ณ อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง อาณาจักรของ แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) บนพื้นที่กว่า 335 ไร่ ได้ตั้งตระหง่านอย่างมั่นคงมาตลอด 28 ปี ที่นี่ไม่ใช่แค่โรงงานธรรมดา แต่คือหนึ่งในสามเสาหลักด้านการผลิตของ LG ทั่วโลก และเป็นฐานการส่งออกสำคัญที่กว่า 80% ของผลผลิตถูกส่งไปยังตลาดใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกา แคนาดา เม็กซิโก ตะวันออกกลาง และออสเตรเลีย ทั้งยังเป็นศูนย์กลางนวัตกรรม (Innovation Hub) ที่ให้กำเนิดเทคโนโลยีใหม่ๆ สู่ตลาดโลก ทันทีที่ก้าวเข้าไป อากาศร้อนอบอ้าวภายนอกจะถูกแทนที่ด้วยความเย็นสบายและความเป็นระเบียบ เสียงเครื่องจักรที่ดังขึ้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอคือสัญญาณของลมหายใจแห่งอุตสาหกรรมระดับโลก ที่ขับเคลื่อนด้วยกำลังการผลิตกว่า 5.5 ล้านเครื่องต่อปีและเม็ดเงินลงทุนกว่า 3,200 ล้านบาทในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ท่ามกลางความยิ่งใหญ่ทั้งในเชิงยุทธศาสตร์และขนาดการผลิตนี้ ความลับที่แท้จริงเบื้องหลังความสำเร็จอันยาวนานอาจไม่ได้ซ่อนอยู่ในตัวเลขเหล่านั้น
K-Tech: เมื่อเทคโนโลยีล้ำสมัยมี ‘หัวใจ’ เป็นมนุษย์

ภาพแรกที่ปรากฏแก่สายตาเมื่อเข้าสู่สายการผลิตคือความล้ำสมัยที่จับต้องได้ นี่คืออาณาจักรของนวัตกรรม “K-Tech” รถลำเลียงชิ้นส่วนอัตโนมัติ (AGV) เคลื่อนที่ไปมาอย่างเงียบเชียบราวกับมีชีวิต ขณะที่แขนกล (Robotic Arm) มากกว่า 40 ตัว ทำงานด้วยความเร็วและความแม่นยำที่มนุษย์มิอาจเทียบได้ และในทุกขั้นตอน ระบบ Vision Camera System จะทำหน้าที่เป็นดวงตาอัจฉริยะ คอยตรวจสอบผลิตภัณฑ์มากกว่า 20 กระบวนการ เพื่อให้มั่นใจว่าทุกชิ้นได้มาตรฐานระดับโลก แต่ท่ามกลางความไฮเทคเหล่านั้น คือภาพของพนักงานที่ทำงานเคียงข้างเครื่องจักรด้วยรอยยิ้มและความชำนาญ นี่คือจุดเริ่มต้นของความน่าสนใจที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังกำแพงโรงงานแห่งนี้ … ความสมดุลที่สมบูรณ์แบบระหว่างมนุษย์และเครื่องจักร
วราพงษ์ อูปแก้ว ผู้อำนวยการโรงงาน บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (ระยอง) กล่าวว่า หัวใจของสายการผลิตที่นี่คือปรัชญาเบื้องหลังนวัตกรรม “K-Tech” ที่ส่งตรงจากเกาหลีใต้ ซึ่งถูกนำมาใช้โดยมีเป้าหมายชัดเจนสองประการ คือ เพื่อความแม่นยำสูงสุดในจุดที่สำคัญ และ เพื่อความปลอดภัยสูงสุดในงานที่เสี่ยงอันตรายหรือต้องใช้แรงงานหนัก ทุกระบบถูกควบคุมจาก Smart Control Tower ที่เปรียบเสมือนสมองกลซึ่งคอยติดตามประสิทธิภาพการผลิตแบบเรียลไทม์ ก่อนจะสั่งการไปยังระบบอัตโนมัติต่าง ๆ เช่น รถลำเลียงชิ้นส่วน (AGV) ที่วิ่งนำส่งชิ้นส่วนได้อย่างแม่นยำตามแผนการผลิต
ขณะที่หุ่นยนต์กว่า 40 ตัวทำงานที่ต้องการความเที่ยงตรงสูง ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคือ หุ่นยนต์ติดแผ่นกันเสียงมูลค่ากว่า 70 ล้านบาท ซึ่งไม่ได้ถูกนำมาใช้เพื่อทดแทนคนหรือลดต้นทุน แต่เป็นการลงทุนเพื่อให้ได้คุณภาพและความแม่นยำในตำแหน่งเดียวกันเป๊ะในผลิตภัณฑ์ทุกชิ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่แรงงานคนไม่สามารถทำซ้ำได้อย่างสมบูรณ์แบบ และในด่านสุดท้าย ระบบ Vision Camera System จะทำหน้าที่เป็นดวงตาอัจฉริยะ คอยตรวจสอบผลิตภัณฑ์มากกว่า 20 กระบวนการ เพื่อให้มั่นใจว่าทุกชิ้นได้มาตรฐานระดับโลกอย่างแท้จริง

แต่ภาพที่น่าประทับใจที่สุดคือการที่เทคโนโลยีทั้งหมดนี้ไม่ได้ทำงานอย่างโดดเดี่ยว แต่ทำงานร่วมกับพนักงานผู้ชำนาญการที่คอยควบคุมดูแลภาพรวม เทคโนโลยีของที่นี่จึงไม่ได้เข้ามาเพื่อ “ทดแทน” แต่เพื่อ “เสริมศักยภาพ” ของ ‘คน’ ซึ่งเป็นหัวใจที่แท้จริงของโรงงานแห่งนี้
เบื้องหลังความสำเร็จ: กลยุทธ์ที่สร้างความเชื่อมั่นระดับโลก
เบื้องหลังเทคโนโลยีเหล่านี้ คือกลยุทธ์ที่ผ่านการคิดมาอย่างรอบด้าน ซึ่งมีรากฐานมาจากความเชื่อมั่นที่บริษัทแม่มีต่อศักยภาพของทีมงานในประเทศไทย วราพงษ์อธิบายว่า ความไว้วางใจนี้ได้ผลักดันให้โรงงานแห่งนี้ได้รับสถานะเป็น “โรงงานต้นแบบ (Mother Factory)” ของเครื่องซักผ้าฝาบน ที่ทีมวิจัยและพัฒนาของไทยกว่า 100 คน มีอำนาจและความสามารถในการริเริ่ม ทดสอบ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ได้ด้วยตนเองตั้งแต่ต้นจนจบ ก่อนจะส่งต่อองค์ความรู้ไปทั่วโลก
ความเชื่อมั่นนี้ยังถูกต่อยอดผ่านการลงทุนที่ชาญฉลาดและมองการณ์ไกล ไม่ว่าจะเป็นแผนพัฒนาที่ดินว่างให้เป็น “พื้นที่พร้อมลงทุน (Ready-to-Invest)” เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่การขยายธุรกิจในอนาคต กลยุทธ์ ต่อยอดเทคโนโลยีด้วยวิศวกรไทย เพื่อสร้างเครื่องจักรขึ้นใช้เองในประเทศ ไปจนถึงการศึกษาและใช้สิทธิประโยชน์จากการส่งเสริมการลงทุน (BOI) อย่างเต็มประสิทธิภาพ เพื่อให้ทุกเม็ดเงินลงทุนเกิดความคุ้มค่าสูงสุด
อีกหนึ่งเสาหลักของกลยุทธ์คือการบริหารจัดการซัพพลายเชนที่แข็งแกร่ง โดยตั้งเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนการใช้วัตถุดิบในประเทศ (Local Content) ให้สูงถึง 80-85% เพื่อสร้างความยืดหยุ่นในการผลิตแบบ Just-in-Time ลดต้นทุนและพื้นที่ในการจัดเก็บสต็อกสินค้า อีกทั้งยังเป็นการสร้างงานและสนับสนุนเศรษฐกิจในประเทศ ควบคู่ไปกับกลยุทธ์ Multi-sourcing ที่จัดหาวัตถุดิบจากหลากหลายประเทศ เพื่อป้องกันความเสี่ยงและสร้างความแข็งแกร่งให้กับห่วงโซ่การผลิตในทุกสถานการณ์
ด้วยรากฐานที่มั่นคงทั้งหมดนี้ จึงทำให้ LG สามารถกำหนดตำแหน่งทางการตลาดได้อย่างมั่นใจ อำนาจสิงหจันทร์ผู้จัดการอาวุโส แผนกการตลาด ยืนยันว่า LG เลือกที่จะ “ไม่เข้าร่วมในสงครามราคา” แต่จะแข่งขันด้วยคุณภาพและนวัตกรรม เพราะพวกเขามั่นใจว่าสิ่งที่ผลิตจากโรงงานแห่งนี้คือมาตรฐานระดับโลกที่ผู้บริโภคสัมผัสได้ ซึ่งพิสูจน์ได้จากส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 1 ในกลุ่มเครื่องซักผ้า
พลังขับเคลื่อนที่แท้จริง: เมื่อ ‘คน‘ คือสินทรัพย์ที่สำคัญที่สุด
แต่บางทีความลับที่แท้จริงของความสำเร็จอาจไม่ได้อยู่ในสายการผลิต หากแต่อยู่ในวัฒนธรรมองค์กรที่ให้คุณค่ากับ “คน” อย่างสูงสุด ผลลัพธ์ที่ชัดเจนคือความภักดีของพนักงาน หลายคนทำงานที่นี่มาตั้งแต่โรงงานเปิดและเติบโตไปพร้อมกันเป็นเวลากว่า 20-30 ปี รากฐานสำคัญมาจากสวัสดิการที่บริษัทจัดไว้ให้
พนักงานสามารถทานอาหารฟรีทุกมื้อได้อย่างเต็มที่จนบางคนทาน 3-4 จาน ควบคู่ไปกับรถรับส่งฟรีและการติดตั้งระบบทำความเย็นในสายการผลิต ซึ่งไม่เพียงสร้างความสะดวกสบาย แต่ยังช่วยลดภาระค่าครองชีพได้อย่างมหาศาล สร้างความมั่นคงและทำให้พนักงานรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว LG อย่างแท้จริง
วัฒนธรรมการรับฟังอย่างจริงใจผ่านกิจกรรม “Open Com” ที่พนักงานสามารถพูดคุยกับผู้บริหารระดับสูงได้โดยตรง คือสิ่งที่ยืนยันว่าทุกเสียงมีความหมาย และเป็นจุดเริ่มต้นของพัฒนาการดี ๆ เช่น การยกระดับโรงอาหารจนได้รับมาตรฐาน GMP
ยิ่งไปกว่านั้น LG ไม่เพียงดูแลพนักงาน แต่ยังลงทุนเพื่อสร้างการเติบโตอย่างเป็นระบบ พนักงานใหม่ทุกคนจะได้รับการปลูกฝังมาตรฐานคุณภาพและความปลอดภัยตั้งแต่ก้าวแรก ผ่านศูนย์ฝึกอบรมเฉพาะทาง (Safety & Skill Training Center) ฝึกฝนทักษะในสถานีจำลองจนชำนาญก่อนลงปฏิบัติงานจริง
ส่วนพนักงานปัจจุบันก็มีเส้นทางการเติบโตที่ชัดเจนผ่าน ระบบ Multi-skill 5 ระดับ ที่เปิดโอกาสให้พนักงานก้าวจากผู้ปฏิบัติงานสู่การเป็นผู้ฝึกสอนของโรงงาน พร้อมมีค่าตอบแทนพิเศษตามทักษะ (Skill Allowance) ที่จูงใจให้พนักงานรักษาคุณภาพให้ดีที่สุดอยู่เสมอ เช่น พนักงานเชื่อมที่ทำงานดีไม่มีของเสียตลอดสัปดาห์จะได้รับค่าทักษะเพิ่มขึ้นเป็นพิเศษ นี่คือ “หัวใจ” ที่ทำให้เครื่องจักรทั้งหมดมีความหมาย เป็นพลังขับเคลื่อนที่ทำให้โรงงานแห่งนี้เป็นมากกว่าแค่สถานที่ทำงาน
วิสัยทัศน์แห่งอนาคต: เติบโตอย่างยั่งยืน
วิสัยทัศน์ของ LG ระยอง ไม่ได้หยุดอยู่แค่ความสำเร็จในปัจจุบัน แต่คือการวางรากฐานเพื่อการเติบโตในอนาคตอย่างไม่หยุดยั้ง ผ่านปรัชญาการลงทุนอย่างต่อเนื่องที่สมดุลทั้งในด้านนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ ประสิทธิภาพการผลิต และที่สำคัญคือความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม
ในแต่ละปี งบประมาณการลงทุนจะถูกจัดสรรเพื่อรองรับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ ๆ อย่างสม่ำเสมอ ทั้งเครื่องซักผ้า เครื่องอบผ้า และเครื่องฟอกอากาศ ควบคู่ไปกับการเตรียมพื้นที่ “Ready-to-Invest”เพื่อรองรับการขยายตัวในทศวรรษหน้า
ในมิติของความยั่งยืน โรงงานแห่งนี้ได้แสดงบทบาทความเป็นผู้นำอย่างชัดเจน โครงการโซลาร์รูฟท็อปซึ่งเป็นต้นแบบของ LG ทั่วโลก ครอบคลุมพื้นที่กว่า 64,840 ตร.ม. และผลิตไฟฟ้าได้ถึง 7.4 เมกะวัตต์ ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 5,100 ตันต่อปี นอกจากนี้ การได้รับการรับรอง อุตสาหกรรมสีเขียวระดับที่ 3 และกำลังอยู่ในขั้นตอนเพื่อมุ่งสู่ระดับที่ 4 รวมถึงการลงทุนใน ระบบตรวจสอบน้ำเสียแบบ Real-time คือเครื่องยืนยันถึงความมุ่งมั่นที่จะดำเนินธุรกิจโดยสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม
เรื่องราวของ LG ระยองจึงไม่ใช่แค่เรื่องของโรงงานผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า แต่คือพิมพ์เขียวแห่งความสำเร็จของอุตสาหกรรมยุคใหม่ ที่ซึ่ง ‘หัวใจของคน’ และ ‘สมองของเทคโนโลยี’ ไม่เพียงทำงานร่วมกัน แต่ยังเติบโตไปพร้อมกับความรับผิดชอบต่อโลกอย่างยั่งยืน
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
‘CBAM’ คลื่นภาษีคาร์บอนลูกใหม่ธุรกิจไทยต้อง ‘ลุย’ หรือ ‘รอ’?
YouTube Shopping: ถอดรหัส The Art of Influence กลยุทธ์ปั้นยอดขายด้วย Creator




