จากวิศวกร SCG สู่เจ้าของอาณาจักร ‘หน้าแมว’… ‘ภูริ์ บัณฑิตกุล‘ ผู้พลิกความรักแมวจรสู่ Pet Tech ในวันที่ตลาดทะยานสู่แสนล้าน
ท่ามกลางตลาดสัตว์เลี้ยงของไทย ที่กำลังทะยานสู่มูลค่าแสนล้านบาท และขับเคลื่อนด้วยเทรนด์ “Pet Humanization” ที่เจ้าของยอมทุ่มเทค่าใช้จ่ายให้สัตว์เลี้ยงเสมือนสมาชิกในครอบครัวสูงถึงปีละกว่า 50,000 บาท เรื่องราวของ ภูริ์ บัณฑิตกุล คือกรณีศึกษาที่น่าทึ่งของการเปลี่ยนความรักและความเข้าใจในสัตว์เลี้ยงให้กลายเป็นธุรกิจที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง จากวิศวกรหนุ่มอนาคตไกลในเครือ SCG เขาตัดสินใจเดิมพันกับเส้นทางที่ไม่แน่นอน เพื่อสร้างอาณาจักร “หน้าแมว” (Nhamaew) ด้วยปรัชญาที่ตกผลึกจากประสบการณ์ตรงว่า “แค่ความรักอย่างเดียวมันไม่พอ”
จุดเปลี่ยนชีวิต: เมื่อแมวจรหนึ่งตัว เปลี่ยนวิศวกรให้เป็นผู้ประกอบการ
ก่อนที่ชื่อของ “หน้าแมว” จะเป็นที่รู้จัก ภูริ์เริ่มต้นเส้นทางอาชีพในฐานะวิศวกรเครื่องกล บัณฑิตจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และเข้าทำงานที่ SCG แก่งคอย ชีวิตดูเหมือนจะดำเนินไปบนเส้นทางที่มั่นคง แต่ลึก ๆ แล้ว เขารู้สึกว่ากรอบการทำงานในองค์กรขนาดใหญ่ไม่ใช่ตัวตนของเขา
ความรู้สึกนั้นถูกเก็บไว้จนกระทั่งวันหนึ่ง เขาได้พบกับ “เมิร์ฟ” ลูกแมวจรอายุเพียงหนึ่งเดือน ที่กำลังนอนซบกอดร่างไร้วิญญาณของพี่น้องตัวเองในกล่อง ภาพนั้นสั่นสะเทือนหัวใจของเขาอย่างรุนแรง “ถ้าไม่ช่วย น้องไม่รอดแน่นอน” เขาจึงตัดสินใจรับเมิฟมาดูแล และชีวิตของวิศวกรหนุ่มก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
“ปกติเวลาว่างผมก็จะหาอ่านเกี่ยวกับงานหรือไม่ก็ไปเตะฟุตบอล แต่หลังจากเจอเมิฟ มันกลายเป็นทุกเวลาว่างครับ ผมจะเอามานั่งอ่านบทความเกี่ยวกับน้องแมว” ภูริ์เล่า เวลาว่างที่เคยใช้เพื่อตัวเอง ถูกทุ่มเทให้กับการหาความรู้เพื่อช่วยชีวิตเล็ก ๆ หนึ่งชีวิตให้ดีที่สุด การค้นคว้าอย่างหนักหน่วงเพื่อช่วยชีวิตเล็ก ๆ หนึ่งชีวิต ได้เปิดโลกให้เขารู้จักกับโมเดลธุรกิจ “โรงแรมแมว” ในต่างประเทศ ซึ่งปลุก “ปมในใจ” ที่เขามีกับ “แต้ม” แมวจรตัวแรกที่เคยต้องฝากให้เพื่อนบ้านดูแล เพราะไม่มีโซลูชันที่ดีกว่านี้ในเวลานั้น
การตัดสินใจของเขา เกิดขึ้นในจังหวะที่สอดคล้องกับภาพใหญ่ของตลาดสัตว์เลี้ยงที่กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดดมูลค่าตลาดสัตว์เลี้ยงโตขึ้นทุกปี ในขณะที่อัตราการมีลูกของคนไทยลดลง
“ผมมองว่าการเลี้ยงสัตว์เป็นลูกไม่ใช่แค่เทรนด์ที่มาแล้วไป แต่เป็นสิ่งที่จะพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนเรื่องสุขภาพ ที่วันนี้คนรักสุขภาพมากขึ้น อีก 10 ปีจะยิ่งรักมากขึ้นไม่ใช่น้อยลง”
เขาจึงมองเห็นโอกาสทางธุรกิจที่ชัดเจน และเมื่อมองไปยังปลายทางอาชีพวิศวกรแล้วพบว่า “ผมไม่ได้อยากเป็นใครในนี้เลย” เขาจึงตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวที่จะลาออกเพื่อสร้างเส้นทางของตัวเอง
นี่คือจุดเริ่มต้นของความคิดแบบผู้ประกอบการเต็มตัว คือการเลือกเส้นทางที่ขับเคลื่อนด้วยเป้าหมายของตนเอง แทนที่จะเดินตามเส้นทางที่ปลอดภัยแต่ไม่ใช่ตัวตน เขาเผชิญหน้ากับความเสี่ยงด้วยตรรกะที่ชัดเจน “ผมมานั่งคิดว่า ถ้าผมทำแล้วมันเจ๊ง ผมก็คงเสียใจ แต่ถ้าเกิดผมไม่ได้ลองทำ ผมจะเสียดายมากกว่า” ความกลัวที่จะเสียดายโอกาสในอนาคต มีน้ำหนักมากกว่าความกลัวที่จะล้มเหลวในปัจจุบัน นี่คือการเดิมพันครั้งแรกที่นำเขาออกจาก Comfort Zone สู่โลกของการสร้างธุรกิจด้วยตัวเอง
ปรัชญาที่ขับเคลื่อน: บทเรียนราคาแพงจาก “แต้ม” สู่แนวคิด “รักอย่างเดียวไม่พอ”
หากเมิฟคือผู้จุดประกาย “แต้ม” คือผู้มอบปรัชญาที่เป็นหัวใจของ “หน้าแมว” แต้มคือแมวจรที่เขาเลี้ยงดูมาตั้งแต่สมัยมัธยม แต่ต้องมาจากไปอย่างน่าเศร้าเพราะอาการป่วยที่เขาและครอบครัวมองข้าม เนื่องจากขาดความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง
“ผมช็อกเลยตอนนั้น ผมทำอะไรไม่ถูกเลย รู้สึกแบบ เฮ้ยทำไมอ่ะ เราอยู่ในมือหมอตลอดเลยนะ” เขาย้อนถึงความรู้สึกผิดในวันที่รีบกลับจากที่ทำงานมาแต่ก็ไม่ทันการณ์ “มันตอกย้ำลงไปอีกว่าถ้าเรามีความรู้ซะหน่อย เราคงดูแลเขาได้ดีกว่านี้ แค่ความรู้พื้นฐานประโยคสั้น ๆ ประโยคเดียวเองเรื่องสุขภาพฟันและเหงือก ก็สามารถช่วยชีวิตน้องแมวเราได้เลย”
ความสูญเสียครั้งนั้นทำให้ ภูริ์ตระหนักว่า ความรักเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ แต่ต้องประกอบด้วย ความรู้ที่ถูกต้อง และ ทุนทรัพย์ ด้วย แนวคิด “รักอย่างเดียวไม่พอ” จึงไม่ได้เป็นแค่สโลแกนสวยหรู แต่คือภารกิจสำคัญของ “หน้าแมว” ในการส่งต่อความรู้ที่จำเป็นให้ถึงมือเจ้าของสัตว์เลี้ยงทุกคน เพื่อไม่ให้ใครต้องเผชิญกับความเสียใจเช่นเดียวกับเขาอีก
สมดุลระหว่าง ‘ธุรกิจ’ และ ‘ใจรัก’ : เมื่อ ‘กำไร’ คือเชื้อเพลิงขับเคลื่อนโลกที่ดีกว่า
เขาเชื่อว่าการสร้างธุรกิจที่แข็งแกร่ง กับการมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้สัตว์เลี้ยง ไม่ใช่เส้นทางที่ต้องเลือก แต่เป็นสองสิ่งที่สามารถเดินคู่ขนานกันไปได้อย่างยั่งยืน
“ผมมองว่ามันไม่ได้เป็นทางที่ต้องเลือกครับ แต่เป็นเส้นทางที่คู่ขนานกันไปได้”
สำหรับเส้นทางของ ‘หน้าแมว’ เขาเลือกสร้างโมเดลที่เชื่อว่าการสร้างการเปลี่ยนแปลงในวงกว้างและต่อเนื่องได้นั้น ต้องมาจากรากฐานที่มั่นคงและพึ่งพาตัวเองได้ เขาจึงเลือกเส้นทางธุรกิจ เพื่อสร้างระบบที่สามารถหล่อเลี้ยงตัวเองและเติบโตได้อย่างยั่งยืน
ดังนั้น สำหรับเขา ‘กำไร’ จึงไม่ใช่เป้าหมายสูงสุด แต่เป็น ‘เชื้อเพลิง’ ที่จำเป็นอย่างยิ่งในการขับเคลื่อนภารกิจให้เดินหน้าต่อไป การสร้างธุรกิจที่ยืนได้ด้วยขาของตัวเอง ทำให้ ‘หน้าแมว’ มีอิสระและความพร้อมที่จะลงทุนในนวัตกรรมใหม่ ๆ ขยายองค์ความรู้ และสร้างสรรค์ประโยชน์ให้แก่ชุมชนคนรักสัตว์ได้อย่างเต็มศักยภาพ โดยไม่ต้องประนีประนอมกับเป้าหมายดั้งเดิมในการสร้างโลกที่ดีกว่าเพื่อสัตว์เลี้ยง
วิถีผู้ประกอบการ: Bootstrapping สเกลได้ และไม่ยอมเสียตัวตน
แนวคิดแบบผู้ประกอบการของภูริ์ สะท้อนชัดเจนในกลยุทธ์การเติบโตของธุรกิจ เขาเริ่มต้นจากการ บูทสแตรป (Bootstrapping) หรือการใช้ทุนของตัวเองทั้งหมด ซึ่งทำให้เขามีอิสระในการตัดสินใจและรักษา “ตัวตน” ของแบรนด์ไว้ได้อย่างเหนียวแน่น
“ความตั้งใจของหน้าแมวจะไม่เปลี่ยนไปเลย เพราะทุกอย่างเป็นเงินลงทุนผมเอง การจะหาผู้ร่วมลงทุนที่มีเป้าหมายเดียวกันมันค่อนข้างยาก”
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังมองการณ์ไกลถึง ความสามารถในการขยายธุรกิจ (Scalability) เขาตัดสินใจที่จะไม่ขยายสาขาโรงแรมแมวเพิ่ม แม้จะมีความต้องการจากลูกค้าสูงก็ตาม “การตั้งสาขา 2 หรือ 3 หมายถึงเราต้องใช้เงินลงทุนก้อนใหญ่ รอเวลาคืนทุน และมันสเกลได้ยาก นี่คือจุดอ่อนของธุรกิจลักษณะนี้”
ในทางกลับกัน เขาเลือกทุ่มเททรัพยากรไปที่ Pet Tech ซึ่งสเกลได้ง่ายกว่ามาก “ถ้าวันหนึ่งมีคนใช้ AI เป็นหมื่นคน ต้นทุนผมเพิ่มขึ้นแค่กระจุ๋งเดียวเอง” นี่คือการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ที่ชัดเจนของผู้ประกอบการ ที่เลือกโมเดลธุรกิจที่สามารถเติบโตได้แบบก้าวกระโดดโดยมีต้นทุนผันแปรที่ต่ำ
กลยุทธ์ Content First: สร้าง “ความไว้ใจ” ก่อนสร้าง “โรงแรม”
ก่อนจะลงมือสร้างโรงแรมแมว ภูริ์เริ่มต้นจากการทำ Market Research ที่จับต้องได้จริง เขาและครอบครัวลงพื้นที่ย่านเมืองทองธานี เดินแจกแบบสอบถามกว่า 500 ชุด เพื่อฟังเสียงของลูกค้าตัวจริง และได้ค้นพบ Insight ที่ล้ำค่าที่สุด
“400-500 กว่าคนจะพูดมาเหมือนกันว่า ถ้าเขาจะมาฝาก เขาต้องรู้จักเราก่อนว่าคุณเป็นใคร คุณรักแมวจริงหรือเปล่า เราจะไว้ใจคุณได้ใช่ไหม”

Insight นี้ทำให้เกิดกลยุทธ์ Content First เขาและน้องชาย (ภาม บัณฑิตกุล) ตัดสินใจสร้าง เพจ Facebook “หน้าแมว” ขึ้นมาก่อน เพื่อสร้างตัวตน สร้างความเชื่อใจ และให้ความรู้แก่ชุมชนคนรักแมว แทนที่จะโพสต์เพียงรูปแมวน่ารัก ๆ เขาเลือกสร้างความแตกต่างด้วยการทำคอนเทนต์เชิงความรู้ในรูปแบบ Infographic ซึ่งยังใหม่มากในวงการเพจสัตว์เลี้ยง ณ เวลานั้น
ซึ่งสอดคล้องกับเทรนด์ ‘Pet Humanization’ อย่างชัดเจน ผลวิจัยจาก CMMU ชี้ว่า เจ้าของกลุ่มนี้มีค่าใช้จ่ายในการดูแลสัตว์เลี้ยงสูงถึง 50,500 บาทต่อตัวต่อปี สูงกว่ากลุ่มที่เลี้ยงแบบทั่วไป (Pet Ownership) ถึง 6 เท่า การตัดสินใจใช้จ่ายที่สูงขนาดนี้จึงตั้งอยู่บน “ความไว้วางใจ” เป็นสำคัญ เขาจึงตัดสินใจสร้าง เพจ Facebook “หน้าแมว” ขึ้นมาก่อน เพื่อสร้างตัวตนและให้ความรู้แก่ชุมชน ผ่านคอนเทนต์เชิงลึกในรูปแบบ Infographic ซึ่งสร้างความแตกต่างและน่าเชื่อถือ
เมื่อเพจเริ่มเป็นที่รู้จัก โรงแรมแมวหน้าแมว ก็เปิดตัวขึ้นในพื้นที่ลานจอดรถของบ้านที่เขาจินตนาการและออกแบบเองทั้งหมดจากระเบียงห้องนอน ด้วยความรู้ทางวิศวกรรม เขาลงรายละเอียดตั้งแต่การคำนวณ BTU ของเครื่องปรับอากาศ การวางระบบระบายอากาศลดกลิ่น ไปจนถึงการเลือกโค้ดสีผนังและกระเบื้องด้วยตัวเอง ผลลัพธ์คือความสำเร็จที่เกินคาด
“ช่วงปีใหม่นั้นคนจองเต็มเลย ผมขับรถอยู่แล้วร้องไห้เลยตอนที่มีคนจองห้องครั้งแรก มีคนติดต่อมาไม่ต่ำกว่า 50-60 บ้าน เขาบอกว่า ‘ไม่เป็นไร ตามเพจอยู่แล้ว ไว้ใจค่ะ’ ซึ่งประโยคนี้มันพิสูจน์เลยว่าแผนที่เราวางไว้มันเวิร์กจริง ๆ”
สู่ยุค AI: กำเนิด “หน้าแมว Pet AI” เพื่อนคู่ใจทาสแมว 24 ชั่วโมง
ความสำเร็จของเพจนำมาซึ่งความท้าทายใหม่ นั่นคือข้อความปรึกษาเกี่ยวกับแมวที่หลั่งไหลเข้ามานับร้อย ๆ ข้อความต่อวัน ซึ่งเขาไม่สามารถตอบได้ทั้งหมด โดยเฉพาะเคสเร่งด่วนที่อาจหมายถึงความเป็นความตายของสัตว์เลี้ยงหนึ่งชีวิต
“หลายเคสเรารู้แน่นอนว่าด่วน ถ้าเราบอกเขา ณ เวลาตอนนั้นได้ทัน เราจะได้ช่วยน้องแมวได้ อาจจะช่วยชีวิตได้เลยด้วยซ้ำ” ความรู้สึกนี้คือแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้เกิด “หน้าแมว Pet AI” บริการให้คำปรึกษาผ่าน LINE Official Account ที่ขับเคลื่อนด้วย Generative AI
ทิศทางนี้สอดรับกับ 5 เทรนด์หลักของตลาดสัตว์เลี้ยง ที่ Pet Tech และ Pet Health & Wellness ถือเป็นหัวใจสำคัญ ภูริ์ซึ่งไม่มีพื้นฐานการเขียนโปรแกรม เริ่มต้นเรียนรู้จาก YouTube และสร้างเวอร์ชันแรกขึ้นมาด้วยตัวเอง ก่อนจะพัฒนาร่วมกับพาร์ทเนอร์
ความพิเศษของ “หน้าแมว Pet AI” คือการถูกฝึกฝน (Fine-tune) ด้วยชุดคำถามจริงจากผู้ใช้งานเกือบ 3 แสนคำถามตลอด 2 ปี ทำให้ AI มีความสามารถในการเข้าใจ บริบทและภาษาพูดของคนไทย ที่เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ เช่น คำว่า “สวบ” หรือ “ทองแดง” ซึ่ง AI ทั่วไปอาจไม่เข้าใจ นอกจากนี้ AI ยังถูกออกแบบให้มีบุคลิกที่เห็นอกเห็นใจ (Empathy) สามารถปลอบโยนเจ้าของในยามสูญเสียได้
เพื่อนที่เป็นสัตวแพทย์เคยถามเขาว่า “ถ้าลูกเราป่วย เราจะคาดหวังให้หมอบอกวิธีรักษาได้เลยโดยไม่ตรวจก่อนไหม… แล้วทำไมกับแมวเราถึงคาดหวังแบบนั้น” คำถามนี้ยิ่งตอกย้ำให้เขาวางตำแหน่งของ AI อย่างชัดเจน “ผมจะพยายามย้ำอยู่ตลอดว่าเราไม่ได้มาแทนที่สัตวแพทย์ แต่เราเป็นเพื่อนคนหนึ่งที่ไว้ใจได้ เก่งเรื่องหมาแมว และเข้าใจคุณ”
วิสัยทัศน์อนาคต: จาก AI เพื่อนคู่ใจสู่ ‘โปรไฟล์สุขภาพดิจิทัล’ สร้างเกราะป้องกันโรคให้สัตว์เลี้ยง
วิสัยทัศน์ของภูริ์ ไม่ได้หยุดอยู่แค่ AI ที่เป็นเพื่อนคู่คิด แต่เขามองไปถึงการปฏิวัติการดูแลสุขภาพสัตว์เลี้ยงจากการ “ตั้งรับ” ที่รอให้เกิดอาการป่วยแล้วจึงรักษา ไปสู่การ “ป้องกันเชิงรุก” (Proactive Prevention) ที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล
“ในอนาคตอีก 5-10 ปี เราจะยังเลี้ยงแมวกันแบบนี้จริง ๆ หรือ” เขาตั้งคำถาม “เราจะยังใช้วิธีโพสต์ถามตามโซเชียลมีเดีย ซึ่งใครก็ไม่รู้มาตอบ แล้วไปรักษากันแบบผิด ๆ จริง ๆ หรือ”
เป้าหมายต่อไปคือการทำให้ “หน้าแมว Pet AI” กลายเป็นศูนย์กลางที่เชื่อมโยงข้อมูลจากอุปกรณ์ Pet Tech และ IoT ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นกระบะทรายอัจฉริยะที่วิเคราะห์การขับถ่าย, เครื่องให้อาหารอัตโนมัติที่บันทึกพฤติกรรมการกิน, หรือกล้องวงจรปิดที่ตรวจจับการเคลื่อนไหว เพื่อนำข้อมูลสุขภาพแบบ Real-time ทั้งหมดมาสร้างเป็น “โปรไฟล์สุขภาพดิจิทัลเฉพาะตัว” ของสัตว์เลี้ยงแต่ละชีวิต
“AI จะสามารถวิเคราะห์การฉี่แมวแบบ Real-time ได้เลยว่าปกติไหม สีอะไร มีอะไรต้องระวังหรือเปล่า” เขายกตัวอย่างภาพอนาคตที่ AI จะสามารถตรวจจับความผิดปกติเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เป็นสัญญาณเตือนของโรคร้ายแรงได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ก่อนที่เจ้าของจะทันสังเกตเห็นด้วยตาเปล่า สิ่งนี้ไม่เพียงแต่จะเพิ่มโอกาสในการรักษา แต่ยังช่วยให้เจ้าของดูแลสัตว์เลี้ยงได้อย่างถูกต้องและแม่นยำที่สุด
สร้าง Ecosystem และอนาคตที่ขับเคลื่อนด้วย Data
ปัจจุบัน “หน้าแมว” ได้เติบโตเป็น “หน้าแมวกรุ๊ป” ที่มี 4 หน่วยธุรกิจใน Ecosystem ได้แก่ Social Channels, โรงแรมแมว, หน้าแมว Pet AI, และ หน้าแมว Pet Store ซึ่งเป็นร้านค้าออนไลน์ที่กำลังจะเปิดตัว โดยเน้นสินค้ากลุ่มสุขภาพและ Wellness เพื่อตอบโจทย์ตลาดที่กำลังเปลี่ยนผ่านจาก Mass สู่ Premium อย่างชัดเจน ดังที่ข้อมูลชี้ว่าเจ้าของมากกว่า 2 ใน 3 เคยเลือกซื้ออาหารกลุ่มพรีเมียมให้สัตว์เลี้ยงแล้ว
หัวใจสำคัญที่จะขับเคลื่อน Ecosystem นี้ในอนาคตคือ “Data” ภูริ์มองว่ายุคของสินค้าแบบ Mass กำลังจะหมดไป และโลกกำลังมุ่งสู่ Personalization ข้อมูลจาก AI จะทำให้ “หน้าแมว” สามารถเข้าใจความต้องการของสัตว์เลี้ยงแต่ละตัวได้อย่างลึกซึ้ง และนำเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ตอบโจทย์เฉพาะบุคคลได้แบบ Real-time ซึ่งจะเปลี่ยนเกมการตลาดในอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงที่ปัจจุบันยังคงเป็นการสื่อสารแบบหว่านแหและขาดประสิทธิภาพ
“อนาคตทุกอย่างที่เราเคยทำแบบ Manual จะถูกทำให้เป็นอัตโนมัติ แต่สิ่งหนึ่งที่จะไม่เป็นอัตโนมัติคือ ความสัมพันธ์และความเชื่อใจของคน และนี่คือจุดยืนที่หน้าแมวจะรักษาไว้เสมอ” ภูริ์กล่าวทิ้งท้าย จากจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ สู่การสร้างธุรกิจที่ไม่ได้วัดผลแค่กำไร แต่ยังสร้างคุณค่าและองค์ความรู้ให้แก่ชุมชน นี่คือเรื่องราวของ “หน้าแมว” ที่พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า พลังของความรักเมื่อผนวกเข้ากับความรู้และนวัตกรรม สามารถสร้างโลกที่ดีกว่าให้แก่สัตว์เลี้ยงได้อย่างยั่งยืน
ไม่ใช่แค่ธุรกิจ แต่คือการสร้างมาตรฐานใหม่ให้คนรักสัตว์
ธุรกิจของ “หน้าแมว” ล้วนเกิดจากการแก้ปัญหาที่เขาเห็น เริ่มจาก โรงแรมแมว ที่มาจาก Pain Point ของตัวเอง เพจ Facebook ที่เกิดจากการค้นพบว่าลูกค้าต้องการ “ความไว้วางใจ” ก่อนตัดสินใจซื้อ และ “หน้าแมว Pet AI” ที่เป็นคำตอบของปัญหาข้อความปรึกษาที่หลั่งไหลเข้ามาจนเกินกำลังคนจะรับไหว
วิสัยทัศน์ของเขาไม่ได้หยุดเพียงแค่นี้ เขามองไปถึงการปฏิวัติการดูแลสุขภาพสัตว์เลี้ยงจากการ “ตั้งรับ” สู่การ “ป้องกันเชิงรุก” โดยมีเป้าหมายคือการทำให้ “หน้าแมว Pet AI” กลายเป็นศูนย์กลางที่เชื่อมโยงข้อมูลจากอุปกรณ์ Pet Tech และ IoT ต่าง ๆ เพื่อนำข้อมูลสุขภาพแบบ Real-time ทั้งหมดมาสร้างเป็น “โปรไฟล์สุขภาพดิจิทัลเฉพาะตัว” ของสัตว์เลี้ยงแต่ละชีวิต ที่จะสามารถตรวจจับสัญญาณเตือนของโรคได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ
จากจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ สู่การสร้าง Ecosystem ที่ครบวงจรและขับเคลื่อนด้วยวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน นี่คือเรื่องราวของ “หน้าแมว” ที่พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า พลังของความรักเมื่อผนวกเข้ากับหลักคิดแบบผู้ประกอบการที่มุ่งมั่น สามารถสร้างโลกที่ดีกว่าให้แก่สัตว์เลี้ยงได้อย่างยั่งยืน
บทสัมภาษณ์อื่น ๆ ที่น่าสนใจ
TSUKUNE Craft: ปั้นฝันด้วยสองมือสู่ Art Toy ไม้แกะสลัก ‘หนึ่งเดียวในโลก’
จากแผนที่ ‘ขนมชั้น’ สู่ GeoAI: วิสัยทัศน์ ‘แพร พันธุมวนิช’ พลิกเกมธุรกิจด้วย Location Intelligence
จากวิสัยทัศน์ สู่การสร้างชาติด้วย AI: เจาะลึกเส้นทาง ‘บอทน้อย’ และ ดร.วินน์ วรวุฒิคุณชัย




