Share on
×

Share

WASH เคาะ IPO 7.50 บาทต่อหุ้น ร้านสะดวกซักเตรียมเข้าเทรด mai พ.ย. นี้

WASH เคาะ IPO 7.50 บาทหุ้นร้านสะดวกซักเตรียมเข้าเทรด mai พ.ย. นี้

บริษัท ลอนดรี้ ยู จำกัด (มหาชน) หรือ WASH ผู้ให้บริการร้านสะดวกซักครบวงจรแบรนด์ “WashXpress” ประกาศความพร้อมครั้งสำคัญสู่ตลาดทุน เคาะราคาเสนอขายหุ้น IPO ที่ 7.50 บาทต่อหุ้น เปิดจอง 24, 27-28 ตุลาคมนี้ เตรียมเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายในเดือนพฤศจิกายน ชูธงโมเดลธุรกิจ “Owner-Operator” ที่เป็นเจ้าของสาขาเองทั้งหมด สร้างมาตรฐานที่ลอกเลียนแบบได้ยาก ตั้งเป้าเป็น “7-Eleven แห่งวงการร้านสะดวกซัก” ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและประสบการณ์ลูกค้าที่เป็นเลิศ

เจ้าของเดียวโมเดลที่เกิดจากความเจ็บปวดสู่มาตรฐานที่ลอกเลียนไม่ได้

ในสมรภูมิร้านสะดวกซักที่แข่งขันอย่างดุเดือด สิ่งที่ทำให้ WashXpress แตกต่างและเติบโตอย่างก้าวกระโดด ไม่ใช่แค่ความทันสมัยของเครื่องจักร แต่คือโมเดลธุรกิจที่เลือกเดินสวนทางกับคู่แข่งส่วนใหญ่ นั่นคือ การเป็นเจ้าของและบริหารจัดการสาขาทั้งหมดด้วยตัวเอง แทนการขยายผ่านระบบแฟรนไชส์

ธนา เธียรอัจฉริยะ ประธานคณะกรรมการ บริษัท ลอนดรี้ ยู จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หัวใจของ WashXpress คือปรัชญา “สะอาด สะดวก สบาย” ที่เกิดจากความตั้งใจของผู้ก่อตั้งทั้ง 4 ท่าน ที่จะปฏิวัติกิจวัตรการซักผ้าและยกระดับคุณภาพชีวิตผู้คนในชุมชน

“WashXpress ในวันนี้ เปรียบได้กับ 7-Eleven ในยุคที่ร้านโชห่วยยังครองเมือง” คุณธนากล่าว การที่บริษัทเป็นเจ้าของสาขาโดยตรง ทำให้สามารถสร้างและควบคุมมาตรฐานบริการให้เป็นหนึ่งเดียวกันได้อย่างสมบูรณ์ เมื่อต้องการยกระดับประสบการณ์ลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้งเครื่องปรับอากาศ การเพิ่มห้องน้ำ หรือการเปิดตัวบริการใหม่อย่าง “ซักอบรีด” ก็สามารถทำได้ทันทีพร้อมกันทุกสาขา ซึ่งกลายเป็นจุดแข็งที่คู่แข่งในโมเดลแฟรนไชส์ไม่สามารถทำตามได้ง่าย

โมเดลที่แข็งแกร่งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจากทฤษฎี แต่มาจากประสบการณ์ตรงของผู้ก่อตั้ง สมัยที่ยังเป็นผู้ซื้อแฟรนไชส์ร้านสะดวกซัก พวกเขาต้องเผชิญกับปัญหาคุณภาพ ทั้งความสะอาดที่ไม่สม่ำเสมอ เครื่องจักรที่เสียบ่อย และการขาดคนดูแลแก้ไขปัญหาอย่างทันท่วงที ประสบการณ์อันเจ็บปวดนี้จึงกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ผลักดันให้พวกเขาสร้างแบรนด์ของตัวเอง เพื่อควบคุมคุณภาพตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ และส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า

WASH: หุ้น‘โอทานิโชเฮ’ สองมิติในหนึ่งเดียว

ในมุมมองของนักลงทุน คุณธนาได้นิยามหุ้น WASH ว่ามีคุณสมบัติเปรียบดัง “โอทานิ โชเฮ” สุดยอดนักเบสบอลระดับโลก ที่เก่งกาจทั้งเกมรุก (การตี) และเกมรับ (การขว้าง) สะท้อนคุณสมบัติเด่นสองมิติที่อยู่ในหุ้นตัวเดียวกัน คือ ความมั่นคง (Stability) และ การเติบโต (Growth)

มิติหุ้นเชิงรับ (Defensive Stock): ธุรกิจร้านสะดวกซักเป็นบริการพื้นฐานที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวัน ไม่ว่าเศรษฐกิจจะผันผวนอย่างไร ความต้องการซักผ้ายังคงอยู่เสมอ บทพิสูจน์ที่ชัดเจนคือช่วงวิกฤตโควิด-19 ที่ WashXpress ยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้ WASH มีสถานะเป็นหุ้นที่ช่วยป้องกันความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุน

มิติหุ้นเติบโต (Growth Stock): WASH มีศักยภาพการเติบโตที่น่าตื่นเต้นจาก 2 เส้นทางหลัก

  1. การขยายสาขาทั่วประเทศ: ปัจจุบัน WashXpress มีสาขาครอบคลุมเพียง 20 จาก 77 จังหวัด ยังมีพื้นที่ตลาดอีกมหาศาลที่รอการเข้าไปบุกเบิก
  2. การเพิ่มรายได้จากสาขาเดิม: ปัจจุบันอัตราการใช้บริการ (Utilization Rate) เฉลี่ยอยู่ที่เพียง 10% หมายความว่าสาขาเดิมยังมีศักยภาพสร้างรายได้เพิ่มขึ้นอีกมหาศาล ผ่านการเพิ่มบริการเสริม โปรโมชัน หรือบริการใหม่ๆ ซึ่งรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากส่วนนี้จะส่งผลโดยตรงต่อการเติบโตของกำไรอย่างมีนัยสำคัญ

ยุทธศาสตร์ 3 แกนหลักปลดล็อกการเติบโตแห่งอนาคต

กวิน กลองกระโทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง WASH เปิดเผยว่า เงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้จะถูกนำไปขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การเติบโต 3 แกนหลัก ได้แก่

  1. การขยายสาขาเชิงรุก (Branch Expansion): ตั้งเป้าเปิดสาขาใหม่ที่บริษัทเป็นเจ้าของ 80 สาขาในปี 2568 และอีกไม่น้อยกว่า 160 สาขาในช่วงปี 2569-257
  2. ยกระดับสู่บริการครบวงจร (Full Service): ต่อยอดบริการซักอบพับ รีดผ้า,บริการสำหรับลูกค้าองค์กร (B2B) และพัฒนาบริการใหม่ ๆ เช่น บริการรับ-ส่งผ้า (Delivery Service)
  3. ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี (Technology Driven): ใช้แอปพลิเคชัน WashXpress เป็นศูนย์กลางสร้างประสบการณ์ลูกค้า นำข้อมูลมาวิเคราะห์ต่อยอด และมีแผนนำรูปแบบสมาชิก (Subscription Model) มาใช้ในอนาคต

Customer Centricity: เมื่อหัวใจไม่ใช่แค่เครื่องซักผ้า แต่คือ ‘ประสบการณ์ลูกค้า’

WashXpress วางปรัชญา “ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง” เป็นหัวใจของการดำเนินงาน โดยมีฝ่าย Customer Experience และ Wash App เป็นเครื่องมือสำคัญ ปัจจุบันแอปพลิเคชันมีผู้ใช้งานกว่า 1.57 ล้านบัญชี และ 65% ของการชำระเงินมาจากช่องทางนี้ ทำให้บริษัทมีข้อมูลเชิงลึกมหาศาลในการนำมาพัฒนาบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้าอย่างแท้จริง เช่น บริการล้างถังก่อนซัก สร้างความมั่นใจสูงสุดเรื่องความสะอาด บริการซักอบพับ (Drop-off) ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบ และระบบ Call Center 24 ชั่วโมง: มีทีมงานที่เป็นมนุษย์คอยช่วยเหลือและสามารถสั่งงานเครื่องจากระยะไกลได้ทันที

ภาพใหญ่ตลาดสะดวกซัก: คลื่นเมกะเทรนด์หมื่นล้านที่ยังโตไม่หยุด

WASH เคาะ IPO 7.50 บาทหุ้นร้านสะดวกซักเตรียมเข้าเทรด mai พ.ย. นี้

ชิษณุพันธ์ ตั้งเฉลิมกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานพัฒนาธุรกิจ ให้ภาพว่า อุตสาหกรรมร้านสะดวกซักในไทยคือ “เมกะเทรนด์” ที่กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยมูลค่าตลาดทะยานจาก 3,000 ล้านบาทในปี 2563 สู่ 10,000 ล้านบาทในปี 2565 และคาดว่าจะพุ่งถึง 13,500 ล้านบาท ในปี 2567 โดยมีปัจจัยหนุนจากการขยายตัวของสังคมเมือง (Urbanization) การฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว และไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการความสะดวกสบาย

ความแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมสะท้อนมาสู่ผลการดำเนินงานของ WASH ที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยรายได้รวมเติบโตเฉลี่ย 33.16% ต่อปี และกำไรสุทธิเติบโตเฉลี่ย 18.63% ต่อปี ในช่วงปี 2565-2567 พร้อมด้วยกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่เป็นบวกและเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เคาะราคา 7.50 บาทเตรียมเข้า mai พ.ย. นี้

สุธางค์ คนศิลป กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ 2 บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน เปิดเผยว่า WASH จะเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 105.8 ล้านหุ้น ในราคา 7.50 บาทต่อหุ้น เปิดจองวันที่ 24 และ 27-28 ตุลาคม 2568 และคาดว่าจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai ได้ภายในเดือนพฤศจิกายน 2568

“WASH ถือเป็นหุ้น IPO ที่มีศักยภาพการเติบโตสูงและน่าจับตามองอย่างยิ่ง เราเชื่อมั่นในพื้นฐานที่แข็งแกร่งและอนาคตที่โดดเด่นของบริษัทฯ ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงผู้เล่นในตลาด แต่เป็นหนึ่งในผู้นำที่ร่วมกำหนดทิศทางอุตสาหกรรมร้านสะดวกซัก ซึ่งเป็นธุรกิจเมกะเทรนด์ จึงมั่นใจว่าราคา IPO ที่กำหนดไว้นั้นมีความเหมาะสม และสะท้อนถึงศักยภาพการเป็นหุ้น Growth Stock ที่โดดเด่นของบริษัทฯ ได้เป็นอย่างดี” คุณสุธางค์ กล่าว

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

Smart Women, Strong Finance: ส่องกลยุทธ์สร้างพอร์ตโตจาก 3 กูรูการเงินหญิง

ส่องกลยุทธ์ ‘สุกี้ตี๋น้อย-มาม่า’: ทำอย่างไรให้แบรนด์ Mass โตแบบ Premium

×

Share

ผู้เขียน