บริษัท ลอนดรี้ ยู จำกัด (มหาชน) หรือ WASH ผู้ให้บริการร้านสะดวกซักครบวงจรแบรนด์ “WashXpress” ประกาศความพร้อมครั้งสำคัญสู่ตลาดทุน เคาะราคาเสนอขายหุ้น IPO ที่ 7.50 บาทต่อหุ้น เปิดจอง 24, 27-28 ตุลาคมนี้ เตรียมเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายในเดือนพฤศจิกายน ชูธงโมเดลธุรกิจ “Owner-Operator” ที่เป็นเจ้าของสาขาเองทั้งหมด สร้างมาตรฐานที่ลอกเลียนแบบได้ยาก ตั้งเป้าเป็น “7-Eleven แห่งวงการร้านสะดวกซัก” ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและประสบการณ์ลูกค้าที่เป็นเลิศ
‘เจ้าของเดียว’ โมเดลที่เกิดจากความเจ็บปวดสู่มาตรฐานที่ลอกเลียนไม่ได้
ในสมรภูมิร้านสะดวกซักที่แข่งขันอย่างดุเดือด สิ่งที่ทำให้ WashXpress แตกต่างและเติบโตอย่างก้าวกระโดด ไม่ใช่แค่ความทันสมัยของเครื่องจักร แต่คือโมเดลธุรกิจที่เลือกเดินสวนทางกับคู่แข่งส่วนใหญ่ นั่นคือ การเป็นเจ้าของและบริหารจัดการสาขาทั้งหมดด้วยตัวเอง แทนการขยายผ่านระบบแฟรนไชส์
ธนา เธียรอัจฉริยะ ประธานคณะกรรมการ บริษัท ลอนดรี้ ยู จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หัวใจของ WashXpress คือปรัชญา “สะอาด สะดวก สบาย” ที่เกิดจากความตั้งใจของผู้ก่อตั้งทั้ง 4 ท่าน ที่จะปฏิวัติกิจวัตรการซักผ้าและยกระดับคุณภาพชีวิตผู้คนในชุมชน
“WashXpress ในวันนี้ เปรียบได้กับ 7-Eleven ในยุคที่ร้านโชห่วยยังครองเมือง” คุณธนากล่าว การที่บริษัทเป็นเจ้าของสาขาโดยตรง ทำให้สามารถสร้างและควบคุมมาตรฐานบริการให้เป็นหนึ่งเดียวกันได้อย่างสมบูรณ์ เมื่อต้องการยกระดับประสบการณ์ลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้งเครื่องปรับอากาศ การเพิ่มห้องน้ำ หรือการเปิดตัวบริการใหม่อย่าง “ซักอบรีด” ก็สามารถทำได้ทันทีพร้อมกันทุกสาขา ซึ่งกลายเป็นจุดแข็งที่คู่แข่งในโมเดลแฟรนไชส์ไม่สามารถทำตามได้ง่าย
โมเดลที่แข็งแกร่งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจากทฤษฎี แต่มาจากประสบการณ์ตรงของผู้ก่อตั้ง สมัยที่ยังเป็นผู้ซื้อแฟรนไชส์ร้านสะดวกซัก พวกเขาต้องเผชิญกับปัญหาคุณภาพ ทั้งความสะอาดที่ไม่สม่ำเสมอ เครื่องจักรที่เสียบ่อย และการขาดคนดูแลแก้ไขปัญหาอย่างทันท่วงที ประสบการณ์อันเจ็บปวดนี้จึงกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ผลักดันให้พวกเขาสร้างแบรนด์ของตัวเอง เพื่อควบคุมคุณภาพตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ และส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า
WASH: หุ้น‘โอทานิโชเฮ’ สองมิติในหนึ่งเดียว
ในมุมมองของนักลงทุน คุณธนาได้นิยามหุ้น WASH ว่ามีคุณสมบัติเปรียบดัง “โอทานิ โชเฮ” สุดยอดนักเบสบอลระดับโลก ที่เก่งกาจทั้งเกมรุก (การตี) และเกมรับ (การขว้าง) สะท้อนคุณสมบัติเด่นสองมิติที่อยู่ในหุ้นตัวเดียวกัน คือ ความมั่นคง (Stability) และ การเติบโต (Growth)
มิติหุ้นเชิงรับ (Defensive Stock): ธุรกิจร้านสะดวกซักเป็นบริการพื้นฐานที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวัน ไม่ว่าเศรษฐกิจจะผันผวนอย่างไร ความต้องการซักผ้ายังคงอยู่เสมอ บทพิสูจน์ที่ชัดเจนคือช่วงวิกฤตโควิด-19 ที่ WashXpress ยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้ WASH มีสถานะเป็นหุ้นที่ช่วยป้องกันความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุน
มิติหุ้นเติบโต (Growth Stock): WASH มีศักยภาพการเติบโตที่น่าตื่นเต้นจาก 2 เส้นทางหลัก
- การขยายสาขาทั่วประเทศ: ปัจจุบัน WashXpress มีสาขาครอบคลุมเพียง 20 จาก 77 จังหวัด ยังมีพื้นที่ตลาดอีกมหาศาลที่รอการเข้าไปบุกเบิก
- การเพิ่มรายได้จากสาขาเดิม: ปัจจุบันอัตราการใช้บริการ (Utilization Rate) เฉลี่ยอยู่ที่เพียง 10% หมายความว่าสาขาเดิมยังมีศักยภาพสร้างรายได้เพิ่มขึ้นอีกมหาศาล ผ่านการเพิ่มบริการเสริม โปรโมชัน หรือบริการใหม่ๆ ซึ่งรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากส่วนนี้จะส่งผลโดยตรงต่อการเติบโตของกำไรอย่างมีนัยสำคัญ
ยุทธศาสตร์ 3 แกนหลักปลดล็อกการเติบโตแห่งอนาคต
กวิน กลองกระโทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง WASH เปิดเผยว่า เงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้จะถูกนำไปขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การเติบโต 3 แกนหลัก ได้แก่
- การขยายสาขาเชิงรุก (Branch Expansion): ตั้งเป้าเปิดสาขาใหม่ที่บริษัทเป็นเจ้าของ 80 สาขาในปี 2568 และอีกไม่น้อยกว่า 160 สาขาในช่วงปี 2569-257
- ยกระดับสู่บริการครบวงจร (Full Service): ต่อยอดบริการซักอบพับ รีดผ้า,บริการสำหรับลูกค้าองค์กร (B2B) และพัฒนาบริการใหม่ ๆ เช่น บริการรับ-ส่งผ้า (Delivery Service)
- ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี (Technology Driven): ใช้แอปพลิเคชัน WashXpress เป็นศูนย์กลางสร้างประสบการณ์ลูกค้า นำข้อมูลมาวิเคราะห์ต่อยอด และมีแผนนำรูปแบบสมาชิก (Subscription Model) มาใช้ในอนาคต
Customer Centricity: เมื่อหัวใจไม่ใช่แค่เครื่องซักผ้า แต่คือ ‘ประสบการณ์ลูกค้า’
WashXpress วางปรัชญา “ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง” เป็นหัวใจของการดำเนินงาน โดยมีฝ่าย Customer Experience และ Wash App เป็นเครื่องมือสำคัญ ปัจจุบันแอปพลิเคชันมีผู้ใช้งานกว่า 1.57 ล้านบัญชี และ 65% ของการชำระเงินมาจากช่องทางนี้ ทำให้บริษัทมีข้อมูลเชิงลึกมหาศาลในการนำมาพัฒนาบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้าอย่างแท้จริง เช่น บริการล้างถังก่อนซัก สร้างความมั่นใจสูงสุดเรื่องความสะอาด บริการซักอบพับ (Drop-off) ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบ และระบบ Call Center 24 ชั่วโมง: มีทีมงานที่เป็นมนุษย์คอยช่วยเหลือและสามารถสั่งงานเครื่องจากระยะไกลได้ทันที
ภาพใหญ่ตลาดสะดวกซัก: คลื่นเมกะเทรนด์หมื่นล้านที่ยังโตไม่หยุด

ชิษณุพันธ์ ตั้งเฉลิมกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานพัฒนาธุรกิจ ให้ภาพว่า อุตสาหกรรมร้านสะดวกซักในไทยคือ “เมกะเทรนด์” ที่กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยมูลค่าตลาดทะยานจาก 3,000 ล้านบาทในปี 2563 สู่ 10,000 ล้านบาทในปี 2565 และคาดว่าจะพุ่งถึง 13,500 ล้านบาท ในปี 2567 โดยมีปัจจัยหนุนจากการขยายตัวของสังคมเมือง (Urbanization) การฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว และไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการความสะดวกสบาย
ความแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมสะท้อนมาสู่ผลการดำเนินงานของ WASH ที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยรายได้รวมเติบโตเฉลี่ย 33.16% ต่อปี และกำไรสุทธิเติบโตเฉลี่ย 18.63% ต่อปี ในช่วงปี 2565-2567 พร้อมด้วยกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่เป็นบวกและเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เคาะราคา 7.50 บาทเตรียมเข้า mai พ.ย. นี้
สุธางค์ คนศิลป กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ 2 บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน เปิดเผยว่า WASH จะเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 105.8 ล้านหุ้น ในราคา 7.50 บาทต่อหุ้น เปิดจองวันที่ 24 และ 27-28 ตุลาคม 2568 และคาดว่าจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai ได้ภายในเดือนพฤศจิกายน 2568
“WASH ถือเป็นหุ้น IPO ที่มีศักยภาพการเติบโตสูงและน่าจับตามองอย่างยิ่ง เราเชื่อมั่นในพื้นฐานที่แข็งแกร่งและอนาคตที่โดดเด่นของบริษัทฯ ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงผู้เล่นในตลาด แต่เป็นหนึ่งในผู้นำที่ร่วมกำหนดทิศทางอุตสาหกรรมร้านสะดวกซัก ซึ่งเป็นธุรกิจเมกะเทรนด์ จึงมั่นใจว่าราคา IPO ที่กำหนดไว้นั้นมีความเหมาะสม และสะท้อนถึงศักยภาพการเป็นหุ้น Growth Stock ที่โดดเด่นของบริษัทฯ ได้เป็นอย่างดี” คุณสุธางค์ กล่าว
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
Smart Women, Strong Finance: ส่องกลยุทธ์สร้างพอร์ตโตจาก 3 กูรูการเงินหญิง
ส่องกลยุทธ์ ‘สุกี้ตี๋น้อย-มาม่า’: ทำอย่างไรให้แบรนด์ Mass โตแบบ Premium




