Share on
×

Share

‘อู๋ Spin9’ ชี้ ยุค AI ไม่ต้องเป็น Digital Native แต่ต้องเป็น Digital Adult

'อู๋ Spin9' ชี้ ยุค AI ไม่ต้องเป็น Digital Native แต่ต้องเป็น Digital Adult

ในยุคสมัยที่ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันอย่างแยกไม่ออก อติชาญ เชิงชวโน หรือ อู๋ Spin9 Content Creator กล่าวว่า AI ไม่ได้เป็นเพียงเทคโนโลยีสำหรับคนรุ่นใหม่ที่เติบโตมาพร้อมกับโลกดิจิทัลอีกต่อไป แต่ได้แปรสภาพเป็นเครื่องมือสากลที่คนทุกยุคทุกวัยต้องทำความรู้จักและเรียนรู้ที่จะใช้งานอย่างเท่าทัน

ประเด็นสำคัญที่เขาเน้นย้ำคือ กุญแจสู่การปรับตัวในโลกยุคใหม่ไม่ได้อยู่ที่การเกิดมาเป็น “Digital Native” หรือผู้ที่คุ้นเคยกับดิจิทัลมาแต่กำเนิด หากแต่อยู่ที่ความพร้อมที่จะพัฒนาตนเองให้เป็น “Digital Adult” ซึ่งหมายถึงผู้ใหญ่ที่มีวุฒิภาวะในการเรียนรู้ เลือกใช้ และเข้าใจเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างชาญฉลาดและมีวิจารณญาณ

คุณอู๋ขยายความแนวคิดนี้โดยชี้ให้เห็นว่า ทุกวันนี้แทบไม่มีใครสามารถปฏิเสธการมีอยู่ของ AI ในชีวิตได้เลย ไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม ตั้งแต่การค้นหาข้อมูลใน Google ที่มี AI ช่วยสรุปคำตอบให้ ไปจนถึงรูปแบบการใช้งานที่แตกต่างกันอย่างน่าสนใจในแต่ละช่วงวัย ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า AI ได้ปรับตัวเข้ากับความต้องการที่หลากหลายของผู้คนได้อย่างไร้รอยต่อ

ภาพที่ชัดเจน คือพฤติกรรมการใช้งานที่แตกต่างกันระหว่างเจเนอเรชัน สำหรับกลุ่มวัย 40 ปีขึ้นไป มักมอง AI อย่าง ChatGPT เป็นเครื่องมือสืบค้นข้อมูลที่มีประสิทธิภาพสูง เปรียบเสมือน Google ในเวอร์ชันที่สามารถโต้ตอบและให้คำตอบได้ตรงจุดกว่า ในขณะที่คนรุ่นใหม่ในช่วงวัย 20-30 ปี กลับมีแนวโน้มที่จะใช้ AI ในฐานะ “เพื่อนคู่คิด” หรือที่ปรึกษาในเรื่องส่วนตัว ตั้งแต่ปัญหาการเรียน การทำงาน ไปจนถึงการจัดการความรู้สึกในแต่ละวัน หรือแม้กระทั่งคุณแม่ของเขาเองในวัยใกล้ 70 ปี ก็ยังค้นพบความสนุกจากการใช้ AI สร้างสรรค์รูปภาพของครอบครัว ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันว่าเทคโนโลยีนี้ได้ทลายกำแพงทางอายุและกลายเป็นส่วนหนึ่งของความสุขและความสัมพันธ์ไปแล้ว

จาก “Please, Thank you” สู่ Prompt สั้นห้วน: เมื่อปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับเทคโนโลยีเปลี่ยนไป

หนึ่งในภาพสะท้อนที่ชัดเจนที่สุดของวิวัฒนาการความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับเทคโนโลยี ถูกบอกเล่าผ่านเรื่องราวอันน่าเอ็นดูของคุณยายท่านหนึ่งเมื่อเกือบสิบปีก่อน ในยุคที่การ “พูดคุย” กับเครื่องมือค้นหายังคงแฝงไปด้วยความสุภาพอ่อนน้อมเฉกเช่นการสื่อสารระหว่างบุคคล คุณยายได้พิมพ์ข้อความลงใน Google ว่า “please translate these roman numerals MCMXCVIII thank you” ประโยคที่เต็มไปด้วยมารยาทนี้ได้กลายเป็นภาพจำที่อบอุ่นของยุคสมัย ที่เรายังคงปฏิบัติต่อเทคโนโลยีด้วยความเกรงใจ

ทว่าเมื่อกาลเวลาเดินทางมาถึงปัจจุบัน บริบทได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง คุณอู๋ กล่าวว่า ในวันนี้ผู้คนไม่จำเป็นต้องใช้ความสุภาพนำทางอีกต่อไป เพียงแค่ป้อนคำสั่งสั้น ๆ ว่า “MCMXCVIII in Arabic” ลงใน ChatGPT คำตอบที่ถูกต้องคือ 1998 ก็ปรากฏขึ้นในทันที ปรากฏการณ์นี้ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของความเร็ว แต่คือบทพิสูจน์ว่าปฏิสัมพันธ์ของเรากับเทคโนโลยีได้เปลี่ยนสู่ความเป็นธรรมชาติมากขึ้น

ความเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจอยู่ตรงที่ AI ในปัจจุบันสามารถรับรู้และตอบสนองตามน้ำเสียงของผู้ใช้งานได้ เมื่อเราสื่อสารอย่างสั้นห้วน AI ก็ตอบสนองอย่างตรงไปตรงมา แต่เมื่อเราใช้ถ้อยคำที่สุภาพ มันก็พร้อมที่จะโต้ตอบกลับด้วยความเป็นมิตรเช่นกัน

ปรากฏการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงบทบาทสำคัญของ AI ในการทลายกำแพงความซับซ้อนทางเทคโนโลยี ทำให้การเข้าถึงข้อมูลกลายเป็นเรื่องง่ายดายและเป็นธรรมชาติสำหรับทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ใหญ่หรือผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับเทคโนโลยีดิจิทัล ที่บัดนี้สามารถค้นหาคำตอบที่ต้องการได้ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องพึ่งพาทักษะเฉพาะทางหรือรอความช่วยเหลือจากลูกหลานอีกต่อไป

AI: เครื่องมือทุ่นแรงอัจฉริยะสู่ “ความขี้เกียจอย่างมีคุณภาพ”

ในมุมมองของนักสร้างสรรค์คอนเทนต์ คุณอู๋ ได้ให้คำนิยามที่น่าสนใจว่า AI คือเครื่องมือที่อาจทำให้เรา “ขี้เกียจขึ้น” แต่ทว่ามันคือ ความขี้เกียจอย่างมีคุณภาพ กล่าวคือ การที่เราสามารถมอบหมายงานซ้ำซากจำเจและกินเวลาให้กับเทคโนโลยี เพื่อสงวนพลังงานและเวลาอันมีค่าของเราไว้สำหรับงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์และการตัดสินใจที่ซับซ้อนกว่า

เขาได้ยกตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมเพื่ออธิบายแนวคิดนี้ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น นั่นคือ กระบวนการร่างอีเมลที่เป็นทางการซึ่งเคยต้องใช้เวลาและความพิถีพิถัน สามารถย่นย่อลงเหลือเพียงไม่กี่วินาที ด้วยฟีเจอร์อย่าง “Help me write” ใน Gmail เพียงแค่เราป้อนคำสั่งสั้น ๆ เช่น “can you provide alternative write options” AI ก็สามารถสร้างสรรค์เนื้อหาอีเมลฉบับสมบูรณ์ที่ทั้งสุภาพและครบถ้วนให้เราได้ในทันที

ในทำนองเดียวกัน ภาระในการเขียนเอกสารที่ต้องการความเป็นทางการสูง เช่น จดหมายลางาน ก็กลายเป็นเรื่องง่ายดาย เมื่อ AI สามารถร่างโครงสร้างและเนื้อหาที่เหมาะสมไว้ให้ทั้งหมด เหลือเพียงหน้าที่ของเราในการเติมรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น วันที่ที่ต้องการลาเท่านั้น

ขอบเขตความสามารถของมันยังครอบคลุมไปถึงงานที่ต้องอาศัยปฏิสัมพันธ์และความเป็นมนุษย์ เช่น การตอบความคิดเห็นบนแพลตฟอร์มอย่าง YouTube ที่ AI สามารถวิเคราะห์และแนะนำตัวเลือกคำตอบที่เป็นธรรมชาติและเหมาะสมกับบริบทนั้น ๆ ช่วยให้ผู้สร้างคอนเทนต์สามารถรักษาการมีส่วนร่วมกับผู้ชมได้อย่างสม่ำเสมอ

หัวใจสำคัญของเครื่องมือเหล่านี้ คือการเปลี่ยนภารกิจที่เคยวัดผลกันเป็น “นาที” ให้กลายเป็นงานที่เสร็จสิ้นได้ในระดับ “วินาที” การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่เพียงแต่ช่วยประหยัดเวลา แต่ยังเป็นการปลดปล่อยศักยภาพของมนุษย์ให้หลุดพ้นจากงานรูทีน เพื่อทุ่มเทสมาธิไปกับการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ที่มีคุณค่าอย่างแท้จริง

ปลดล็อกจินตนาการ: เมื่อ AI สวมบทบาทผู้สร้างสรรค์ภาพยนตร์และเสียง

ขอบเขตความสามารถของ AI ได้ขยายพรมแดนออกไปไกลเกินกว่าโลกของตัวอักษร เข้าสู่มิติของการสร้างสรรค์ภาพและวิดีโอที่ท้าทายการรับรู้และความเป็นจริง ซึ่งคุณอู๋ได้สาธิตให้เห็นถึงศักยภาพของ Generative AI ที่สามารถสวมบทบาทเป็นศิลปินและผู้กำกับได้อย่างน่าทึ่ง

ในมิติของภาพนิ่ง AI แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการซ่อมแซมภาพ AI สามารถลบผ้าปิดตาของนักแสดง Samuel L. Jackson พร้อมกับสร้างสรรค์ดวงตาที่ซ่อนอยู่ขึ้นมาใหม่ได้อย่างสมจริง

ความท้าทายถูกยกระดับขึ้นอีกขั้น เมื่อเขาใช้ AI จินตนาการใบหน้าที่อยู่ภายใต้แว่นตาดำอันเป็นเอกลักษณ์ของ “พี่อี๊ด วงฟลาย” ซึ่งนี่ไม่ใช่แค่การเติมเต็มข้อมูลที่ขาดหาย แต่คือการ “จินตนาการ” ถึงสิ่งที่แทบไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน

และความสามารถในการลบบุคคลออกจากภาพถ่ายได้อย่างแนบเนียน แม้ในฉากหลังที่ซับซ้อนอย่างกระจกและทิวทัศน์ AI ไม่เพียงแค่ลบ แต่ยังสามารถสร้างพื้นหลังส่วนที่หายไปขึ้นมาใหม่ได้อย่างไร้รอยต่อ

ในโลกของวิดีโอและเสียง ศักยภาพของ AI ก้าวสู่มิติที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น AI สามารถสวมบทบาทผู้กำกับได้เพียงแค่ป้อน “บทภาพยนตร์” ในรูปแบบของข้อความ เช่น “ชาวต่างชาติ 2 คน พูดไทยได้ นั่งในแท็กซี่ รถติด มางานไม่ทัน” AI ก็สามารถเนรมิตฉากนั้นให้กลายเป็นวิดีโอที่มีนักแสดง การเคลื่อนไหว และบทสนทนาที่น่าเชื่อถือได้

ยิ่งไปกว่านั้น คือเทคโนโลยีที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงวงการคอนเทนต์โดยตรงอย่างฟีเจอร์ “Auto-dub” บนแพลตฟอร์ม YouTube ที่สามารถเปลี่ยนเสียงพากย์ภาษาไทยในวิดีโอให้กลายเป็นภาษาอังกฤษโดยอัตโนมัติ และยังฉลาดพอที่จะแยกแยะและสร้างเสียงผู้ชาย-ผู้หญิงให้ตรงกับผู้พูดได้ เทคโนโลยีนี้ไม่เพียงแค่แปลภาษา แต่ยังสร้างเสียงพากย์ขึ้นใหม่โดยอัตโนมัติ นับเป็นการทลายกำแพงทางภาษาครั้งสำคัญสำหรับผู้สร้างสรรค์คอนเทนต์ทั่วโลก เปิดประตูสู่ผู้ชมกลุ่มใหม่ ๆ อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

เกราะป้องกันในโลกดิจิทัล: เมื่อ AI ก็ผิดได้และมนุษย์ต้องมีวิจารณญาณ

ท่ามกลางศักยภาพอันน่าทึ่งของปัญญาประดิษฐ์ คุณอู๋ได้ทิ้งท้ายด้วยข้อคิดที่สำคัญที่สุดประการหนึ่ง นั่นคือการย้ำเตือนว่า AI ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องสมบูรณ์เสมอไป ความสามารถในการสร้างสรรค์คำตอบที่ดูสมจริงอาจบดบังความจริงที่ว่ามันยังคงมีข้อผิดพลาด การเชื่อถือข้อมูลจาก AI อย่างปราศจากการตรวจสอบจึงอาจนำไปสู่ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน หรือแม้กระทั่งผลลัพธ์ที่เป็นอันตรายได้

เขาได้ยกตัวอย่างที่เกิดขึ้นจริงเพื่อเน้นย้ำถึงความเสี่ยงนี้ เช่น กรณีที่มีผู้ใช้เชื่อข้อมูลด้านสุขภาพที่ไม่ถูกต้องจาก AI หรือแม้แต่กรณีสุดโต่งที่ AI เคยให้คำแนะนำอันไร้สาระว่ามนุษย์ควรกินหินวันละก้อน เรื่องราวเหล่านี้เป็นเครื่องเตือนใจที่ชัดเจนว่า เราต้องไม่ละทิ้งสัญชาตญาณและกระบวนการตรวจสอบข้อมูล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นที่ละเอียดอ่อนและมีความสำคัญต่อชีวิตอย่างเรื่องสุขภาพ

บทสรุปที่คุณอู๋นำเสนอนั้น ไม่ใช่การปฏิเสธเทคโนโลยี แต่คือการเชิญชวนให้เรายกระดับตัวเองขึ้นเป็น “Digital Adult” หรือ “ผู้ใหญ่ในโลกดิจิทัล” แนวคิดนี้ไม่ได้จำกัดอยู่ที่ว่าใครเกิดมาในยุคใด แต่หมายถึงการมีวุฒิภาวะที่จะเปิดใจเรียนรู้และยอมรับ AI ในฐานะเครื่องมืออันทรงพลัง ขณะเดียวกันก็ต้องใช้งานด้วยความเข้าใจ มีวิจารณญาณที่เฉียบคม รู้เท่าทันข้อจำกัดของมัน และที่สำคัญที่สุดคือ ไม่ปล่อยให้ความสามารถในการคิดวิเคราะห์อย่างมีเหตุผลของตนเองถูกลดทอนลงไป

คุณอู๋ปิดท้ายด้วยการเปรียบเทียบสถานการณ์ปัจจุบันกับการมาถึงของ Google ในยุคแรก ซึ่งครั้งหนึ่งก็เคยเป็นของใหม่ที่หลายคนรู้สึกแปลกแยกและไม่คุ้นเคย แต่เมื่อเวลาผ่านไป เราต่างเรียนรู้ที่จะใช้งานมันจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตฉันใด AI ก็เป็นเช่นนั้นฉันนั้น การมองมันในฐานะ “เครื่องมือ” จะช่วยลดทอนความกลัว และการสร้างเกราะป้องกันทางความคิดด้วยวิจารณญาณนี่เอง คือสิ่งที่จะทำให้เราทุกคนสามารถก้าวเดินในโลกดิจิทัลแห่งอนาคตได้อย่างมั่นคงและแข็งแกร่ง

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

‘Engagement Gap’ ช่องว่างทางการตลาดที่ชี้ชะตาแบรนด์ในยุค AI

EGG Digital พลิกเกมข้อมูล ผนึก True-CP Extra เปิดตัวแพลตฟอร์ม ‘AI for Everyone’

×

Share

ผู้เขียน