ในยุคที่ภูมิทัศน์สื่อและการเสพข้อมูลของผู้คนเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง การทำการตลาดเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว ไม่สามารถพึ่งพาวิธีการแบบเดิมได้อีกต่อไป นี่คือโจทย์ใหญ่ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กำลังเผชิญ และคำตอบที่น่าสนใจคือการพลิกกลยุทธ์ครั้งสำคัญ ด้วยการจับมือกับเหล่า “คอนเทนต์ครีเอเตอร์และอินฟลูเอนเซอร์” เพื่อสร้างสรรค์เรื่องเล่าและเส้นทางการท่องเที่ยวบทใหม่ ที่จะทำให้ประเทศไทยกลายเป็นจุดหมายปลายทางที่อยู่ในใจ (Top of Mind) ของนักเดินทางทั่วโลกอย่างยั่งยืน
เมื่อททท. ไม่อาจสู้เพียงลำพัง: ทำไมต้องพึ่งพลังของ “อินฟลูเอนเซอร์”?
นิธี สีแพร รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวในปัจจุบันไม่ได้เชื่อถือหรือค้นหาข้อมูลจากหน่วยงานภาครัฐเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป
“เมื่อก่อน ททท. อาจจะเป็นอินฟลูเอนเซอร์ด้วยตัวของเราเอง แต่เมื่อโลกเปลี่ยนไป นักท่องเที่ยวมีอินเทอร์เน็ต มีรีวิวจากเพื่อนนักเดินทาง และมีอินฟลูเอนเซอร์เป็นแหล่งข้อมูลสำคัญในการตัดสินใจอเราเห็นแล้วว่าลำพัง ททท. คงเอาไม่อยู่” คุณนิธี กล่าว
แนวคิดนี้คือจุดเปลี่ยนที่ทำให้ ททท. หันมาให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกับอินฟลูเอนเซอร์อย่างจริงจัง โดยไม่ได้มองแค่จำนวนผู้ติดตามหลักล้าน แต่มองลึกลงไปถึงคุณภาพของคอนเทนต์, Engagement และความสามารถในการสร้างเรื่องราวที่น่าสนใจ เพื่อให้การสื่อสารเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุดและมีประสิทธิภาพสูงสุด
แคมเปญ “Be My Guest” คือตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมของการนำกลยุทธ์นี้มาใช้ โดยการจับคู่ครีเอเตอร์ระดับโลก 10 คน กับครีเอเตอร์ชาวไทย 10 คน เพื่อร่วมกันเดินทางและสร้างสรรค์คอนเทนต์ในเส้นทางท่องเที่ยวต่าง ๆ ทั่วประเทศ ซึ่งไม่เพียงแค่เป็นการโชว์ความสวยงามของสถานที่ แต่ยังเป็นการเจาะลึกถึงวิถีชีวิตและภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำและแตกต่าง
เสน่ห์ไทยในมุมมองครีเอเตอร์: “เที่ยวทั้งชีวิตก็ไม่หมด”
ในฐานะนักเล่าเรื่องผ่านการเดินทาง อคิร วงษ์เซ็ง (ว่านไฉ) เจ้าของช่อง “อาสาพาไปหลง” และหนึ่งในผู้ชนะรางวัล Best Travel Influencer Award จากเวที Thailand Influencer Awards 2025 ได้ให้มุมมองที่น่าสนใจว่าเสน่ห์ของประเทศไทยนั้นไม่มีที่สิ้นสุด และรอคอยการถูกค้นพบอยู่เสมอ
“ขนาดผมทำคอนเทนต์ท่องเที่ยวมา 9 ปี ยังกล้าพูดเลยว่าเที่ยวไทยยังไงก็เที่ยวไม่หมด เสน่ห์ของไทยมีอยู่ทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นเมืองหลักหรือเมืองรอง ในอำเภอเล็ก ๆ ที่คนไม่รู้จัก ชาวบ้านต่างก็พยายามดิ้นรนสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว” คุณว่านไฉ กล่าว
คุณว่านไฉชี้ว่า พลังของครีเอเตอร์คือการนำเสนอ “กิจกรรมใหม่ ๆ” และเรื่องราวที่ลึกซึ้งกว่าเดิม เพื่อกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวอยากกลับมาซ้ำ จากเดิมที่อาจจะนึกถึงแค่การใส่ชุดไทย หรือไปวัดตามรอยละคร ตอนนี้อาจจะเป็นการไปเรียนรู้วิถีชีวิตท้องถิ่น หรือทำกิจกรรมที่แปลกใหม่ ซึ่งอินฟลูเอนเซอร์มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการจุดประกายไอเดียเหล่านี้ให้เกิดขึ้น
หัวใจของคอนเทนต์ท่องเที่ยวที่ยั่งยืน: “ไม่ใช่แค่สถานที่แต่คือผู้คน”
สำหรับครีเอเตอร์หน้าใหม่ที่อยากก้าวเข้ามาในสายท่องเที่ยว คุณว่านไฉได้มอบกุญแจสำคัญที่ทำให้คอนเทนต์มีชีวิตและแตกต่าง นั่นคือการมองให้ไกลกว่าวิวทิวทัศน์
“การท่องเที่ยวไม่ใช่สถานทีอย่างเดียว บางครั้งการเดินทางอาจจะทำให้เราได้เจอรอยยิ้มสักรอยยิ้ม หรือได้พูดคุยกับใครสักคนแล้วเกิดเป็นความทรงจำดี ๆ กลับมา เราต้องลองเอาหัวใจไปจับกับความเป็นอยู่ของผู้คน เขากินอะไร ใช้ชีวิตอย่างไร เรื่องราวเหล่านี้สามารถเล่าได้อย่างมีเสน่ห์และไม่มีวันสิ้นสุด”
นี่คือสิ่งที่สอดคล้องกับกลยุทธ์ของททท. ที่ต้องการชูจุดแข็งอย่าง “Human Touch” และความเป็นเจ้าบ้านที่ดีของคนไทย ซึ่งเป็นเสน่ห์ที่มัดใจคนทั่วโลกมาโดยตลอด
อนาคตของการทำงานร่วมกันระหว่าง ททท. และเหล่าครีเอเตอร์จึงไม่ใช่แค่การจ้างงาน แต่เป็นการสร้างเครือข่ายและพันธมิตรที่แข็งแกร่ง ททท. ตั้งเป้าที่จะเป็นตัวกลางในการเชื่อมโยงอินฟลูเอนเซอร์ทั้งในส่วนกลางและท้องถิ่นเข้ากับผู้ประกอบการ เพื่อร่วมกันสร้างสรรค์คอนเทนต์ใหม่ๆ ที่จะพาประเทศไทยไปสู่การเป็นจุดหมายปลายทางที่ทุกคนต้องจดจำแบบไม่รู้ลืม (Unforgettable Experience) อย่างแท้จริง
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
เจาะเมกะเทรนด์ Climate Tech พลิกอนาคตธุรกิจไทย
Art for Earth: พลังศิลปะและความหวังเพื่อโลกใบนี้
เรื่องเล่าของคน ‘ไม่ฉลาด’ ที่ ‘ขาดทุน’ คือกำไร




