Share on
×

Share

เกินกว่าสมรรถนะ: มิชลินชูยุทธศาสตร์ ‘All Sustainable’ สู่วัสดุยั่งยืน 100% ในปี 2050

เกินกว่าสมรรถนะ: มิชลินชูยุทธศาสตร์ 'All Sustainable' สู่วัสดุยั่งยืน 100% ในปี 2050

ในทุก ๆ เช้าของวันทำงาน โรงงานมิชลิน หนองแค จังหวัดสระบุรี เริ่มเดินเครื่องด้วยจังหวะการผลิตที่ไม่หยุดนิ่ง กลิ่นยางสังเคราะห์ผสานกับเสียงเครื่องจักรอัตโนมัติกำลังหลอมยางรถบรรทุกและยางเครื่องบินที่เป็น 1 ในแบรนด์ที่ดีที่สุดในโลก พนักงานในชุดป้องกันที่ผ่านการฝึกอบรมพิเศษทำงานร่วมกับเครื่องจักรอย่างคล่องแคล่ว กระบวนการสร้างยางล้อที่นี่ไม่ใช่เพียงแค่การสร้างผลิตภัณฑ์ แต่เป็นการขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ “All Sustainable” ของมิชลิน ที่มุ่งสร้างสมดุลระหว่างผลกำไร ผู้คน และโลก เพื่อสร้างโลกแห่งการสัญจรที่ยั่งยืน โดยไม่ลดทอนความปลอดภัยและประสิทธิภาพ

และในปีนี้ โรงงานหนองแคได้กลายเป็นฉากหลังของงาน Michelin Asia Pacific Media Day 2025 ภายใต้ธีม “Michelin Beyond Performance” ซึ่งมิชลินเชิญสื่อมวลชนจากหลากหลายประเทศในเอเชียแปซิฟิกและพันธมิตรทางธุรกิจให้มาเยี่ยมชมสายการผลิตยางล้อและเทคโนโลยีล้ำสมัย และรับฟังวิสัยทัศน์จากผู้บริหารเกี่ยวกับการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน

จากผู้บุกเบิกยางล้อ สู่กูรูด้านวัสดุคอมโพสิต

มิชลินเริ่มต้นจากการเป็นผู้บุกเบิกนวัตกรรมยางล้อในฝรั่งเศสเมื่อ 136 ปีก่อน แต่ในวันนี้บริษัทฯ ได้ก้าวข้ามขีดจำกัดไปไกลกว่านั้น

มานูเอล ฟาเฟียง ประธานกลุ่มมิชลิน ประจำภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก
มานูเอล ฟาเฟียง ประธานกลุ่มมิชลิน ประจำภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก

มานูเอล ฟาเฟียง ประธานกลุ่มมิชลิน ประจำภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก ได้เล่าถึงเส้นทางอันยาวนานกว่า 1 ศตวรรษของมิชลินว่า ในฐานะผู้บุกเบิกนวัตกรรมยางล้อ มิชลินได้พัฒนาตัวเองจากบริษัทผลิตยางธรรมดาสู่การเป็นผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันวัสดุคอมโพสิตที่ครอบคลุมหลากหลายอุตสาหกรรม ทั้งการเดินทาง การดูแลสุขภาพ การบินและอวกาศ ไปจนถึงพลังงานคาร์บอนต่ำ

มิชลินยังใช้เทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงชีวิตผ่านปัญญาประดิษฐ์และเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลเพื่อช่วยให้ยานพาหนะเชิงพาณิชย์มีประสิทธิภาพและยั่งยืนมากขึ้นบนท้องถนน รวมถึงเศรษฐกิจหมุนเวียนเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยผสานวัสดุรีไซเคิลหรือชีวภาพเข้าไปในผลิตภัณฑ์

“ความมุ่งมั่นของเราไม่ได้หยุดอยู่แค่เรื่องสมรรถนะ เรากำลังสร้างอนาคตที่ทุกผลิตภัณฑ์ ทุกโซลูชัน และทุกประสบการณ์ที่เราส่งมอบ จะช่วยสร้างหนทางที่ดีกว่าสำหรับผู้คน (People) ผลกำไร (Profit) และโลก (Planet)” คุณฟาเฟียงกล่าว

คุณฟาเฟียง เน้นถึงจิตวิญญาณของมิชลินที่ “ไม่เคยพอใจ” กับสถานะปัจจุบัน เพราะพวกเขารู้ดีว่าอนาคตที่ยั่งยืนไม่สามารถแยกออกจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีได้ ดังนั้น มิชลินจึงกำลังสำรวจความเป็นไปได้ของวัสดุทางวิศวกรรมและวิทยาศาสตร์ข้อมูลเพื่อสร้างชีวิตที่ดีขึ้นสำหรับการสัญจร

“การเดินทางของมิชลินจึงเป็นมากกว่าการผลิตยาง แต่เป็นการสร้างอนาคตที่ดีกว่าสำหรับทุกคนในการก้าวไปข้างหน้า” คุณฟาเฟียงกล่าว

ยั่งยืนแต่ต้องปลอดภัย

“All Sustainable” หรือ “ความยั่งยืนทุกด้าน” เป็นวิสัยทัศน์ที่มิชลินยึดมั่นว่าการตัดสินใจทางธุรกิจทุกครั้งต้องสร้างสมดุลระหว่าง 3 ด้านหลักคือ ผลกำไร ผู้คน และโลก โดยตั้งเป้าปี 2593 จะใช้วัสดุรีไซเคิลและหมุนเวียน (Renewable)  100% ในการผลิตยาง ปัจจุบันใช้อยู่ที่ 31% และจะเพิ่มเป็น 40% ในปี 2573

ซีริลล์ โรเฌต์ ผู้อำนวยการฝ่ายนวัตกรรมและการสื่อสารเชิงวิทยาศาสตร์ของมิชลิน

ซีริลล์ โรเฌต์ ผู้อำนวยการฝ่ายนวัตกรรมและการสื่อสารเชิงวิทยาศาสตร์ของมิชลิน ได้อธิบายถึงปรัชญาดังกล่าวโดยเน้นว่า มิชลินมุ่งสร้างวิทยาศาสตร์ที่ยั่งยืนมากขึ้นผ่านนวัตกรรม เพราะยางล้อในปัจจุบันยังไม่ยั่งยืนเต็มที่ แต่สามารถทำให้ยั่งยืนมากขึ้นได้

“ความยั่งยืนไม่ได้หมายถึงแค่ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ต้องครอบคลุมการจัดหาวัสดุที่เคารพต่อผู้คนและโลก สภาพการทำงาน ระบบโลจิสติกส์และการผลิตที่มีความรับผิดชอบ ผลิตภัณฑ์และบริการที่ยั่งยืน รวมถึงการรวบรวมและใช้ประโยชน์จากยางเมื่อหมดอายุการใช้งาน” คุณโรเฌต์อธิบาย

หนึ่งในความท้าทายใหญ่คือการสร้างยางยั่งยืน 100% โดยไม่สูญเสียประสิทธิภาพ ซึ่งคุณโรเฌต์ บอกว่า มิชลินสามารถผลิตยางจากวัสดุรีไซเคิล 100% ได้แล้วในตอนนี้ แต่ยางเหล่านั้นยังไม่ดีต่อโลก เพราะมีอายุการใช้งานสั้นมาก และประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันจะย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 50 ปี

“ความท้าทายคือการสร้างสมดุลระหว่างการต่อสู้กับภาวะโลกร้อน การลดการใช้ทรัพยากร การปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพ และการรักษาคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ เช่น ความปลอดภัย”

สำหรับนิยามของ “ยางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม”  ต้องประกอบไปด้วยเงื่อนไข  3 ข้อนั่นคือ เป็นยางที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมตลอดวงจรชีวิต เป็นยางที่รักษาประสิทธิภาพหลักไว้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความปลอดภัย และเป็นยางที่สามารถผลิตในโรงงานได้ในปริมาณมาก ไม่ใช่แค่ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการสาธิต

“ความท้าทายคือทำให้ยั่งยืนโดยไม่ลดทอนคุณสมบัติ เพราะยังคงมีวัสดุจำนวนหนึ่งที่ยากต่อการหาวัสดุอื่นมาแทนที่ เช่น สารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องยางให้มีอายุยาวนาน การเปลี่ยนสูตรอาจกระทบประสิทธิภาพ    มิชลินจึงทำงานหนักเพื่อเพิ่มตัวเลขความยั่งยืนขึ้นเรื่อย ๆ”  คุณโรเฌต์ กล่าว

หัวใจของนวัตกรรมยั่งยืน

ในแง่ธุรกิจ นอกจากจะพยายามรักษาความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมยางล้อแล้ว มิชลินยังขยายธุรกิจไปยังการพัฒนาวัสดุโพลิเมอร์คอมโพสิตเพื่อสร้างผลกระทบที่ดีขึ้น โดยตั้งเป้าให้ธุรกิจส่วนนี้สร้างรายได้เพิ่มขึ้นให้บริษัทฯ

คุณโรเฌต์ กล่าวว่า มิชลินเน้นการลงทุนด้าน R&D อย่างต่อเนื่องโดยใช้งบลงทุนด้านนี้ประมาณ 780 ล้านยูโรต่อปี  เพื่อสร้างนวัตกรรมด้านวัสดุคอมโพสิต ซึ่งเป็นการผสมผสานวัสดุตั้งแต่ 2  ชนิดขึ้นไปที่มีคุณสมบัติต่างกัน เช่น เหล็กแข็งกับยางอ่อน เพื่อสร้างประสิทธิภาพของยางที่สูงกว่า  

ความได้เปรียบของมิชลินมาจากความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในวัสดุคอมโพสิต ในยาง 1 เส้นประกอบด้วยวัสดุมากกว่า 200 ชนิด ผู้ผลิตยางรายอื่นส่วนใหญ่มักจะใช้วิธีการซื้อวัสดุดังกล่าวจากที่อื่นมาใช้ แต่มิชลินเลือกที่จะวิจัยและพัฒนาสูตรสร้างวัสดุคอมโพสิตขึ้นเองโดยนักเคมีของบริษัทฯ ทำให้สามารถควบคุมสูตรผสมทั้งหมดให้ลงตัวได้ดีที่สุด ความแตกต่างนี้เห็นได้ชัดเจนที่สุดในการทดสอบยางเก่าที่ถูกใช้งานแล้วว่ายังสามารถเกาะถนนได้ดี

“มิชลินไม่ได้จำกัดตัวเองไว้แค่การผลิตยางล้ออีกต่อไป กลยุทธ์ของเราคือการสร้างผลกระทบที่ดีขึ้น โดยขยายไปทำวัสดุโพลิเมอร์คอมโพสิต เพื่อสร้างแรงกระเพื่อมให้อุตสาหกรรมยางล้อ”

โรงงานหนองแค: แนวหน้าของความยั่งยืนในประเทศไทย

มิชลินมีโรงงานในประเทศไทย 5 แห่ง ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดสมุทรปราการ สระบุรี ชลบุรี ระยอง และสงขลา โดยแต่ละโรงงานมีการผลิตผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างกันไป

สำหรับโรงงานมิชลิน หนองแค ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2535 บนพื้นที่ 231 ไร่ ของเขตประกอบการอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ สระบุรี เป็นฐานการผลิต 1 ใน 5 แห่งของมิชลินในประเทศไทย โรงงานแห่งนี้เป็นศูนย์ผลิตยางรถโดยสาร/ยางรถบรรทุกและยางล้อเครื่องบิน ปัจจุบันมีกำลังการผลิตที่ 60% ของกำลังการผลิตทั้งหมด โดย 60% จัดจำหน่ายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและออสเตรเลีย และ 40% ส่งออกนอกภูมิภาค

โรงงานหนองแคเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของความมุ่งมั่นด้านความยั่งยืนตามแผนงานของกลุ่มบริษัทฯ โดยมีการรีไซเคิลของเสีย 100% และถูกนำไปใช้ผลิตเป็นอย่างอื่น เช่น เศษผ้าบางส่วนถูกส่งไปยังประเทศศรีลังกาเพื่อใช้ในการผลิตสิ่งอื่น ๆ เศษยางดิบถูกนำไปใช้ในการทำกันชนบนถนน หรือผลิตรองเท้า

“เรารีไซเคิลของเสียทั้งหมดของเรา ดังนั้นทุกสิ่งที่เราทำคือการให้ชีวิตใหม่” ดาวิด ลาบูน Quality Guarantee Manager โรงงานหนองแค กล่าว

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

ถอดรหัส 3 โมเดลธุรกิจพลิก ‘ขยะอุตสาหกรรม’ สู่ ‘ขุมทรัพย์เศรษฐกิจหมุนเวียน’

3 ยักษ์ใหญ่ผนึก MTEC พลิกการผลิตด้วย Circular Economy

สภาพัฒน์ เบรกดัง ‘ดาต้าเซ็นเตอร์’ ผลาญน้ำ-ไฟมหาศาล จ้างงานต่ำ ซ้ำเติมเหลื่อมล้ำ

×

Share

ผู้เขียน