Share on
×

Share

เงินเฟ้อคือการปล้น Bitcoin คือทางรอด?

เงินเฟ้อคือการปล้น Bitcoin คือทางรอด?

ลองจินตนาการถึงโลกในอนาคตอีก 20 ปีข้างหน้า วันที่คุณได้รับเงินเดือน 500,000 บาท แต่กลับต้องใช้เงิน 800 บาทเพื่อซื้อไข่ต้มเพียงฟองเดียว ตัวเลขเงินเดือนที่ดูสูงลิ่วกลับไร้ความหมายเมื่อเทียบกับราคาสินค้าที่ถีบตัวสูงขึ้นอย่างน่าใจหาย นี่ไม่ใช่เพียงเรื่องเล่าไซไฟ แต่เป็นภาพสะท้อนที่ชัดเจนถึงปรากฏการณ์ที่เราคุ้นเคยกันดีในชื่อ “เงินเฟ้อ”

ในเวที Money Freedom Forum 2025 พิริยะ สัมพันธารักษ์ Managing Director แห่ง CDC ChalokeDotCom และ Co-founder ของ Right Shift ได้นำเสนออีกมุมมองหนึ่งที่ลึกซึ้งกว่านั้น โดยชี้ให้เห็นว่าปัญหาที่แท้จริงไม่ใช่แค่ “ภาวะเงินเฟ้อ” ที่เราเห็นเป็นตัวเลข แต่คือโครงสร้างของ “เงินที่เฟ้อได้” หรือเงินตราที่รัฐบาลสามารถสร้างเพิ่มขึ้นมาได้ตลอดเวลา ซึ่งเขามองว่านี่คือต้นตอของปัญหาสังคมและเศรษฐกิจมากมาย เปรียบเสมือน “อาชญากรรม” ที่ค่อยๆ ปล้นมูลค่าจากเงินออมและความมั่งคั่งของประชาชนไปอย่างเงียบเชียบ

จุดเริ่มต้นของปัญหา: เมื่อเงินไม่ได้ผูกติดกับทองคำอีกต่อไป

คุณพิริยะได้ย้อนกลับไปถึงจุดเปลี่ยนสำคัญในประวัติศาสตร์การเงินโลก นั่นคือวันที่ 15 สิงหาคม 1971 เมื่อระบบการเงินโลกได้ยกเลิกมาตรฐานทองคำ หรือการผูกค่าเงินดอลลาร์ไว้กับทองคำ ก่อนหน้านั้นการที่รัฐบาลจะพิมพ์เงินเพิ่มได้จำเป็นต้องมีทองคำมาค้ำประกัน ทำให้ปริมาณเงินในระบบมีจำกัดและเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป

แต่หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา เงินตรา (Fiat Currency) ที่เราใช้กันอยู่ทั่วโลก ไม่ได้ถูกค้ำประกันด้วยสินทรัพย์ที่จับต้องได้อีกต่อไป แต่กลับถูกค้ำประกันด้วย “หนี้สิน” ของรัฐบาลแทน ซึ่งหมายความว่ารัฐบาลสามารถ “เสก” เงินขึ้นมาจากอากาศได้แทบจะไร้ขีดจำกัด ผ่านการก่อหนี้และนโยบายการเงินต่าง ๆ กระบวนการนี้ทำให้ปริมาณเงินในระบบเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล และเมื่อมีเงินหมุนเวียนในระบบมากขึ้น แต่สินค้าและบริการมีเท่าเดิม มูลค่าของเงินแต่ละหน่วยจึงลดลงโดยธรรมชาติ นี่คือแก่นแท้ของเงินเฟ้อที่กัดกร่อนเงินในกระเป๋าของเราอยู่ทุกวัน

ผลกระทบที่ซ่อนอยู่: ทำไมเราถึงรู้สึกว่าจนลง ทั้งที่เงินเดือนเพิ่มขึ้น?

หลายคนอาจสงสัยว่า แม้เงินเดือนจะปรับสูงขึ้นตามกาลเวลา แต่ทำไมเรากลับรู้สึกว่าชีวิตความเป็นอยู่ไม่ได้ดีขึ้น หรือกระทั่งลำบากกว่าเดิม คุณพิริยะอธิบายปรากฏการณ์นี้ว่า เป็นเพราะอัตราการเพิ่มขึ้นของปริมาณเงินนั้นสูงกว่าการเพิ่มขึ้นของรายได้เรามากนัก เมื่อนำรายได้ที่แท้จริงมาหักล้างกับอัตราเงินเฟ้อที่เกิดจากการพิมพ์เงินเพิ่ม เราจะพบว่าอำนาจซื้อของเราไม่ได้เพิ่มขึ้นเลย หรือในบางกรณีอาจลดลงด้วยซ้ำ

นี่คือสาเหตุที่ทำให้คนรุ่นก่อนสามารถสร้างเนื้อสร้างตัวและเลี้ยงดูครอบครัวได้ด้วยเงินเดือนเพียงไม่กี่พันบาท แต่คนรุ่นปัจจุบันกลับต้องดิ้นรนอย่างหนักแม้จะมีรายได้หลายหมื่นบาทก็ตาม ปรากฏการณ์นี้ยังส่งผลกระทบเป็นวงกว้างในเชิงสังคม ตั้งแต่การที่คนรุ่นใหม่มีชีวิตที่ยากลำบากกว่าคนรุ่นพ่อแม่ ไปจนถึงการที่นโยบายของรัฐกลับส่งเสริมการใช้จ่ายมากกว่าการออม ทำให้ผู้ที่มีวินัยทางการเงินและพยายามเก็บออม ถูกลงโทษด้วยมูลค่าเงินที่ลดลงทุกวัน

Bitcoin: คำตอบในฐานะ “เทคโนโลยีแห่งการออม”

ท่ามกลางระบบการเงินที่ดูเหมือนจะมีแต่ทางตัน คุณพิริยะได้เสนอให้มอง Bitcoin ในฐานะทางเลือกและคำตอบที่ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหานี้โดยเฉพาะ โดยเขาไม่ได้มอง Bitcoin เป็นเพียงสินทรัพย์เพื่อการเก็งกำไร แต่เป็น “เทคโนโลยีสำหรับการออม” ที่มีคุณสมบัติแตกต่างจากเงินเฟียตอย่างสิ้นเชิง

หัวใจสำคัญของ Bitcoin ที่โดดเด่น คือ จำนวนที่จำกัดอย่างแท้จริง Bitcoin ถูกกำหนดโดยโค้ดคอมพิวเตอร์ให้มีปริมาณสูงสุดเพียง 21 ล้านเหรียญเท่านั้น ไม่สามารถมีใครเปลี่ยนแปลงหรือสร้างเพิ่มขึ้นมาได้อีก คุณสมบัตินี้ทำให้มันเป็นสินทรัพย์ที่ “ฝืด” โดยธรรมชาติ ตรงข้ามกับเงินของรัฐบาลที่สามารถ “เฟ้อ” ได้ไม่จำกัด

ความเป็นเจ้าของที่สมบูรณ์ ในระบบ Bitcoin ผู้ที่ถือครองกุญแจส่วนตัว (Private Key) คือเจ้าของสินทรัพย์นั้นอย่างแท้จริง ไม่มีใครสามารถมายึด อายัด หรือขโมยไปได้หากเจ้าของเก็บรักษากุญแจของตนเองไว้อย่างดี และ ระบบกระจายศูนย์ (Decentralization) Bitcoin ทำงานอยู่บนเครือข่ายคอมพิวเตอร์ทั่วโลก โดยไม่มีองค์กรกลางหรือรัฐบาลใดควบคุม ทำให้มันมีความทนทานต่อการถูกปิดกั้นหรือแทรกแซง

ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ Bitcoin จึงเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้คนสามารถเก็บรักษามูลค่าของความมั่งคั่งข้ามผ่านกาลเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องกังวลว่าเงินออมของตนจะถูกทำให้ด้อยค่าลงจากการตัดสินใจของใครบางคน

ท้ายที่สุด คุณพิริยะได้ทิ้งท้ายไว้ว่า อิสรภาพทางการเงินที่แท้จริง อาจไม่ใช่การมีเงินจำนวนมากตามเป้าหมายที่เลื่อนหนีเราไปเรื่อย ๆ เพราะเงินเฟ้อ แต่คือการมีความสามารถในการเก็บออมไว้ในสินทรัพย์ที่แข็งแกร่งและรักษามูลค่าของมันได้ เพื่อให้เรามี “ทางเลือก” ในการใช้ชีวิตอย่างแท้จริง ดังนั้น การเริ่มต้นศึกษาและทำความเข้าใจธรรมชาติของเงินที่เราใช้ รวมถึงทางเลือกใหม่อย่าง Bitcoin จึงอาจเป็นก้าวแรกที่สำคัญที่สุดในการปกป้องอนาคตทางการเงินของตัวเราเองและคนรุ่นต่อไป

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

Uptober 2025 ทำไมเดือนตุลาคมอาจเป็นช่วงเวลาสำคัญของ Bitcoin

S&P 500 ​ไม่ได้มีแต่ภาพสวยหรู: เปิดข้อควรรู้ ก่อนตัดสินใจลงทุน

×

Share

ผู้เขียน