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2025

นอกจากนี้ Stablecoin ที่มีหลักประกันเป็นเงิน Fiat ซึ่งเป็น RWA ที่ใหญ่ที่สุด ก็กำลังก้าวขึ้นเป็นเลเยอร์การชำระบัญชีระดับโลกอย่างแท้จริง โดยมีมูลค่าทำธุรกรรมสุทธิ (Adjusted Volume) ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาถึง 9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตัวเลขนี้ มากกว่า ปริมาณธุรกรรมของ PayPal ถึงห้าเท่า และเกือบครึ่งหนึ่งของ Visa

RWA อนาคตที่กำลังขยายตัว

ตลาด RWA ไม่ได้จำกัดแค่ตราสารหนี้ แต่กำลังขยายไปยังสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ นอกจากทองคำที่นำตลาดแล้วมีส่วนแบ่งในตลาด RWA มากกว่า 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ บนเครือข่ายที่หลากหลายอย่าง Ethereum, Polygon, XDC, Avalanch, Stellar ยังมีการนำสินค้าเกษตรอย่าง ถั่วเหลือง และ ข้าวโพด มาแปลงเป็นโทเคนบนเครือข่าย Polygon และสินค้าอุตสาหกรรมอย่าง น้ำมัน และ ก๊าซธรรมชาติ บนเครือข่าย Plume

สำหรับทิศทางในอนาคต สินทรัพย์ที่น่าจับตามอง ได้แก่ คาร์บอนเครดิต ที่เชื่อมโยงกับแนวทาง ESG รวมถึงแร่สำคัญอย่าง ทองแดง และ ลิเทียม ซึ่งจำเป็นต่ออุตสาหกรรมการผลิตรถไฟฟ้า

บทสรุปและโอกาสในโลก RWA

ประเทศไทยเองก็ได้เข้าร่วมในกระแสนี้แล้ว โดยมีโครงการนำร่องที่โดดเด่นทั้งในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เช่น โครงการคอนโด และโครงการในระดับประเทศอย่าง G-token ที่แปลงพันธบัตรรัฐบาลไทยในรูปแบบโทเคน

การคาดการณ์จาก Standard Chartered ที่ว่า RWA จะเติบโตถึง 2 ล้านล้านดอลลาร์ ภายในปี 2028 หรือประมาณ 57 เท่า จากมูลค่าปัจจุบัน เป็นเครื่องยืนยันถึงความเชื่อมั่นของสถาบันการเงินระดับโลก อย่างไรก็ตาม การเติบโตนี้ขึ้นอยู่กับความคืบหน้าของ กรอบกฎหมายและกฎระเบียบ (Regulatory Frameworks) ที่ชัดเจนทั่วโลก ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการปลดล็อกเงินทุนสถาบันอย่างเต็มที่

นักลงทุนและผู้พัฒนาควรตระหนักว่า แม้ RWA Tokenization จะมอบโอกาสในการเข้าถึง (Access) และการสร้างผลตอบแทน (Yield Generation) ใหม่ ๆ ในระบบนิเวศ DeFi แต่ก็มาพร้อมกับ ความเสี่ยงเฉพาะ ที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะ ความเสี่ยงทางกฎหมาย (Legal Risk) ที่เกี่ยวข้องกับความเป็นเจ้าของสินทรัพย์จริงนอกเครือข่ายบล็อกเชน และ ความเสี่ยงของ Oracle ที่ป้อนข้อมูลราคาจากโลกภายนอกสู่ Smart Contract

นี่คือโอกาสครั้งใหม่ที่นักลงทุนและผู้พัฒนาไม่ควรพลาดในการเข้าถึงและสร้างประโยชน์จากมูลค่ากว่า 400 ล้านล้านดอลลาร์ ที่กำลังจะถูกปลดล็อกสู่โลกดิจิทัล โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการทำความเข้าใจในทั้ง ประสิทธิภาพ และ ความเสี่ยง ที่มาพร้อมกับการเชื่อมโลก TradFi และ DeFi เข้าด้วยกัน

คำเตือน

  • คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจํานวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
  • ผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต

บทความอื่น ๆ ของผู้เขียน

จากบัญชีออมทรัพย์สู่ลงทุนคริปโทฯ เมื่อ Gen Z มองความผันผวนเป็นโอกาส

Uptober 2025 ทำไมเดือนตุลาคมอาจเป็นช่วงเวลาสำคัญของ Bitcoin

ยุคใหม่ของตลาดคริปโทฯ สถาบันการเงินผงาดขึ้นเป็นผู้เล่นหลัก ท่ามกลางความผันผวน

×

Share

แท็กที่เกี่ยวข้อง

ผู้เขียน