Share on
×

Share

พลิกความรักสู่ธุรกิจ: ‘ภูริ์ บัณฑิตกุล’ และเบื้องหลังความสำเร็จของ ‘หน้าแมว’

พลิกความรักสู่ธุรกิจ: ‘ภูริ์ บัณฑิตกุล’ และเบื้องหลังความสำเร็จของ ‘หน้าแมว’

จากวิศวกร SCG สู่เจ้าของอาณาจักร ‘หน้าแมว’… ‘ภูริ์ บัณฑิตกุล‘ ผู้พลิกความรักแมวจรสู่ Pet Tech ในวันที่ตลาดทะยานสู่แสนล้าน

ท่ามกลางตลาดสัตว์เลี้ยงของไทย ที่กำลังทะยานสู่มูลค่าแสนล้านบาท และขับเคลื่อนด้วยเทรนด์ “Pet Humanization” ที่เจ้าของยอมทุ่มเทค่าใช้จ่ายให้สัตว์เลี้ยงเสมือนสมาชิกในครอบครัวสูงถึงปีละกว่า 50,000 บาท เรื่องราวของ ภูริ์ บัณฑิตกุล คือกรณีศึกษาที่น่าทึ่งของการเปลี่ยนความรักและความเข้าใจในสัตว์เลี้ยงให้กลายเป็นธุรกิจที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง จากวิศวกรหนุ่มอนาคตไกลในเครือ SCG เขาตัดสินใจเดิมพันกับเส้นทางที่ไม่แน่นอน เพื่อสร้างอาณาจักร “หน้าแมว” (Nhamaew) ด้วยปรัชญาที่ตกผลึกจากประสบการณ์ตรงว่า “แค่ความรักอย่างเดียวมันไม่พอ”

จุดเปลี่ยนชีวิต: เมื่อแมวจรหนึ่งตัว เปลี่ยนวิศวกรให้เป็นผู้ประกอบการ

ก่อนที่ชื่อของ “หน้าแมว” จะเป็นที่รู้จัก ภูริ์เริ่มต้นเส้นทางอาชีพในฐานะวิศวกรเครื่องกล บัณฑิตจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และเข้าทำงานที่ SCG แก่งคอย ชีวิตดูเหมือนจะดำเนินไปบนเส้นทางที่มั่นคง แต่ลึก ๆ แล้ว เขารู้สึกว่ากรอบการทำงานในองค์กรขนาดใหญ่ไม่ใช่ตัวตนของเขา

ความรู้สึกนั้นถูกเก็บไว้จนกระทั่งวันหนึ่ง เขาได้พบกับ “เมิร์ฟ” ลูกแมวจรอายุเพียงหนึ่งเดือน ที่กำลังนอนซบกอดร่างไร้วิญญาณของพี่น้องตัวเองในกล่อง ภาพนั้นสั่นสะเทือนหัวใจของเขาอย่างรุนแรง “ถ้าไม่ช่วย น้องไม่รอดแน่นอน” เขาจึงตัดสินใจรับเมิฟมาดูแล และชีวิตของวิศวกรหนุ่มก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

“ปกติเวลาว่างผมก็จะหาอ่านเกี่ยวกับงานหรือไม่ก็ไปเตะฟุตบอล แต่หลังจากเจอเมิฟ มันกลายเป็นทุกเวลาว่างครับ ผมจะเอามานั่งอ่านบทความเกี่ยวกับน้องแมว” ภูริ์เล่า เวลาว่างที่เคยใช้เพื่อตัวเอง ถูกทุ่มเทให้กับการหาความรู้เพื่อช่วยชีวิตเล็ก ๆ หนึ่งชีวิตให้ดีที่สุด การค้นคว้าอย่างหนักหน่วงเพื่อช่วยชีวิตเล็ก ๆ หนึ่งชีวิต ได้เปิดโลกให้เขารู้จักกับโมเดลธุรกิจ “โรงแรมแมว” ในต่างประเทศ ซึ่งปลุก “ปมในใจ” ที่เขามีกับ “แต้ม” แมวจรตัวแรกที่เคยต้องฝากให้เพื่อนบ้านดูแล เพราะไม่มีโซลูชันที่ดีกว่านี้ในเวลานั้น

การตัดสินใจของเขา เกิดขึ้นในจังหวะที่สอดคล้องกับภาพใหญ่ของตลาดสัตว์เลี้ยงที่กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดดมูลค่าตลาดสัตว์เลี้ยงโตขึ้นทุกปี ในขณะที่อัตราการมีลูกของคนไทยลดลง

“ผมมองว่าการเลี้ยงสัตว์เป็นลูกไม่ใช่แค่เทรนด์ที่มาแล้วไป แต่เป็นสิ่งที่จะพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนเรื่องสุขภาพ ที่วันนี้คนรักสุขภาพมากขึ้น อีก 10 ปีจะยิ่งรักมากขึ้นไม่ใช่น้อยลง”

เขาจึงมองเห็นโอกาสทางธุรกิจที่ชัดเจน และเมื่อมองไปยังปลายทางอาชีพวิศวกรแล้วพบว่า “ผมไม่ได้อยากเป็นใครในนี้เลย” เขาจึงตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวที่จะลาออกเพื่อสร้างเส้นทางของตัวเอง

นี่คือจุดเริ่มต้นของความคิดแบบผู้ประกอบการเต็มตัว คือการเลือกเส้นทางที่ขับเคลื่อนด้วยเป้าหมายของตนเอง แทนที่จะเดินตามเส้นทางที่ปลอดภัยแต่ไม่ใช่ตัวตน เขาเผชิญหน้ากับความเสี่ยงด้วยตรรกะที่ชัดเจน “ผมมานั่งคิดว่า ถ้าผมทำแล้วมันเจ๊ง ผมก็คงเสียใจ แต่ถ้าเกิดผมไม่ได้ลองทำ ผมจะเสียดายมากกว่า” ความกลัวที่จะเสียดายโอกาสในอนาคต มีน้ำหนักมากกว่าความกลัวที่จะล้มเหลวในปัจจุบัน นี่คือการเดิมพันครั้งแรกที่นำเขาออกจาก Comfort Zone สู่โลกของการสร้างธุรกิจด้วยตัวเอง

ปรัชญาที่ขับเคลื่อน: บทเรียนราคาแพงจาก “แต้ม” สู่แนวคิด “รักอย่างเดียวไม่พอ”

หากเมิฟคือผู้จุดประกาย “แต้ม” คือผู้มอบปรัชญาที่เป็นหัวใจของ “หน้าแมว” แต้มคือแมวจรที่เขาเลี้ยงดูมาตั้งแต่สมัยมัธยม แต่ต้องมาจากไปอย่างน่าเศร้าเพราะอาการป่วยที่เขาและครอบครัวมองข้าม เนื่องจากขาดความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง

“ผมช็อกเลยตอนนั้น ผมทำอะไรไม่ถูกเลย รู้สึกแบบ เฮ้ยทำไมอ่ะ เราอยู่ในมือหมอตลอดเลยนะ” เขาย้อนถึงความรู้สึกผิดในวันที่รีบกลับจากที่ทำงานมาแต่ก็ไม่ทันการณ์ “มันตอกย้ำลงไปอีกว่าถ้าเรามีความรู้ซะหน่อย เราคงดูแลเขาได้ดีกว่านี้ แค่ความรู้พื้นฐานประโยคสั้น ๆ ประโยคเดียวเองเรื่องสุขภาพฟันและเหงือก ก็สามารถช่วยชีวิตน้องแมวเราได้เลย”

ความสูญเสียครั้งนั้นทำให้ ภูริ์ตระหนักว่า ความรักเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ แต่ต้องประกอบด้วย ความรู้ที่ถูกต้อง และ ทุนทรัพย์ ด้วย แนวคิด “รักอย่างเดียวไม่พอ” จึงไม่ได้เป็นแค่สโลแกนสวยหรู แต่คือภารกิจสำคัญของ “หน้าแมว” ในการส่งต่อความรู้ที่จำเป็นให้ถึงมือเจ้าของสัตว์เลี้ยงทุกคน เพื่อไม่ให้ใครต้องเผชิญกับความเสียใจเช่นเดียวกับเขาอีก

สมดุลระหว่าง ‘ธุรกิจ’ และ ‘ใจรัก’ : เมื่อ ‘กำไร’ คือเชื้อเพลิงขับเคลื่อนโลกที่ดีกว่า

เขาเชื่อว่าการสร้างธุรกิจที่แข็งแกร่ง กับการมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้สัตว์เลี้ยง ไม่ใช่เส้นทางที่ต้องเลือก แต่เป็นสองสิ่งที่สามารถเดินคู่ขนานกันไปได้อย่างยั่งยืน

“ผมมองว่ามันไม่ได้เป็นทางที่ต้องเลือกครับ แต่เป็นเส้นทางที่คู่ขนานกันไปได้”

สำหรับเส้นทางของ ‘หน้าแมว’ เขาเลือกสร้างโมเดลที่เชื่อว่าการสร้างการเปลี่ยนแปลงในวงกว้างและต่อเนื่องได้นั้น ต้องมาจากรากฐานที่มั่นคงและพึ่งพาตัวเองได้ เขาจึงเลือกเส้นทางธุรกิจ เพื่อสร้างระบบที่สามารถหล่อเลี้ยงตัวเองและเติบโตได้อย่างยั่งยืน

ดังนั้น สำหรับเขา ‘กำไร’ จึงไม่ใช่เป้าหมายสูงสุด แต่เป็น ‘เชื้อเพลิง’ ที่จำเป็นอย่างยิ่งในการขับเคลื่อนภารกิจให้เดินหน้าต่อไป การสร้างธุรกิจที่ยืนได้ด้วยขาของตัวเอง ทำให้ ‘หน้าแมว’ มีอิสระและความพร้อมที่จะลงทุนในนวัตกรรมใหม่ ๆ ขยายองค์ความรู้ และสร้างสรรค์ประโยชน์ให้แก่ชุมชนคนรักสัตว์ได้อย่างเต็มศักยภาพ โดยไม่ต้องประนีประนอมกับเป้าหมายดั้งเดิมในการสร้างโลกที่ดีกว่าเพื่อสัตว์เลี้ยง

วิถีผู้ประกอบการ: Bootstrapping สเกลได้ และไม่ยอมเสียตัวตน

แนวคิดแบบผู้ประกอบการของภูริ์ สะท้อนชัดเจนในกลยุทธ์การเติบโตของธุรกิจ เขาเริ่มต้นจากการ บูทสแตรป (Bootstrapping) หรือการใช้ทุนของตัวเองทั้งหมด ซึ่งทำให้เขามีอิสระในการตัดสินใจและรักษา “ตัวตน” ของแบรนด์ไว้ได้อย่างเหนียวแน่น

“ความตั้งใจของหน้าแมวจะไม่เปลี่ยนไปเลย เพราะทุกอย่างเป็นเงินลงทุนผมเอง การจะหาผู้ร่วมลงทุนที่มีเป้าหมายเดียวกันมันค่อนข้างยาก”

ยิ่งไปกว่านั้น เขายังมองการณ์ไกลถึง ความสามารถในการขยายธุรกิจ (Scalability) เขาตัดสินใจที่จะไม่ขยายสาขาโรงแรมแมวเพิ่ม แม้จะมีความต้องการจากลูกค้าสูงก็ตาม “การตั้งสาขา 2 หรือ 3 หมายถึงเราต้องใช้เงินลงทุนก้อนใหญ่ รอเวลาคืนทุน และมันสเกลได้ยาก นี่คือจุดอ่อนของธุรกิจลักษณะนี้”

ในทางกลับกัน เขาเลือกทุ่มเททรัพยากรไปที่ Pet Tech ซึ่งสเกลได้ง่ายกว่ามาก “ถ้าวันหนึ่งมีคนใช้ AI เป็นหมื่นคน ต้นทุนผมเพิ่มขึ้นแค่กระจุ๋งเดียวเอง” นี่คือการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ที่ชัดเจนของผู้ประกอบการ ที่เลือกโมเดลธุรกิจที่สามารถเติบโตได้แบบก้าวกระโดดโดยมีต้นทุนผันแปรที่ต่ำ

กลยุทธ์ Content First: สร้าง “ความไว้ใจ” ก่อนสร้าง “โรงแรม”

ก่อนจะลงมือสร้างโรงแรมแมว ภูริ์เริ่มต้นจากการทำ Market Research ที่จับต้องได้จริง เขาและครอบครัวลงพื้นที่ย่านเมืองทองธานี เดินแจกแบบสอบถามกว่า 500 ชุด เพื่อฟังเสียงของลูกค้าตัวจริง และได้ค้นพบ Insight ที่ล้ำค่าที่สุด

“400-500 กว่าคนจะพูดมาเหมือนกันว่า ถ้าเขาจะมาฝาก เขาต้องรู้จักเราก่อนว่าคุณเป็นใคร คุณรักแมวจริงหรือเปล่า เราจะไว้ใจคุณได้ใช่ไหม”

ภูริ์ บัณฑิตกุล และ น้องชาย (ภาม บัณฑิตกุล)
ภูริ์ บัณฑิตกุล และ น้องชาย (ภาม บัณฑิตกุล)

Insight นี้ทำให้เกิดกลยุทธ์ Content First เขาและน้องชาย (ภาม บัณฑิตกุล) ตัดสินใจสร้าง เพจ Facebook “หน้าแมว” ขึ้นมาก่อน เพื่อสร้างตัวตน สร้างความเชื่อใจ และให้ความรู้แก่ชุมชนคนรักแมว แทนที่จะโพสต์เพียงรูปแมวน่ารัก ๆ เขาเลือกสร้างความแตกต่างด้วยการทำคอนเทนต์เชิงความรู้ในรูปแบบ Infographic ซึ่งยังใหม่มากในวงการเพจสัตว์เลี้ยง ณ เวลานั้น

ซึ่งสอดคล้องกับเทรนด์ ‘Pet Humanization’ อย่างชัดเจน ผลวิจัยจาก CMMU ชี้ว่า เจ้าของกลุ่มนี้มีค่าใช้จ่ายในการดูแลสัตว์เลี้ยงสูงถึง 50,500 บาทต่อตัวต่อปี สูงกว่ากลุ่มที่เลี้ยงแบบทั่วไป (Pet Ownership) ถึง 6 เท่า การตัดสินใจใช้จ่ายที่สูงขนาดนี้จึงตั้งอยู่บน “ความไว้วางใจ” เป็นสำคัญ เขาจึงตัดสินใจสร้าง เพจ Facebook “หน้าแมว” ขึ้นมาก่อน เพื่อสร้างตัวตนและให้ความรู้แก่ชุมชน ผ่านคอนเทนต์เชิงลึกในรูปแบบ Infographic ซึ่งสร้างความแตกต่างและน่าเชื่อถือ

เมื่อเพจเริ่มเป็นที่รู้จัก โรงแรมแมวหน้าแมว ก็เปิดตัวขึ้นในพื้นที่ลานจอดรถของบ้านที่เขาจินตนาการและออกแบบเองทั้งหมดจากระเบียงห้องนอน ด้วยความรู้ทางวิศวกรรม เขาลงรายละเอียดตั้งแต่การคำนวณ BTU ของเครื่องปรับอากาศ การวางระบบระบายอากาศลดกลิ่น ไปจนถึงการเลือกโค้ดสีผนังและกระเบื้องด้วยตัวเอง ผลลัพธ์คือความสำเร็จที่เกินคาด

“ช่วงปีใหม่นั้นคนจองเต็มเลย ผมขับรถอยู่แล้วร้องไห้เลยตอนที่มีคนจองห้องครั้งแรก มีคนติดต่อมาไม่ต่ำกว่า 50-60 บ้าน เขาบอกว่า ‘ไม่เป็นไร ตามเพจอยู่แล้ว ไว้ใจค่ะ’ ซึ่งประโยคนี้มันพิสูจน์เลยว่าแผนที่เราวางไว้มันเวิร์กจริง ๆ”

สู่ยุค AI: กำเนิด “หน้าแมว Pet AI” เพื่อนคู่ใจทาสแมว 24 ชั่วโมง

ความสำเร็จของเพจนำมาซึ่งความท้าทายใหม่ นั่นคือข้อความปรึกษาเกี่ยวกับแมวที่หลั่งไหลเข้ามานับร้อย ๆ ข้อความต่อวัน ซึ่งเขาไม่สามารถตอบได้ทั้งหมด โดยเฉพาะเคสเร่งด่วนที่อาจหมายถึงความเป็นความตายของสัตว์เลี้ยงหนึ่งชีวิต

“หลายเคสเรารู้แน่นอนว่าด่วน ถ้าเราบอกเขา ณ เวลาตอนนั้นได้ทัน เราจะได้ช่วยน้องแมวได้ อาจจะช่วยชีวิตได้เลยด้วยซ้ำ” ความรู้สึกนี้คือแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้เกิด “หน้าแมว Pet AI” บริการให้คำปรึกษาผ่าน LINE Official Account ที่ขับเคลื่อนด้วย Generative AI

ทิศทางนี้สอดรับกับ 5 เทรนด์หลักของตลาดสัตว์เลี้ยง ที่ Pet Tech และ Pet Health & Wellness ถือเป็นหัวใจสำคัญ ภูริ์ซึ่งไม่มีพื้นฐานการเขียนโปรแกรม เริ่มต้นเรียนรู้จาก YouTube และสร้างเวอร์ชันแรกขึ้นมาด้วยตัวเอง ก่อนจะพัฒนาร่วมกับพาร์ทเนอร์

ความพิเศษของ “หน้าแมว Pet AI” คือการถูกฝึกฝน (Fine-tune) ด้วยชุดคำถามจริงจากผู้ใช้งานเกือบ 3 แสนคำถามตลอด 2 ปี ทำให้ AI มีความสามารถในการเข้าใจ บริบทและภาษาพูดของคนไทย ที่เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ เช่น คำว่า “สวบ” หรือ “ทองแดง” ซึ่ง AI ทั่วไปอาจไม่เข้าใจ นอกจากนี้ AI ยังถูกออกแบบให้มีบุคลิกที่เห็นอกเห็นใจ (Empathy) สามารถปลอบโยนเจ้าของในยามสูญเสียได้

เพื่อนที่เป็นสัตวแพทย์เคยถามเขาว่า “ถ้าลูกเราป่วย เราจะคาดหวังให้หมอบอกวิธีรักษาได้เลยโดยไม่ตรวจก่อนไหม… แล้วทำไมกับแมวเราถึงคาดหวังแบบนั้น” คำถามนี้ยิ่งตอกย้ำให้เขาวางตำแหน่งของ AI อย่างชัดเจน “ผมจะพยายามย้ำอยู่ตลอดว่าเราไม่ได้มาแทนที่สัตวแพทย์ แต่เราเป็นเพื่อนคนหนึ่งที่ไว้ใจได้ เก่งเรื่องหมาแมว และเข้าใจคุณ”

วิสัยทัศน์อนาคต: จาก AI เพื่อนคู่ใจสู่ ‘โปรไฟล์สุขภาพดิจิทัล’ สร้างเกราะป้องกันโรคให้สัตว์เลี้ยง

วิสัยทัศน์ของภูริ์ ไม่ได้หยุดอยู่แค่ AI ที่เป็นเพื่อนคู่คิด แต่เขามองไปถึงการปฏิวัติการดูแลสุขภาพสัตว์เลี้ยงจากการ “ตั้งรับ” ที่รอให้เกิดอาการป่วยแล้วจึงรักษา ไปสู่การ “ป้องกันเชิงรุก” (Proactive Prevention) ที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล

“ในอนาคตอีก 5-10 ปี เราจะยังเลี้ยงแมวกันแบบนี้จริง ๆ หรือ” เขาตั้งคำถาม “เราจะยังใช้วิธีโพสต์ถามตามโซเชียลมีเดีย ซึ่งใครก็ไม่รู้มาตอบ แล้วไปรักษากันแบบผิด ๆ จริง ๆ หรือ”

เป้าหมายต่อไปคือการทำให้ “หน้าแมว Pet AI” กลายเป็นศูนย์กลางที่เชื่อมโยงข้อมูลจากอุปกรณ์ Pet Tech และ IoT ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นกระบะทรายอัจฉริยะที่วิเคราะห์การขับถ่าย, เครื่องให้อาหารอัตโนมัติที่บันทึกพฤติกรรมการกิน, หรือกล้องวงจรปิดที่ตรวจจับการเคลื่อนไหว เพื่อนำข้อมูลสุขภาพแบบ Real-time ทั้งหมดมาสร้างเป็น “โปรไฟล์สุขภาพดิจิทัลเฉพาะตัว” ของสัตว์เลี้ยงแต่ละชีวิต

“AI จะสามารถวิเคราะห์การฉี่แมวแบบ Real-time ได้เลยว่าปกติไหม สีอะไร มีอะไรต้องระวังหรือเปล่า” เขายกตัวอย่างภาพอนาคตที่ AI จะสามารถตรวจจับความผิดปกติเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เป็นสัญญาณเตือนของโรคร้ายแรงได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ก่อนที่เจ้าของจะทันสังเกตเห็นด้วยตาเปล่า สิ่งนี้ไม่เพียงแต่จะเพิ่มโอกาสในการรักษา แต่ยังช่วยให้เจ้าของดูแลสัตว์เลี้ยงได้อย่างถูกต้องและแม่นยำที่สุด

สร้าง Ecosystem และอนาคตที่ขับเคลื่อนด้วย Data

ปัจจุบัน “หน้าแมว” ได้เติบโตเป็น “หน้าแมวกรุ๊ป” ที่มี 4 หน่วยธุรกิจใน Ecosystem ได้แก่ Social Channels, โรงแรมแมว, หน้าแมว Pet AI, และ หน้าแมว Pet Store ซึ่งเป็นร้านค้าออนไลน์ที่กำลังจะเปิดตัว โดยเน้นสินค้ากลุ่มสุขภาพและ Wellness เพื่อตอบโจทย์ตลาดที่กำลังเปลี่ยนผ่านจาก Mass สู่ Premium อย่างชัดเจน ดังที่ข้อมูลชี้ว่าเจ้าของมากกว่า 2 ใน 3 เคยเลือกซื้ออาหารกลุ่มพรีเมียมให้สัตว์เลี้ยงแล้ว

หัวใจสำคัญที่จะขับเคลื่อน Ecosystem นี้ในอนาคตคือ “Data” ภูริ์มองว่ายุคของสินค้าแบบ Mass กำลังจะหมดไป และโลกกำลังมุ่งสู่ Personalization ข้อมูลจาก AI จะทำให้ “หน้าแมว” สามารถเข้าใจความต้องการของสัตว์เลี้ยงแต่ละตัวได้อย่างลึกซึ้ง และนำเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ตอบโจทย์เฉพาะบุคคลได้แบบ Real-time ซึ่งจะเปลี่ยนเกมการตลาดในอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงที่ปัจจุบันยังคงเป็นการสื่อสารแบบหว่านแหและขาดประสิทธิภาพ

“อนาคตทุกอย่างที่เราเคยทำแบบ Manual จะถูกทำให้เป็นอัตโนมัติ แต่สิ่งหนึ่งที่จะไม่เป็นอัตโนมัติคือ ความสัมพันธ์และความเชื่อใจของคน และนี่คือจุดยืนที่หน้าแมวจะรักษาไว้เสมอ” ภูริ์กล่าวทิ้งท้าย จากจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ สู่การสร้างธุรกิจที่ไม่ได้วัดผลแค่กำไร แต่ยังสร้างคุณค่าและองค์ความรู้ให้แก่ชุมชน นี่คือเรื่องราวของ “หน้าแมว” ที่พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า พลังของความรักเมื่อผนวกเข้ากับความรู้และนวัตกรรม สามารถสร้างโลกที่ดีกว่าให้แก่สัตว์เลี้ยงได้อย่างยั่งยืน

ไม่ใช่แค่ธุรกิจ แต่คือการสร้างมาตรฐานใหม่ให้คนรักสัตว์

ธุรกิจของ “หน้าแมว” ล้วนเกิดจากการแก้ปัญหาที่เขาเห็น เริ่มจาก โรงแรมแมว ที่มาจาก Pain Point ของตัวเอง เพจ Facebook ที่เกิดจากการค้นพบว่าลูกค้าต้องการ “ความไว้วางใจ” ก่อนตัดสินใจซื้อ และ “หน้าแมว Pet AI” ที่เป็นคำตอบของปัญหาข้อความปรึกษาที่หลั่งไหลเข้ามาจนเกินกำลังคนจะรับไหว

วิสัยทัศน์ของเขาไม่ได้หยุดเพียงแค่นี้ เขามองไปถึงการปฏิวัติการดูแลสุขภาพสัตว์เลี้ยงจากการ “ตั้งรับ” สู่การ “ป้องกันเชิงรุก” โดยมีเป้าหมายคือการทำให้ “หน้าแมว Pet AI” กลายเป็นศูนย์กลางที่เชื่อมโยงข้อมูลจากอุปกรณ์ Pet Tech และ IoT ต่าง ๆ เพื่อนำข้อมูลสุขภาพแบบ Real-time ทั้งหมดมาสร้างเป็น “โปรไฟล์สุขภาพดิจิทัลเฉพาะตัว” ของสัตว์เลี้ยงแต่ละชีวิต ที่จะสามารถตรวจจับสัญญาณเตือนของโรคได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ

จากจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ สู่การสร้าง Ecosystem ที่ครบวงจรและขับเคลื่อนด้วยวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน นี่คือเรื่องราวของ “หน้าแมว” ที่พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า พลังของความรักเมื่อผนวกเข้ากับหลักคิดแบบผู้ประกอบการที่มุ่งมั่น สามารถสร้างโลกที่ดีกว่าให้แก่สัตว์เลี้ยงได้อย่างยั่งยืน

บทสัมภาษณ์อื่น ๆ ที่น่าสนใจ

TSUKUNE Craft: ปั้นฝันด้วยสองมือสู่ Art Toy ไม้แกะสลัก ‘หนึ่งเดียวในโลก’

จากแผนที่ ‘ขนมชั้น’ สู่ GeoAI: วิสัยทัศน์ ‘แพร พันธุมวนิช’ พลิกเกมธุรกิจด้วย Location Intelligence

จากวิสัยทัศน์ สู่การสร้างชาติด้วย AI: เจาะลึกเส้นทาง ‘บอทน้อย’ และ ดร.วินน์ วรวุฒิคุณชัย

×

Share

ผู้เขียน