คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดงานฉลองครบรอบ 60 ปี ภายใต้แนวคิด “Unlock 60: Keys to the Betterverse of Communication” สะท้อนบทบาทของศาสตร์แห่งการสื่อสารในฐานะพลังขับเคลื่อนสังคม พร้อมประกาศวิสัยทัศน์ “Communicate a Betterverse for All” มุ่งขับเคลื่อนนิเวศสื่อสาร (Ecosystem) สู่การสร้างสรรค์สังคมที่ดีกว่าสำหรับทุกคน ท่ามกลางโลกที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและข้อมูลข่าวสาร
เวทีนี้ได้รับเกียรติจากศาสตราจารย์กิตติคุณสุรพล วิรุฬห์รักษ์ นายกราชบัณฑิตยสภา อดีตคณบดีคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ รองศาสตราจารย์ ดร.ปรีดา อัครจันทโชติ คณบดี คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาเล่าถึงการเดินทางของนิเทศศาสตร์ไทยตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน และทิศทางที่จะมุ่งไปในอนาคตอย่างน่าสนใจ
จากศิลาจารึก ถึงราชสำนักยุโรป: เมื่อการสื่อสารคือยุทธศาสตร์แห่งความอยู่รอด

ศาสตราจารย์กิตติคุณสุรพล ได้นำเสนอมุมมองทางประวัติศาสตร์โดยชี้ให้เห็นว่า การสื่อสารเป็นเครื่องมือเชิงยุทธศาสตร์ ที่ผู้นำสยามใช้เพื่อสร้างชาติและรักษาอธิปไตยมาโดยตลอด ตั้งแต่สมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราชที่ทรงประดิษฐ์อักษรไทย สร้างอัตลักษณ์ให้แก่ชาติ ซึ่งเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศทั่วโลกที่มีตัวอักษรเป็นของตนเอง
ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ท่ามกลางภัยคุกคามจากการล่าอาณานิคมของมหาอำนาจตะวันตก ทั้งอังกฤษ ฝรั่งเศส สเปน โปรตุเกส และฮอลันดา ทรงดำเนินนโยบายการทูตเชิงรุกด้วยการส่งราชทูตไปเจริญสัมพันธไมตรีถึงราชสำนักพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส การสื่อสารครั้งนั้นไม่ใช่แค่การทูต แต่คือการ “สร้างแบรนด์” ให้สยามเป็นที่รู้จักในยุโรปในฐานะดินแดนที่มีอารยธรรมทัดเทียม จนเกิดเป็นภาพพิมพ์และเหรียญที่ระลึกเผยแพร่ไปทั่วยุโรป เพื่อป้องกันภัยคุกคาม
ก้าวกระโดดครั้งสำคัญเกิดขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์ ซึ่งศาสตราจารย์กิตติคุณสุรพลชี้ว่า เป็นการรีแบรนด์ครั้งใหญ่ของอาณาจักร โดยรัชกาลที่ 1 ทรงสร้างกรุงเทพฯ ให้เหมือนอยุธยา รัชกาลที่ 2 ทรงทำให้อลังการด้านศิลปะจนกลายเป็นต้นแบบ Soft Power และรัชกาลที่ 3 ทรงเจรจาการค้าสร้างความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ
จุดเปลี่ยนที่สำคัญยิ่งคือรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ซึ่งได้รับการยกย่องเป็น “องค์บิดาทางด้านนิเทศศาสตร์” ทรงมีความสามารถถึง 7 ภาษา และทรงใช้เทคโนโลยีการสื่อสารสมัยใหม่อย่าง โทรเลข โทรศัพท์ ไปรษณีย์ และหนังสือพิมพ์ เป็นเครื่องมือสร้างภาพลักษณ์ให้สยามเป็น “รัฐชาติ” (National State) ที่ศิวิไลซ์ ทรงใช้เวทีหนังสือพิมพ์โต้ตอบกับหมอบรัดเลย์อย่างเปิดเผย และพิสูจน์ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ผ่านการคำนวณสุริยุปราคาที่แม่นยำต่อหน้าทูตานุทูต
ต่อเนื่องมาถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ที่ทรงใช้การเสด็จประพาสยุโรปเป็นเครื่องมือทางการทูตที่ทรงพลัง การถ่ายภาพร่วมกับพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 แห่งรัสเซีย ถูกตีพิมพ์บนหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ The Graphic ที่มียอดพิมพ์กว่าล้านฉบับทั่วยุโรป พร้อมพระราชดำรัสที่ว่า “สยามเป็นประเทศที่กำลังพัฒนา หาใช่ประเทศที่มหาอำนาจต่างๆ จะถือเป็นมูลเหตุให้เข้ายึดครองได้” ซึ่งเป็นการสื่อสารที่ช่วยคานอำนาจและเป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาเอกราชของชาติไว้ได้
จากสื่อสารมวลชนสู่โมเดล “H.A.C.K.” ทางรอดในยุคดิจิทัล
ศาสตราจารย์กิตติคุณสุรพลได้วิเคราะห์ต่อว่า ศาสตร์แห่งการสื่อสารได้ถูกนำมาปรับใช้ต่อเนื่องในทุกรัชกาล ตั้งแต่รัชกาลที่ 6 ที่ทรงใช้สื่อการแสดงเพื่อปลูกฝังอุดมการณ์ของรัฐ รัชกาลที่ 9 ที่ทรงเป็น “นักนิเทศศาสตร์พัฒนาการ” ผ่านโครงการพระราชดำริและการสื่อสารแบบเข้าถึงประชาชน (Interpersonal Communication) จนถึงรัชกาลปัจจุบันที่ทรงเน้นเรื่อง “จิตอาสา”
ในยุคดิจิทัลที่ทุกคนกลายเป็นทั้งผู้สร้างคอนเทนต์ (Content Creator) ผู้เผยแพร่ (Distributor) ผู้ชม (Netizen) และผู้วิพากษ์วิจารณ์ (Evaluator) ในคนเดียวกัน ศาสตราจารย์กิตติคุณสุรพล ได้เสนอโมเดลการสื่อสารสำหรับอนาคตที่ชื่อว่า “H.A.C.K.” เพื่อเป็นเข็มทิศในการรับมือกับความซับซ้อนนี้ ประกอบด้วย
- H – Human Intelligence: ปัญญามนุษย์ที่ต้องรู้เท่าทันและเข้าใจแก่นแท้
- A – Artificial Intelligence: การศึกษาและอยู่ร่วมกับ AI อย่างสร้างสรรค์ โดยไม่มองว่าเป็นภัยคุกคาม
- C – Communication Intelligence: ความฉลาดรู้ในการสื่อสาร
- K – Kalamasutta (กาลามสูตร): หลักการไม่เชื่ออะไรง่ายๆ ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งในยุคข้อมูลข่าวสารล้นเกิน
โมเดลนี้คือบทสรุปสำหรับอนาคต ที่เน้นย้ำว่า “การสื่อสาร เลือกเรียน เลือกรู้ เลือกเวลา เลือกวิชาอย่างเสรี เพื่อมีความเป็นไทยในการออกแบบชีวิต ลิขิตปัญญา สร้างอนาคตของตนเอง”
ประกาศวิสัยทัศน์ ‘Communicate a Betterverse for All’ ปลดล็อกพลังสื่อสร้างโลกที่ดีกว่า
รองศาสตราจารย์ ดร.ปรีดา อัครจันทโชติ คณบดีคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ ได้กล่าวถึงวิสัยทัศน์ในวาระสำคัญนี้ว่า “‘Betterverse’ เป็นคำที่คณะบัญญัติขึ้นเพื่อสื่อถึงการสร้างโลกที่ดีขึ้นสำหรับทุกคน โดยมีหัวใจสำคัญคือ ‘การสื่อสาร’ ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือ แต่เป็นแกนกลางของการสร้างสังคมที่ดี การเดินทางตลอด 60 ปีของคณะฯ จึงเป็นภาพสะท้อนของการเดินทางของประเทศไทย ที่ใช้การสื่อสารเป็นทั้งยุทธศาสตร์ในการรักษาอธิปไตยในอดีต และเป็นหัวใจในการสร้างสรรค์สังคมในอนาคต”
รศ.ดร.ปรีดา ย้ำว่า วันนี้คณะนิเทศศาสตร์ไม่ได้หยุดแค่การสอนหนังสือ แต่กำลังขับเคลื่อน Ecosystem ของวงการให้ก้าวไปข้างหน้า ผ่าน 3 เสาหลักสำคัญ ได้แก่
- Education Pathway พัฒนาหลักสูตรที่ครอบคลุมทุกระดับ พร้อม Mini Course และการเรียนรู้ตลอดชีวิตที่เชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมจริง
- Sandbox & Prototype Hub สร้างพื้นที่ทดลองและสร้างสรรค์ต้นแบบสื่อใหม่ๆ ผ่าน Nitade Academy และ Thai Media Lab เพื่อต่อยอดได้ทั้งในเชิงอุตสาหกรรมและสังคม
- Collaboration ทำงานร่วมกับทุกภาคส่วน ทั้งอุตสาหกรรม ภาครัฐ ภาคประชาสังคม และเครือข่ายนานาชาติ เพื่อขับเคลื่อนการสื่อสารไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน
ภายใต้วิสัยทัศน์ดังกล่าว คณะฯ ยังคงมุ่งมั่นลงทุนในเทคโนโลยีที่สำคัญต่ออนาคตเสมอมา นับตั้งแต่ยุคก่อตั้งโดยอาจารย์บำรุงสุข สีหอำไพ จนถึงปัจจุบันที่ต้องเผชิญกับ Disruption จากสื่อดิจิทัลและ AI โดยเป็นสถาบันการศึกษาแห่งแรกในไทยที่มีห้องปฏิบัติการด้านเสียงมาตรฐาน Dolby Atmos และมีกล้อง 4K ใช้ก่อนที่ภาพยนตร์ 4K จะเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ ซึ่งทั้งหมดนี้เดินหน้าภายใต้เป้าหมายการสร้าง Better Leaders ที่มีจริยธรรม, Better Community ที่เติบโตอย่างยั่งยืน เพื่อนำไปสู่ Better Society และก้าวสู่ Better World ในฐานะศูนย์กลางความรู้ระดับนานาชาติ
สำหรับงาน “Unlock 60” ได้เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการ “ปลดล็อกคีย์เวิร์ด” 60 คำ ที่เปรียบเสมือนกุญแจแห่งโอกาสและความรู้ ผ่านกิจกรรมเชิงโต้ตอบ (Interactive) ทั้งนิทรรศการหอประวัติ 4 โซน Keyword Landscape Wall ที่ให้ผู้ร่วมงานได้ปักหมุดความทรงจำ และไฮไลต์พิเศษอย่าง “กาชาปองแซยิด 60 ปี” ที่ซ่อนคีย์เวิร์ดแห่งพลังการสื่อสารเอาไว้ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมสร้างอนาคตของการสื่อสารที่ยั่งยืนต่อไป
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
AI บอกวัฒนธรรม: เมื่อ ‘ช้างเอราวัณ’ ไทยกลายเป็นอินเดียสะท้อนวิกฤติข้อมูลชาติ
แนะคาถา ‘ไม่กลัว-ไม่โลภ-ไม่หลง’ ทางรอดจากกลโกงออนไลน์




