ทุกข์ยากของเกษตรกรที่ดำรงอยู่มาเนิ่นนานจากรุ่นสู่รุ่น หลาย ๆ รุ่น กำลังจะผ่านพ้น สภาพหลังสู้ฟ้าหน้าสู่ดินจะเปลี่ยนสู่การนำเทคโนโลยีเข้าช่วยอำนวยความสะดวก
จากข้อมูลภาคการเกษตรมีแรงงานถึง 30% ของประเทศ สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ 1.8 ล้านล้านบาท แต่เกษตรกรส่วนใหญ่ยังคงใช้วิธีการแบบดั้งเดิม และขาดการเข้าถึงเทคโนโลยี ขณะที่ เทรนด์ AgriTech มาถึง โดยการนำเทคโนโลยีมาใช้ในภาคการเกษตรเป็นสิ่งจำเป็นในการพัฒนา ซึ่งสอดคล้องกับโมเดลเศรษฐกิจแบบ BCG (Bio-Circular-Green Economy)
AXONS บริษัทผู้พัฒนาระบบสารสนเทศ เกษตรเทคโนโลยี (AgriTech) ระดับสากล ภายใต้ CPF ได้พัฒนาแอปพลิเคชัน Farm One ขึ้น โดยผสานเทคโนโลยีเข้ากับวิถีชีวิตเกษตรกร ด้วยเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่าการสร้างแอป เพราะต้องการยกระดับภาคการเกษตรทั้งหมดให้เป็น Ecosystem ที่แข็งแกร่ง
แก้ปัญหาตรงจุดเกษตรกร
บดินทร์ มิลินทางกูร ผู้อำนวยการด้านส่งมอบระบบไอทีเพื่อธุรกิจ FIT และ CPCRT แบรนด์ AXONS เล่าถึงจุดเริ่มต้นและแนวคิดหลักของ Farm One ว่า ไม่ได้เกิดจากการนั่งคิดในห้องประชุม แต่มาจากการที่ทีมงานลงพื้นที่ไปพูดคุยกับเกษตรกรโดยตรง เพื่อทำความเข้าใจ Pain Point หรือปัญหาที่แท้จริง
“Axons ไม่ได้มองว่าต้องการสร้างอะไรให้เกษตรกร แต่มองว่าเกษตรกรอยากใช้อะไร โครงการนี้จึงเป็นเสมือน Passion Project ที่มุ่งมั่นจะสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นจริง”
โครงการนี้เริ่มดำเนินการเก็บข้อมูลตั้งแต่ก่อนโควิด และมาเปิดตัวแอปช่วงปลายปี 2024 เป็นแอปพลิเคชันที่ผ่านกระบวนการพัฒนาอย่างเข้มข้น หัวใจสำคัญคือการทำงานร่วมกับ AWS (Amazon Web Services) ในโครงการ AWS Builder Studio ซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับสร้างสรรค์นวัตกรรมร่วมกัน โดยใช้เวลาประมาณ 3-6 สัปดาห์ในการพัฒนาและทดลองแนวคิดจนออกมาเป็นแอปพลิเคชันต้นแบบ (Prototype) ที่พร้อมใช้งาน
คุณบดินทร์ บอกว่า Farm One ได้รับการออกแบบมาเพื่อเป็นเพื่อน และคู่คิดของเกษตรกร ช่วยการวางแผน ตัดสินใจ และแก้ปัญหาต่าง ๆ โดยใช้ข้อมูลที่เชื่อถือได้ แอปได้รับรางวัล Design Excellence Awards 2024 จากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์
ใช้งานฟรี-ง่าย-ไม่จำกัดอายุ
แอปนี้ออกแบบมาให้ใช้งานง่าย รองรับแอนดรอยด์ และไอโอเอส ตั้งแต่รุ่น 3-5 ปีก่อนหน้านี้ที่เริ่มพัฒนา เป็นแอปที่ต้องการให้เกษตรกรทุกคนเข้าถึงง่าย รวบรวมเทคโนโลยี AI MML IoTs และ NDVI ไว้ด้วยกัน ที่สำคัญเปิดให้ใช้งานฟรี ขณะนี้ มีผู้ดาวน์โหลดไปใช้งานแบบสมัครสมาชิกแล้วประมาณ 2,000 ราย และมีอีกจำนวนหนึ่งที่เปิดทดลองแบบไม่ลงทะเบียน
ทีมพัฒนาเล่าว่า จากข้อมูลที่ได้พบ ผู้ใช้แอปอายุระหว่าง 33-45 ปีเป็นหลักกว่า 50% นอกนั้นกระจายอยู่ในกลุ่มคนรุ่นใหม่และที่สูงวัยกว่านี้ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะพืชที่ดำเนินการยังเป็นพืชที่คนรุ่นเก่าเพาะปลูก คือ ข้าวโพด ข้าว และทุเรียน แต่ต่อไปมีแผนจะขยายขอบเขตไปยังพืชเศรษฐกิจอื่น ๆ ให้ครอบคลุม
ประโยชน์ต่อเกษตรกร-ธุรกิจ-ประเทศ
คุณบดินทร์ บอกว่า แอปนี้มีประโยชน์ทั้งต่อตัวเกษตรกรที่ได้รับโดยตรงจากการมีผลผลิตที่สูงขึ้น ลดต้นทุนจากการใช้ปัจจัยการผลิต เช่น ยา ปุ๋ย น้ำได้อย่างแม่นยำ มีประสิทธิภาพ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นจากการทำงานที่วางแผนได้และลดความเสี่ยงลง
ส่วนของธุรกิจ แม้แอปจะเปิดให้เกษตรกรใช้ฟรี แต่บริษัทสามารถนำข้อมูลภาพรวมที่ไม่ระบุตัวตนไปใช้วิเคราะห์และคาดการณ์เพื่อสนับสนุนธุรกิจอื่นๆ ใน Ecosystem การเกษตรได้ นอกจากนี้ยังมีแผนจะเปิด API ให้นักพัฒนาและสตาร์ตอัปอื่นๆ เข้ามาต่อยอดธุรกิจได้ในอนาคต เพื่อสร้างบริการใหม่ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อภาคการเกษตรต่อไป
“ยืนยันว่าแอปนี้ยังไม่มีแผนที่จะสร้างรายได้โดยตรง แต่เป็น Passion Project ที่ต้องการขับเคลื่อนภาคการเกษตร โดยใช้งบประมาณจากส่วนธุรกิจอื่นของบริษัท Axons มาสนับสนุน”
อีกทั้งยังมีประโยชน์ต่อประเทศจากการที่ภาคการเกษตรเป็นรากฐานสำคัญของเศรษฐกิจไทย การยกระดับประสิทธิภาพของภาคส่วนนี้ด้วยเทคโนโลยี จึงหมายถึงการสร้างความแข็งแกร่งให้แก่เศรษฐกิจโดยรวม และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก
ส่วนประเด็นความเป็นส่วนตัวของข้อมูล (Data Privacy) บดินทร์ บอกว่า ให้ความสำคัญต่อเรื่องนี้ โดยข้อมูลของเกษตรกรแต่ละรายจะถูกเก็บเป็นความลับและมีการเข้ารหัสอย่างดี เกษตรกรจะเห็นได้เฉพาะข้อมูลของตัวเอง จะไม่มีการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้ผู้อื่นเห็น
ขับเคลื่อนความยั่งยืน
คุณบดินทร์ บอกด้วยว่า แอปพลิเคชัน Farm One ยังมีส่วนช่วยในการทำเกษตรกรรมที่ยั่งยืน (Sustainability) โดยตรง จากการสนับสนุนให้เกษตรกรใช้ทรัพยากรอย่างชาญฉลาด เช่น การให้ข้อมูลความชื้นในดินเพื่อลดการใช้น้ำที่ไม่จำเป็น หรือการพยากรณ์อากาศที่แม่นยำเพื่อหลีกเลี่ยงการใส่ปุ๋ยก่อนฝนตกหนัก ซึ่งจะช่วยลดการสูญเสียและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
พยากรณ์อากาศ-ตรวจโรค-ประเมินแปลง
คุณสมบัติของแอปใช้เพื่อการวางแผนและติดตามการเพาะปลูก โดยมีฟีเจอร์เช่น การพยากรณ์อากาศ โดยโมเดลความละเอียดสูง 4×4 ตารางเมตร แม่นยำระดับแปลง การตรวจโรคและแมลง ด้วยเทคโนโลยี AI Vision Model นำกล้องมือถือส่องถ่ายที่พืชเพื่อหาชื่อโรค วิธีป้องกัน และรักษา ให้คำแนะนำการดูแลแปลง เพื่อเพิ่มคุณภาพผลผลิต และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงการประเมินสุขภาพแปลง เชื่อมโยงข้อมูลชนิดและอายุพืชกับข้อมูลจากภาพถ่ายดาวเทียม NDVI
การพัฒนาแอปยังไม่หยุดเพียงเท่านี้ แต่จะพัฒนาให้แอปใช้งานง่ายยิ่งขึ้นสำหรับเกษตรกรที่อาจยังไม่คุ้นเคยกับเทคโนโลยีอีกด้วย
เพิ่มผลผลิต 30%

กฤษฎา บุญถัง หรือเม่น ชายหนุ่มวัย 32 ปีที่จบปริญญาสาขาการปกครอง แต่เบนเข็มมาสืบทอดอาชีพชาวไร่ต่อจากรุ่นคุณพ่อคุณแม่ ด้วยความผูกพันในฐานะผู้คลุกคลีกับไร่ข้าวโพดของครอบครัวมาตั้งแต่เกิด และด้วยความชื่นชอบเทคโนโลยี เมื่อเห็นอะไรใหม่ ๆ เลยต้องทดลองใช้งาน เขาจึงเป็น 1 ใน 2,000 สมาชิกที่ดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น Farm One ของ AXONS มาใช้งานได้ประมาณ 1 ปีที่ผ่านมา
เกษตรกรหนุ่ม พร้อมด้วยคุณลุงคุณพ่อคุณแม่ มาช่วยกันให้ข้อมูลว่า ในอดีตการปลูกข้าวโพด พอพบปัญหาโรคพืช บางครั้งต้องถึงกับถอนต้นข้าวโพดไปปรึกษาร้านขายยา เพื่อซื้อยามาฆ่าเชื้อโรค ซึ่งได้ผลบ้างไม่ได้ผลบ้าง แต่เมื่อนำแอปมาใช้ทำให้รู้โรคพืช จะได้ความแม่นยำ นำไปซื้อยามากำจัดโรคได้ทันท่วงที และตรงโรค ภายใน 7 วัน จากเดิมอาจใช้เวลาถึง 1 เดือน เพราะแก้ปัญหาไม่ถูกโรค จึงอาจไม่ทันเวลา
“หลังจากใช้แอป Farm One ช่วยให้ผลผลิตข้าวโพดเพิ่มขึ้นราว 30% จากเดิมที่เคยเก็บเกี่ยวได้ไร่ละ 1 ตัน เพิ่มขึ้นเป็น 1.3 – 1.4 ตันต่อไร่ และคาดหวังจะเพิ่มเป็น 1.5 ตันในเร็ว ๆ นี้”
นอกจากนี้ ประมาณ 6 เดือนที่ผ่านมา เขาได้นำโดรนเข้ามาใช้ในงานพ่นยา พ่นปุ๋ยด้วย และใช้การพยากรณ์อากาศจากแอปตรวจสภาพอากาศเพื่อกำหนดการนำโดรนขึ้นบิน
สมชาย แก้วสุขประสิทธิ์ คุณลุงของเขา รวมถึงคุณพ่อคุณแม่ ช่วยกันยืนยันว่า การนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้งานของลูกหลานได้ผลดีกว่าประสบการณ์ที่สั่งสมต่อเนื่องจากรุ่นปู่ย่าตายายมาก และทุกคนต้องการให้แอปเพิ่มขีดความสามารถดูแลพืชชนิดอื่นที่ทางครอบครัวเพาะปลูกอยู่ด้วย คือ อ้อย และมันสำปะหลัง
AWS แรงหนุนสำคัญ
ทิพมาศ อจลากุล หัวหน้าฝ่ายธุรกิจอุตสาหกรรมเชิงพาณิชย์ อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส ประเทศไทย เล่าว่า AWS เป็นพันธมิตรสำคัญที่ช่วยผลักดันโครงการนี้ในหลายมิติ นอกเหนือจากพื้นที่สร้างสรรค์นวัตกรรมผ่าน AWS Builder Studio ยังให้บริการคลาวด์ที่สามารถขยายตัว (Scale) เพื่อรองรับเกษตรกรผู้ใช้งานจำนวนมหาศาลในอนาคต ตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักล้านคน และอาจขยายไปยังต่างประเทศได้
ขณะเดียวกัน ยังเป็นการลดช่องว่างทางดิจิทัล จากที่ AWS มีโครงการฝึกอบรมทักษะต่างๆ เช่น Skill Builder, Restart และ Tech Alliance เพื่อช่วยพัฒนาความรู้ความสามารถด้านเทคโนโลยีให้แก่บุคลากรและเกษตรกรไทย
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
กลยุทธ์ PANPURI: พลิกวิกฤติสู่แบรนด์ 1,600 ล้านด้วย ‘สามเหลี่ยมแห่งความสัตย์จริง’




