Share on
×

Share

เปลี่ยน ‘ขยะไร้ค่า’ สู่ ‘รายได้ใหม่’ โมเดลสถานีขยะรีไซเคิลที่มาบยางพร

เปลี่ยน ‘ขยะไร้ค่า’ สู่ ‘รายได้ใหม่’ โมเดลสถานีขยะรีไซเคิลที่มาบยางพร

ท่ามกลางกลิ่นอายของเมืองอุตสาหกรรม ที่ผสมผสานกับธรรมชาติเขียวขจี ในย่านชุมชนมาบยางพร อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง สุพิฌาย์ ไชยสีดา แม่บ้านวัยกลางคนกำลังยืนคัดแยกขยะพลาสติกหน้าบ้านของเธอ ขวดน้ำดื่มที่ถูกกรีดฉลากออกอย่างเรียบร้อย ขวดแก้วที่เรียงใส่ลังกระดาษ และน้ำมันพืชใช้แล้วที่เธอเก็บสะสมไว้ในขวดใหญ่ สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงของเหลือใช้สำหรับเธออีกต่อไป แต่กลายเป็นแหล่งรายได้ที่มั่นคงกว่าเดิม

การคัดแยกขยะที่เปลี่ยนชีวิต

ชีวิตของคุณสุพิฌาย์ก็เหมือนกับแม่บ้านทั่ว ๆ ไปที่ดูแลครอบครัวและงานบ้านเป็นหลัก เธอยังเก็บขยะที่บ้านและของเพื่อนบ้านใกล้เคียงไปขายให้กับพ่อค้าซาเล้งที่บางครั้งมารับถึงหน้าบ้าน ปกติเธอเก็บขยะขายเดือนละครั้ง ขยะที่ขายส่วนใหญ่เป็นขวดพลาสติกและขวดแก้วที่ไม่มีการคัดแยก ทำให้ราคาที่ได้รับต่ำกว่าที่ควรจะเป็น อย่างขวดน้ำพลาสติกบีบแบนแล้วประมาณ 20 กิโลกรัม ขายได้แค่ 100-200 บาท

แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไป เมื่อมีสถานีซื้อขายขยะรีไซเคิลที่จัดตั้งโดย บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย เข้ามาตั้งในชุมชน หลังจากได้รู้จักโครงการผ่านการประชาสัมพันธ์ในชุมชน เธอตัดสินใจลองนำขยะมาขายที่สถานีฯ ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนใกล้ตลาด ทำให้เดินทางสะดวกสบาย

“ตอนแรกก็สงสัยว่าจะต่างจากเดิมยังไง แต่พอมาถึง เจ้าหน้าที่ที่สถานีฯ ให้คำแนะนำดีมาก น้องๆ บอกว่าถ้าเราคัดแยกขยะให้ดี กรีดฉลากออกจากขวดพลาสติก หรือเรียงขวดแก้วใส่ลังกระดาษ ขยะจะมีมูลค่าสูงขึ้นทันที” คุณสุพิฌาย์เล่า

รายได้จากการขายขยะของเธอเพิ่มขึ้นจากเดิมเดือนละ 100-200 บาท เป็น 300-400 บาท ด้วยปริมาณขยะเท่าเดิม

“ขวดพลาสติก 20 กิโลกรัม เมื่อก่อนขายได้แค่ 70 บาท แต่ตอนนี้ถ้ากรีดฉลากออก 10 กิโลกรัมก็ขายได้ 130 บาท แม้บางครั้งราคารับซื้อจะผันผวนเพราะปริมาณขวดในตลาดเยอะ แต่ก็ยังดีกว่าเดิมมาก”

นอกจากขวดพลาสติกและแก้ว สิ่งที่เธอไม่เคยคิดว่าจะขายได้ คือน้ำมันพืชใช้แล้ว

“เราเก็บน้ำมันเก่าไว้ที่บ้านเพราะไม่กล้าเททิ้งลงท่อ กลัวสร้างมลภาวะ ตอนแรกหาคนรับซื้อไม่ได้ แต่พอมาที่สถานีฯ เขารับซื้อกิโลกรัมละ 20 บาท และยังช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อมด้วย”

การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ใช่แค่เรื่องรายได้ส่วนตัว แต่คุณสุพิฌาย์ยังมองเห็นถึงประโยชน์ต่อชุมชนทั้งหมด

“โครงการนี้ช่วยลดปริมาณขยะที่ถูกทิ้งลงถังทั่วไป ช่วยลดภาระอบต. (องค์การบริหารส่วนตำบล) ทำให้ชุมชนสะอาดขึ้นด้วย” คุณสุพิฌาย์กล่าว

เธอกลายเป็นตัวอย่างให้เพื่อนบ้านหลายคนหันมาคัดแยกขยะมากขึ้น และปัจจุบันเธอยังเป็นอาสาสมัครช่วยงานที่สถานีฯ เรียนรู้และถ่ายทอดความรู้ให้คนอื่น ๆ ที่นำขยะมาขายด้วย

เจาะลึกวิสัยทัศน์ จากขวดใช้แล้ว สู่ขวดใหม่

(ที่ 2 จากซ้าย) - วิภาวรรณ ทัศนปรีชาชัย รองประธานบริหารฝ่ายบรรษัทสัมพันธ์ บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด
(ที่ 2 จากซ้าย) – วิภาวรรณ ทัศนปรีชาชัย รองประธานบริหารฝ่ายบรรษัทสัมพันธ์ บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด

เบื้องหลังการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของชาวบ้านและรายได้ที่เพิ่มขึ้น คือ โครงการริเริ่มที่ชื่อว่า “ข.ขวด หมุนเวียน เป็นขวดใหม่” และสถานีซื้อขายขยะรีไซเคิล ของบริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย

วิภาวรรณ ทัศนปรีชาชัย รองประธานบริหารฝ่ายบรรษัทสัมพันธ์ บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด เล่าให้ฟังถึงจุดเริ่มต้นและวิสัยทัศน์ของโครงการ “ข.ขวด หมุนเวียน เป็นขวดใหม่” ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2566 ที่จังหวัดระยอง

“เราตั้งใจเลือกระยองเพราะที่นี่ครบวงจรห่วงโซ่บรรจุภัณฑ์  โรงงานผลิตที่ใหญ่ที่สุดของเราอยู่ที่นี่  มีผู้จัดจำหน่าย ผู้บริโภค ร้านรับซื้อขนาดใหญ่ และโรงงานรีไซเคิล ที่สามารถนำขวด PET กลับมารีไซเคิลเป็นขวดใหม่ได้แบบฟู้ดเกรด หรือบรรจุภัณฑ์ที่ผลิตมาจากวัสดุที่ปลอดภัย ไร้สิ่งเจือปน และปลอดสารเคมีตกค้าง” คุณวิภาวรรณอธิบาย

โครงการนี้มุ่งเน้นการหมุนเวียนขวดพลาสติกจากขวดเก่าเป็นขวดใหม่ โดยเริ่มจากกิจกรรม CSR แบบครั้งเดียว แต่พัฒนามาเป็นโมเดลยั่งยืน

“เราไม่ต้องการทำครั้งเดียวแล้วจบ แต่ต้องการสร้างความยั่งยืน เราจึงต่อยอดโครงการฯ มาสู่สถานีซื้อขายขยะรีไซเคิล เพื่อครอบคลุมขยะประเภทอื่น ๆ ด้วย”

พื้นที่และการสนับสนุนของ อบต.มาบยางพร

ชุมชนมาบยางพร ถูกเลือกเป็นจุดนำร่องเพราะนโยบายของอบต. ที่สอดคล้องกันในเรื่องการจัดการขยะ โดย อบต. มาบยางพร มอบพื้นที่ขนาด 5×10 ตารางเมตรในย่านชุมชนสำหรับติดตั้งสถานีซื้อขายขยะ

อภิชาติ เงินท้วม นายกอบต.มาบยางพร เล่าว่า ขยะชุมชนหรือขยะครัวเรือนเป็นปัญหาอันดับหนึ่งของตำบลที่มีพื้นที่กว่า 50,000 ไร่  มีขยะรวม 9 ตันต่อวัน ปกติจะส่งไปให้องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ระยอง เพื่อคัดแยกและฝังกลบ แต่หลังจากที่มีสถานีฯ ดังกล่าว ปริมาณขยะตอนนี้ลดเหลือ 7 ตัน เพราะสถานีฯ รับไปรีไซเคิลราว 2 ตัน

“ต้องขอบคุณซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ที่ช่วยแบ่งเบาภาระ และยังทำให้ชาวบ้านมีรายได้เพิ่ม สะดวกสบาย ไม่ต้องทิ้งขยะไร้ค่า ช่วยทำให้ขยะกลายเป็นมูลค่า และลดภาระอบต.ในการเก็บขยะในพื้นที่” นายกฯอภิชาติกล่าว

นอกจากความร่วมมือกับอบต. แล้ว ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ยังได้รับการสนับสนุนจาก 2 พันธมิตรสำคัญ ได้แก่ GC YOUเทิร์น และ The Geen ซึ่งต่างมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านและมีเป้าหมายร่วมกันในการขับเคลื่อนสังคมไทยสู่ความยั่งยืน

โดย GC YOUเทิร์น แพลตฟอร์มบริหารจัดการพลาสติกใช้แล้วแบบครบวงจร จะเข้ามาสนับสนุนการเข้ารับวัสดุรีไซเคิลที่สถานีซื้อขายขยะ และจะจัดส่งต่อวัสดุรีไซเคิลให้เข้าสู่กระบวนการจัดการอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ

ขณะที่ The Geen มีบทบาทสำคัญในการช่วยวางรากฐานและร่วมออกแบบโครงการฯ ตั้งแต่การลงพื้นที่เก็บข้อมูลเชิงลึกเพื่อเข้าใจบริบทของชุมชน การทดลองดำเนินกิจกรรมซื้อขายขยะ การพัฒนาศักยภาพตัวแทนชุมชน ไปจนถึงการจัดเวิร์กช็อปให้กับนักเรียน โดยใช้ทั้งความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ และความตั้งใจจริงในการบริหารจัดการขยะอย่างเป็นระบบ

เป้าหมายไม่ใช่แค่ซื้อขยะ แต่เปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อความยั่งยืน

สถานีซื้อขายขยะรีไซเคิล เริ่มเปิดดำเนินการตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2568 ด้วยงบลงทุนก่อสร้างกว่า 500,000 บาท จาก ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย ซึ่งมอบงบตั้งต้นสำหรับหมุนเวียนรับซื้อขยะ 30,000 บาท  ขยะที่รับซื้อมี 5 ประเภทหลัก คือ ขวดพลาสติก PET ขวดแก้ว กระป๋องอะลูมิเนียม กล่องกระดาษ และน้ำมันพืชใช้แล้ว ปัจจุบันกำหนดวันรับซื้อเดือนละ 2 ครั้ง ทุกอาทิตย์ที่ 2 และ 4 ของเดือน พร้อมทั้งแจกถุงสีน้ำเงินสำหรับคัดแยกขยะให้กับผู้ที่นำขยะมาขาย ซึ่งแม้จะมีต้นทุนสูง หรือถุงละ 160 บาท แต่เป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนการแยกขยะที่มีประสิทธิภาพในชุมชน

สำหรับราคารับซื้อของสถานีฯ จะสูงกว่ารถซาเล้งที่มารับถึงบ้าน แต่ต่ำกว่าร้านใหญ่ เพราะสถานีทำหน้าที่เป็นหน่วยย่อย

“เราไม่ต้องการแย่งอาชีพซาเล้ง แต่ต้องการสร้างทางเลือกใหม่ ให้ชาวบ้านบริหารสถานีเอง รายได้หมุนเวียนกลับสู่ชุมชน” คุณวิภาวรรณกล่าว

โครงการนี้ยังช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อมและช่วยเรื่องสุขภาพ เช่น น้ำมันใช้แล้วที่เคยถูกเททิ้งลงท่อ ตอนนี้สถานีฯ รับซื้อและส่งต่อให้ GC YOUเทิร์น เพื่อนำไปผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน

คุณวิภาวรรณย้ำว่า เป้าหมายปีแรกไม่ใช่ตัวเลขปริมาณขยะ แต่เป็นการเปลี่ยนพฤติกรรม

ราคารับซื้อที่สถานีซื้อขายขยะรีไซเคิล
ราคารับซื้อที่สถานีซื้อขายขยะรีไซเคิล

“เราสนับสนุนให้คนคัดแยกขยะให้สะอาดและนำมาขาย เราสอนคนที่มาครั้งแรกว่าถ้าคราวหน้ามาพร้อมกับขยะที่คัดแยกแล้ว จะขายได้เงินมากกว่า เช่น ขวด PET แกะฉลากขายจะได้ราคาสูงกว่าขายทั้งขวด” คุณวิภาวรรณกล่าว

จากการดำเนินงาน 5 เดือน พบว่าชุมชนเริ่มเข้าใจและปรับพฤติกรรมอย่างเป็นรูปธรรม ร้านค้าในตลาด โดยเฉพาะร้านอาหารเริ่มนำขยะมาขาย ขยะที่ส่งเข้ามามีความสะอาดขึ้น ปริมาณเพิ่มขึ้น และเริ่มเห็นผู้คนนำขยะกลับมาขายซ้ำอย่างต่อเนื่อง

ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย ย้ำถึงบทบาทของบริษัทฯ ที่ไม่ใช่เพียงการเป็นผู้ลงทุน แต่คือการทำหน้าที่พี่เลี้ยงให้กับชุมชน เพื่อให้พวกเขาสามารถบริหารจัดการสถานีได้เองในอนาคต

“เราตั้งใจที่จะพัฒนาสถานีซื้อขายขยะรีไซเคิลแห่งนี้ สู่การเป็นวิสาหกิจชุมชน ซึ่งจะทำให้สามารถขายขยะโดยตรงให้กับโรงงานรีไซเคิลขนาดใหญ่ได้ในราคาที่ดีกว่า พร้อมทั้งสามารถยกระดับรายได้ของคนในพื้นที่ไปพร้อมกัน โดยคาดว่าต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 ปีเพื่อสร้างศักยภาพของอาสาสมัครและระบบชุมชนให้เข้มแข็งพอ” คุณวิภาวรรณกล่าวทิ้งท้าย

ในอนาคต ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ยังวางแผนขยายโมเดลไปยังสระบุรีหรืออบต.อื่นในระยอง โดยเน้นความร่วมมือจากชุมชนและท้องถิ่น ซึ่งเป็นหัวใจของความสำเร็จ

โครงการนี้ไม่เพียงเปลี่ยนขยะให้เป็นโอกาส แต่ยังสร้างชุมชนที่ยั่งยืน สะอาด และมีรายได้เพิ่มขึ้น อย่างที่คุณสุพิฌาย์และชาวมาบยางพรกำลังพิสูจน์ให้เห็น 

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

KBank ทุ่ม 5 แสนล้าน ปั้นพอร์ตสินเชื่อสีเขียว

Climate Tech ไทย: โอกาสและความท้าทาย บนเส้นทางสู่ความยั่งยืน

×

Share

ผู้เขียน